บอกเล่าชีวิตวัยรุ่น และการเป็นเชฟตามร้านอาหาร

เห็นหลายกระทู้มากเลย ถามว่าเป็นเชฟยากไหม อยากเรียนเชฟ บอกว่าอยากเป็นเชฟ ผมเลยจะมาเล่าประสบการณ์การทำงานของผม จากเด็กล้างจาน สู่หัวหน้าเชฟในร้านอาหารปันจุบันเลยครับ

ผมจะบอกในมุมของคนที่หาประสบการณ์เอานอกห้องเรียน ในการทำงานหาเลี้ยงชีวิตจริงๆเลยนะครับ หากอยากฟังในรั้วมหาลัย กระทู้นี้ไม่ตอบโจทย์แน่นอนครับ

สวัสดีพี่ๆและเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับ

- เริ่มจำความได้ก็เห็นมีดเห็นเขียงแล้วครับ ยายเป็นเชฟระดับภัตตาคาร และโรงแรม แต่หลังๆมาอยู่ร้านอาหารครับ มีแม่เป็นผู้ช่วย และป้าเป็นผู้ช่วยอีกคน ตอนเด็กๆเลิกเรียนมาก็มาช่วยงานยาย แลกค่าขนม เมื่อก่อนตอนยายผมยังทำงานอยู่ เจ้าของร้านใจดีมาก 10 กว่าปีที่แล้วไห้เงินผมวันนึงร้อยกว่าบาทเชียว เทียบกับเด็กโรงเรียนวัดมีเงินไปโรงเรียนวันละร้อยกว่าบาทถือว่าเยอะมาก


- ตอนเด็กไม่ชอบทำอาหารเลยครับ เหม็น ร้อน เบื่อ มีกลิ่นคาว แค่อยากได้เงินเฉยๆ


- ก็ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ จนเรียนจบประถม ก็เข้ามัธยมต่อ แต่ !!! เกเรครับ ติดเพื่อน เรียนไม่จบ อยากเป็นอายุน้อยร้อยล้าน ( ค้ายา ) ก็ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ไม่มีอะไร  จนวันหนึ่งผมมีแฟน. แฟนก็บอกว่า คิดอยากทำอะไรดีๆเหมือนคนอื่นบ้างมั้ย หากวันนึงโดนจับติดคุกมา ไม่รอนะ เชิญไปรับกรรมของเธอ ผมก็เลยเลิกครับ มาหางานทำ แต่เมื่อก่อนมันง่ายซะที่ไหนหละ กว่าจะได้งานทำ ยากนะครับ ตอนนั้นผมอายุ 15 ปี

- แถวบ้านมีร้านอาหารชื่อดังอยู่ เขาเห็นผมมาตั้งแต่เด็กๆ ค่อนข้างจะเอ็นดู ผมไปขอเขาเป็นเด็กล้างจาน แลกค่าแรงและค่าข้าว เขาตกลงครับ เงินเดือนแรกของผมคือ 8,500 บาท มีข้าวไห้ทานสองมื้อต่อวัน

- ลักษณะงาน เข้างาน 08.00 - 22.00  สำหรับเด็กล้างจาน จะมีจานไห้ล้างเป็นสองรอบ รอบแรกคือ 14.00 ล้างเสร็จก็ไปเบรก จะได้เบรกนานแค่ไหน อยู่ที่ความไวในการล้างของเรา ( ต้องสะอาดด้วยนะ )
ผมล้านจานบ่ายสอง เสร็จสี่โมงเย็น แต่ผมไม่เบรก ก็เดินไปดูในครัว ว่าเขาทำอะไรกัน พี่ครับ นี่อะไร นั่นอะไร นู่นอะไร เอาไว้ทำอะไร ก็ถามไปเรื่อยๆ เพราะเราเป็นเด็ก อยู่คนเดียวเหงา ทำงานชอบหาเพื่อนคุย
เขาก็บอกว่า ไว้หั่นทำผัดผัก ไว้หั่นทำยำ ไว้หั่นแกง


- ใช้ชีวิตในร้านอาหารได้เดือนกว่าๆ จุดเปลี่ยนในชีวิตมาถึงครับ เจ้าของร้านเห็นผมเข้าไปเล่นในครัวบ่อยๆ เขาเลยถามว่า สนใจทำงานในครัวป่าว ล้างจานเหมือนเดิม แล้วมาฝึกงานครัว จะไห้เพิ่มชั่วโมงละ 50 บาท ผมตกลงทันทีเลยครับ ( ตอนนั้นมีแฟน คงอยากจะได้เงินเยอะๆพาแฟนไปเที่ยว ไปซื้อเสื้อผ้า เติมโปรบีบี  )  

- ก็ล้างจานและช่วยงานครัวไปเรื่อยๆ ผ่านไปประมาณครึ่งปี ผมก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นหน้าเขียงแล้วครับ เงินเดือน จาก 8,500 เพิ่มมาเป็น 12,500 ที่ผมเติบโตไวเพราะอยู่ในห้องครัวมาตั้งแต่เด็กๆ รู้จักเนื้อรู้จักผักครับ ตอนนั้นที่รุ่นพี่เขาสอน คือ วิธีหั่นผัก วิธีหั่นเนื้อ การจัดเก็บวัตถุดิบ การสต็อกของ อะไรทั่วๆไปที่ผู้ช่วยกุ๊กทำครับ ( ร้านอาหารจะไม่ค่อยเจอเชฟ จะมีก็แต่กุ๊ก ส่วนมากที่ผมเจอมา ก็กุ๊กนี่แหละครับ แต่เรียกตัวเองว่าเชฟ ส่วนตัวผมคนที่ผมเรียกว่ากุ๊ก คือความสามารถยังไม่ถึงเชฟครับ แต่อยู่ในฐานะลูกมือของเชฟโดยตรง)

- ทำงานมาได้ประมาณ 1 ปี ผมก็ขอลาออกครับ เพราะเขาไม่มีอะไรจะสอนแล้ว จะมีก็แต่งานหน้าเตา ซึ่งหลายๆคนมองว่ามันเร็วเกินไปที่ผมจะขึ้นหน้าเตา ด้วยหลายๆปัจจัย คือ
1 . การควบคุมไฟ
2 . น้ำหนักมือ การบริหารว่าเมนูไหนทำก่อน เมนูไหนทำหลัง
3. วัตถุดิบตัวนี้ รุนแรงกับเขาได้หรือไม่
นึกภาพตามนะครับ อย่างเราทำข้าวผัดหมู โอเค เราไส่แรงเต็มที่ แต่หากเราทำข้าวผัดปลา จะไปผัดใช้แรงเต็มที่ไม่ได้ครับ เละหมด
4. ปีเดียวมันเร็วเกินไป เราเรียนรู้แค่วิธีทำงาน แต่เรายังไม่เคยเรียนรู้วิธีสอนงานคนอื่น จะเป็นหัวหน้าคน มันไม่ได้ง่ายอย่าที่คิด

5 . เรายังบริหารไม่ได้ว่าเมนูนี้ต้นทุนกี่บาท ทำแล้วจะได้กำไรเท่าไหร่ ยังจัดคอร์สไม่เป็นเลย ยังทำเมนูแนะนำไม่ได้ ยังสร้างสรรค์วัตถุดิบไม่ดีพอ ( อย่างเช่น ได้ปลามาหนึ่งตัว คุณต้องรู้ ว่าก้างเอาไปทำอะไร กระดูกทำอะไร เนื้อทำอะไร ท้องทำอะไร

6.ยังไม่หลากหลายทางด้านอาหารพอ อย่างเช่น อาหารฝั่งอ่าวไทย และ ฝั่งอันดามัน อาหารมันคนละสไตล์เลยครับ

# ทุกวันนี้ทุกข้อที่ผมกล่าวมา ผมทำได้หมดแล้วครับ


- ผมไปสมัครงานที่ภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่ง ก็บอกไปว่าเคยทำอะไรมา ก็ได้คุยกับกุ๊กโดยตรงเลยครับ เขาบอกว่าพรุ่งนี้ไห้มาทำ

ผมไปเริ่มไหม่ที่ภัตตาคารผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ ท้อมาก

-  วิธีการหั่น การจัดเตรียม ชนิดของวัตถุดิบที่ใช้ ไม่เหมือนกันกับที่เคยเรียนมา และกุ๊กที่นั่นก็ไม่ค่อยเอาผมสักเท่าไหร่ เขาจะเอาแค่ลูกน้องคนสนิท ผมกับลูกน้องคนสนิทเขามีปากเสียงกันจนถึงขั้นโดนย้ายแผนกงานเลยครับ  
- กุ๊กบอกผมว่า จะเรียนรู้งานอะ ต้องมีค่าครูด้วยนะ รีเจนซี่ 1 กลม ไม่งั้นไม่เป็นงาน
ผมไปทำงานได้ 5 วันเงินเดือนออก ต้องมาซื้อเหล้าไห้มันกินอีก ขอเดือนหน้าก็ไม่ได้ โคตรใจร้ายเลย ทำงานได้ 5 วันได้เงิน 1500 ซื้อเหล้าไห้มันไปเหลือติดเป๋าอยู่ 1000 แล้ววีคนี้จะใช้เงินยังไงพอวะ !!!!!


-  ผมเป็นคนตรงๆ ไม่ประจบ ทำงานไม่มีลูกเล่นหรอกครับ มีหน้าที่มา ผมก็ทำของผม ว่างก็ไปช่วยคนอื่นทำ แต่ลูกน้องเขาช่างประจบซะเหลือเกิน  วันนึงไปกินเหล้ากับกุ๊ก มาทำงานสาย ทำไปได้แปปนึงเวียนหัว ขอเข้าไปนอนในห้องพักพนักงาน พอเจ้าของร้านมาดู งานไม่เรียบร้อย กุ๊กโดนด่า แล้วกุ๊กก็มาด่าผมอีกว่าทำงานช้า ทั้งๆที่ผมต้องรับผิดชอบงานของตัวเองและต้องไปช่วยงานลูกน้องเขาอีก มันไม่ไช่หน้าที่อะไรผมเลย แรกๆผมแค่ไปช่วย พอช่วยเข้าบ่อยๆทำไมถึงมาเป็นหน้าที่เราวะ งง !

  มีปากเสียงกันจนเขาไปขอไห้ผมย้ายไปเป็นเด็กเสิร์ฟ ผมน้ำตาไหลเลย มาเรียนรู้งานครัว ไล่ผมไปทำเสิร์ฟทำไมอ่ะ เห้ย พี่เข้าใจไรผิดรึป่าว และเมียเขาเป็นกัปตัน ผมโดนจิกกัดตลอด น่ารำคาญมาก สุดท้ายอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน ลาออกครับ มีร้านอาหารไทยโมเดิร์นมาเปิดอยู่ปากซอยภัตตาคาร ผมแอบไปสมัครและกลับมาลาออกกับเจ้าของร้าน โดยบอกไปว่า ผมได้งานไหม่ทำแล้ว ร้านอยู่ปากซอย เป็นร้านที่พึ่งมาเปิดไหม่ ( ก็ได้ออกสมใจ และไม่ได้เงินประกันคืนด้วย 5000 บาท เพราะต้องเขียนใบลาออกล่วงหน้าก่อนหนึ่งเดือนแต่ผมออกกระทันหันเลยครับ แต่ช่างมันได้ออกก็เหมือนได้โบนัส ส่วนไอกุ๊กคนนั้น ทุกวันนี้ยังแค้นอยู่เหมือนเดิมครับ 555555. )

- มาที่ทำงานไหม่ต่อ ผมโชคดีมาก เจอเชฟครับ เชฟแบบเชฟเลย โอโห เก่งอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ อายุ 26 เอง แต่เก่งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ประสบการณ์โชคโชน ไอดอลเลยครับพี่ ใจเย็น ใจดี ไม่ด่า ไม่กั๊ก ไม่หวงวิชา สอนหมดเลย อยากรู้อะไรสอน ไปทำงานสายไม่ด่า แต่พูดไห้คิดได้ว่าปัญหามาจากอะไรทำไมถึงมาทำงานสาย และควรแก้จากอะไร อย่างวันนั้นผมมาสาย เขาถามว่า ทำไมมาทำงานสายครับน้อง ผมตอบว่า เมื่อคืนเมาหนักมากครับ งอแงตื่นช้า เขาก็ตอบกลับมาว่า น้องไปดื่ม น้องมีความสุขด้วยตัวน้องเอง แต่น้องมาสาย เพื่อนร่วมงานต้องมาทำงานแทนน้อง แบบนี้ไม่น่ารักนะครับ คราวหลังอย่าทำอีกนะ โห ผมนี่รู้สึกผิดมากกว่าโดนด่าอีก หลังจากนั้นไม่เคยสายอีกเลยครับ ทำงานที่นี่มา 3 ปี ไม่เคยเข้าสายเลย นอกจากลาสายเพราะมีกิจ

- เขาก็สอนเพิ่มหมดนะครับ การทอด การยำ การแกะสลัก อะไรหลายๆอย่าง การล้างผัก การดูน้ำมะนาวในแต่ละฤดู การทำปลาน้ำลึก การทำปลาน้ำจืด การทำปลาน้ำเค็ม การลับมีด การทำอาหารด้วยเตาอบ ผมเป็นผู้ช่วยเขาอยู่สองปีครับ จนปีที่สาม ผมได้ขึ้นเป็นกุ๊กละ ได้อยู่หน้าเตาสมใจ แต่ผิดครับ ทางร้านเพิ่มโซน Bar & grill  และก็ตามนั้นเลย เชฟสุดที่รักของผม ไล่ผมไปอยู่บาร์กริล เถียงกันครัวแทบแตก สุดท้ายต้องยอมครับ ลูกพี่สั่ง 55555555 ก็ทำๆบ่นๆอยู่พักนึง สุดท้ายเข้าใจพี่เขาเลยครับ ที่ไล่ไห้มาทำงานด้วยเตาถ่าน เพราะมันยากกว่าเตาแก๊ส เตาแก๊สมัน เปิดแก๊ส เบาแก๊ส ปิดแก๊สได้ แต่เตาถ่านมันทำไม่ได้ มันมีแค่ร้อน กับร้อนมากๆจนอาหารไหม้ ( เคยมีครั้งหนึ่งลูกค้าเยอะมากๆ เตาถ่านก็ไฟแรงมากๆจนวัตถุดิบเกือบไหม้ พี่เขาใช้ไห้ไปเอาทรายหลังร้าน มากลบถ่านลดอุณหภูมิไว้ได้ ) ไปทำหน้าบาร์กริลอยู่ 1 ปี สุดท้ายก็ได้กลับเข้าห้องครัวครับ แต่กลับมารอบนี้ ผมเป็นกุ๊ก และพี่เขาไม่ต้องทำเองแล้วครับ ชิมอย่างเดียว และคอยออกเมนูไหม่ คอยสอนงานหน้าเขียงคนไหม่ๆไห้ หรือพูดง่ายๆ คือเป็น หัวหน้าเชฟแล้วครับ ตอนนั้นผมอายุ 19 มีเงินเดือนเดือนละ 19,000 สนุกกับชีวิตมากครับ

- ดั่งสุภาษิตที่ว่า งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลาครับ ลูกพี่ผมลาออกไปทำงานอย่างอื่น เปิดกิจการเอง ผมก็ลาออกตาม โดยมีเส้นสายของเขา ส่งผมไปฝึกงานต่อที่กรุงเทพ อาหารยุโรป ฝึกต่ออีก 2 ปีครับ ก็จะได้อาหารไทย ไทยที่ว่านี่คือ ใต้ กลาง เหนือ อีสานนะครับ ผมถึงเรียกว่าไทย และได้อาหารยุโรป อิตาลี่  และมีจีนนิดหน่อยครับ
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรครับ ใช้ชีวิตในห้องครัวมาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้

-  หลายคนบอกอยากเป็นเชฟ สำหรับคนอื่นมองอาชีพนี้ยังไงไม่รู้นะครับ ผมเริ่มเข้าทำงานร้านอาหารตอนอายุ 15 ปัจจุบัน 22 วุฒิการศึกษาระดับประถม ปัจจุบันเงินเดืน 21,000 บาท โอทีชั่วโมงละ 53 มีข้าวเลี้ยงวันละ 1 มื้อ ตอนนี้กำลังวางแผนกลับไปเทียบโอน กศน. ครับหาทางเรียนจบปริญญาตรี อยากเรียนภาษา เพื่อเข้าไปหาประสบการณ์เพิ่มในโรงแรม และหาใบเบิกทางไปเป็นเชฟที่ต่างประเทศครับ



ผมจะสรุปไห้ฟังเลยนะครับ


สรุป . ที่ผมเจอมาคือร้านอาหาร สายโรงแรมเป็นยังไงผมยังไม่แน่ใจ
- ใจไม่รักจริงๆอย่ามา อย่าคิดว่ามาเป็นเชฟเพราะไม่มีอะไรทำ อย่าคิดว่าแค่ชอบทำอาหารอยู่บ้านแล้วเป็นเชฟได้ คิดผิดมากนะครับ  # ต้องอยู่ในครัวที่ร้อนมากๆ อุบัติเหตุตลอดเวลา ลื่น มีดบาด น้ำร้อนลวก ทำต้องงานแข่งกับเวลา เหนื่อยมากๆจะมานั่งพักไม่ได้นะครับ ลูกค้าเขารอทานข้าว เราต้องสู้กัยความหิวของเขา

- อย่าหวังวันหยุดเทศกาล ไม่มีครับ อย่างที่รู้ๆกัน ตามเทศกาลวันสำคัญ คนชอบมานั่งร้านอาหาร กลับบ้านเนื้อตัวมอมแมม ไม่มีหรอกครับ ภาพเท่ๆอย่างในหนังและในรายการ

- ไม่ไช่ว่าทุกคนจะโชคดีเจอคนที่เขาสอนไห้แบบผม คุณต้องเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ไม่เหยาะแหยะ งานคืองาน มีดบาดคือไม่มีเวลาเจ็บ หาพลาสเตอร์มาแปะแล้วรีบทำงานต่อ อย่าอ่อนแอครับ น้ำมันกระเด็นไส่นี่ อย่าวิ่ง ต้องสู้กับมันครับ ลูกค้ารอทาน

- ว่างแล้วอย่านั่ง ห้องครัวต้องสะอาด เช็ดไปเลย เช็ดไปเรื่อยๆ ต้องแวววับนะครับ เป็นเชฟแล้วมีหนูมีแมลงสาบวิ่งในครัวนี่ บ่งบอกถึงอะไรหลายอย่างนะครับ


- ส่วนข้อดีของอาชีพเชฟหรอครับ

- ไม่ตกงานแน่นอน ตราบใดที่ยังมีร้านอาหารและโรงแรมอยู่

- ต่อยอดได้หลายอย่างครับ เปิดสถาบันสอนทำอาหาร ขายคอร์สสำหร้บเปิดร้านอาหาร

- หรือเปิดร้านอาหารเองก็ได้ครับ

- เก่งจริง เงินเดือนสูงครับ คนที่สอนผมทำอาหาร ปัจจุบันนี้ ไม่ได้ทำอาหารแล้วครับ ดูแลโรงแรมไห้เขาอยู่ 2 โรงแรม ออกแบบเมนู วางแผน และเข้าไปประชุมอยู่บ้าง เปิดร้านขนมปังเล็กๆแต่ขายดีมากๆขายแค่คู่ละ 20 เอง  ทุกวันนี้รายได้ของพี่เขาอยู่เดือนละประมาณ 200-250  k ครับ   อายุพึ่งจะ 30 เอง มีเวลาอยู่ใช้เงินอีกเยอะเลยครับ


# สุดท้ายก็ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบนะครับ หากผมเขียนได้ไม่ดียังไง ขออภัยด้วยครับ ผมเรียนจบแค่ประถม ทุกอย่างที่ใช้ในชีวิตประจำวัน หาเอานอกห้องเรียนหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานและการเขียนหนังสือ


   ยังมีประสบการณ์ในห้องครัวอีกเยอะครับ ที่ไม่ได้เล่า เพราะหมดเวลาพักเบรกแล้วครับ ขออนุญาติกลับเข้าห้องครัวก่อนนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่