ตลาดแถวบ้านเสียงดัง เคยท้วงตลาด-แจ้งเทศบาลไปแล้ว แต่ไร้การแก้ไข

ข้อมูลทั่วไปของตลาด
- อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของเทศบาลตำบลด่านสำโรง
- เปิดขายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2564

- ตลาดระบุว่ามีพื้นที่สำหรับที่จอดรถ 300 คัน และที่ว่างสำหรับร้านค้า 200 ร้าน


ลำดับเหตุการณ์
29 พ.ย. 2564
- ทางตลาดได้มีการ "ลองเสียง" ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.00 น. ไปจนถึงเวลา 21.00 น. ซึ่งระดับเสียงนั้นดังจนหน้าต่างหลังบ้านของจขกท.เกิดการสั่นสะเทือน โดยเมื่อจขกท.ได้สอบถามไปยังเพจเฟซบุ๊กของตลาด ทางเพจตอบกลับมาตามภาพที่ 1

- จขกท.ได้ส่งคำร้องเรียนไปยังเว็บไซต์ของเทศบาลตำบล เมื่อเวลา 18.30 น. ของวันเดียวกัน ตามภาพที่ 2

30 พ.ย. 2564
- ทางตลาดได้ทำพิธีขึ้นศาลพระพรหมในช่วงเช้า ตามภาพที่ 1 ซึ่งจขกท.ยังพอเข้าใจได้ แต่เสียงก็ยังคงดังจนหน้าต่างหลังบ้านสะเทือนเช่นเดิม จขกท.จึงร้องเรียนไปยังเทศบาลตำบล ตามภาพที่ 3

1 ธ.ค. 2564
- ได้รับคำตอบจากทางเทศบาลตำบลว่าจะประสานหน่วยงานให้ตรวจสอบ ตามภาพที่ 3
- ทั้งนี้ ยังคงมีเสียงดังเช่นเดิม
2 ธ.ค. 2564
- มีการเล่นดนตรีสด และทางตลาดได้ทำการ live ลงเพจด้วย ซึ่งเมื่อเข้าไปแจ้งในคอมเมนต์ว่าเสียงดัง ก็ได้รับคำตอบตามภาพที่ 4

- จขกท.ก็ได้แจ้งไปยังเทศบาลตำบลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผ่านช่องทาง messenger ตามภาพที่ 6

3 ธ.ค. 2564
- ในช่วงเช้า ได้รับคำตอบจากเทศบาลเช่นเดิมว่าจะประสานหน่วยงาน ตามภาพที่ 6
- ในช่วงค่ำ ได้ร้องเรียนไปอีกครั้ง ตามภาพที่ 7

4 ธ.ค. 2564
- เทศบาลแจ้งกลับมาว่าจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเตือนให้ ตามภาพที่ 7

และช่วงหลายวันหลังจากนั้น ทางตลาดก็ยังคงใช้เสียงดังเช่นเดิม และเมื่อแจ้งไปยังเทศบาล ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม

10 ธ.ค. 2564
- แจ้งไปทางตลาดอีกครั้งว่าเสียงดัง ก็ได้รับคำตอบมาว่าเบาเสียงให้แล้ว พร้อมแนบค่าเสียงมาในภาพ 10 ซึ่งระบุเลข 87.4 เดซิเบล คาดว่ามีการใช้เครื่องวัดเสียงหลังจากเทศบาลส่งเจ้าหน้าที่ไปเตือน (ซึ่งโดยปกติ การรับรู้ระดับเสียงที่เกิน 80 เดซิเบลติดต่อกันนั้นมีผลต่อการได้ยินในระยะยาว)

13 ธ.ค. 2564
- ในช่วงเช้า ทางเทศบาลแจ้งว่า ได้ส่งเรื่องให้กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ตามภาพ 11
- ในช่วงบ่าย ได้มีตัวแทนจากทางเทศบาล พร้อมกับตัวแทนของทางตลาด มารับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกชุมชน
- ดนตรีดังเช่นเดิม

14 ธ.ค. 2564
- เริ่มมีรถกระจายเสียงของตลาดวิ่งไปตามถนนเพื่อโปรโมตตลาด โดยใช้ระดับเสียงดัง รอบเช้าและเย็น
- ดนตรีดังเช่นเดิม
- ในช่วงบ่าย มีตัวแทนจากทางเทศบาล มารับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกชุมชนอีกครั้ง เพื่อสอบถามว่าระดับเสียงดีขึ้นหรือไม่
15 ธ.ค. 2564
- มีรถกระจายเสียงออกวิ่งรอบเช้าและเย็น
- ดนตรีดังเช่นเดิม
- ในช่วงเย็น จขกท.ได้ไปเดินสำรวจบริเวณตลาด เพื่อดูว่ามีผู้นั่งฟังหรือไม่ ผลลัพธ์เป็นตามภาพ 12

16 ธ.ค. 2564
- มีรถกระจายเสียงออกวิ่งรอบเช้าและเย็น
- เนื่องจากไม่มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากทั้งเทศบาลและทางตลาด จขกท.จึงตัดสินใจส่งเรื่องไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด


ข้อสังเกต
- เพราะเหตุใด ตลาดนัดจึงมีการติดตั้งเครื่องเสียงไว้ ทั้ง ๆ ที่ตลาดนัดโดยปกติไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องเสียงแต่อย่างใด
- มีเหตุขัดข้องประการใดกับเครื่องเสียงของส่วนเวทีดนตรีสด จึงทำให้ไม่สามารถลดระดับเสียงลงได้
- ก่อนหน้านี้ ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง ทำไมถึงเป็นหน้าที่ของผู้อยู่อาศัยในชุมชนที่ต้องไปทักท้วงก่อนเสมอ

- เทศบาลตำบลและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดจะใช้เวลาแก้ไขนานเพียงใด และหากทางตลาดยังมีพฤติกรรมเดิม จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ความเห็นส่วนตัว

ตัวจขกท.ไม่ติดใจที่เปิดตลาด หากดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอน ไม่มีการตัดตอนผ่านผลประโยชน์ เห็นใจพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของลำบาก รวมถึงทางนักร้อง นักดนตรี ก็อยากให้มีรายได้กัน แต่ขอให้เกรงใจชาวบ้านที่บางคนเขาต้องทำงานที่บ้าน หรือบางคนไม่ได้ทำงานเขาก็อยากใช้ชีวิตอย่างปกติสุขของเขา เหมือนกับก่อนที่จะมีตลาด หรือแม้แต่บางคนอาจจะป่วย ต้องพักที่บ้าน แล้วมีเสียงดนตรีดังตึ้ม ๆ แบบนี้ จะให้ทำยังไง (เพื่อนบ้านจขกท.ก็พูดเหมือนกันว่าเสียงดัง)

เรื่องนี้สามารถยุติลงได้ง่ายมาก ๆ เพียงแค่ "เบาลำโพง" เพราะคนฟังก็มีอยู่แค่ตรงหน้าเวทีดนตรีสด กับผู้ค้าในตลาด ไม่จำเป็นจ้องเผื่อแผ่เสียงให้กับชุมชนโดยรอบ

ทั้งนี้ จขกท.ขอพูดแทนชาวบ้านในหลายพื้นที่ที่มีตลาดอยู่ใกล้บ้าน ตลาดบางที่แย่กว่านี้ก็มี ทั้งปล่อยน้ำทิ้ง กองขยะ ปัญหาจราจร แล้วพอไปร้องเรียน หน่วยงานท้องถิ่น หลายแห่งก็เช้าชามเย็นชาม (หรือโอ่งก็ไม่ทราบ) บางคนก็หมดศรัทธา ย้ายบ้านย้ายฐาน (ทั้ง ๆ ที่ต้นเหตุไม่ใช่การที่มีบ้านอยู่ใกล้ตลาด) บางเคสดีหน่อยที่จัดการลงตัว แต่บางเคสมีการส่งคนมาขู่มาทำร้าย ทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องเรียนนั้นทำไปเพื่อรักษาสิทธิในการอาศัยอยู่อย่างสงบสุข

ตลาดเป็นพื้นที่กลางของชุมชนในการแลกเปลี่ยน ไม่ใช่แค่สินค้า แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมชุมชน และทั้งหมดจำต้องอาศัยความเคารพและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เป็นฟันเฟืองสำคัญอีกชิ้นหนึ่งของสังคมระดับท้องถิ่น

ถ้าต่างฝ่ายต่างสนใจแต่ประโยชน์สุขของตัวเอง ไม่ไยดี ไม่เคารพ ไม่เกรงใจ ไม่พึ่งพา (คือร่วมมือแบบไม่เบียดเบียน) แบบนี้ก็พังกันหมด 

"ความเกรงใจไม่ใช่สมบัติของผู้ดี แต่เป็นสมบัติที่ทุกคนพึงมีติดตัว"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่