กว่าจะเป็นภาพยนตร์ 1 เรื่อง มีต้นทุนอะไรบ้างที่ต้องเสีย
สำหรับใครที่ชื่นชอบการดูหนัง รู้หรือไม่ว่ากว่าที่หนังเรื่องหนึ่งจะออกมาให้เราได้รับชมกันนั้น มีต้นทุนที่จัดว่าสูง หากใครเคยได้ยินต้นทุนของหนังดังหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Avatar ที่มีทุนสร้างที่ 237 ล้านเหรียญฯ ก็คงจะสงสัยว่า ต้นทุนที่ว่านั้น มีอะไรบ้าง วันนี้ FinSpace จะมา List เป็นข้อ ๆ แบบสั้น ๆ มีอะไรบ้าง มาไล่ดูกันทีละข้อได้เลย
1.สคริปท์ (Script)
ถือเป็นส่วนที่สามารถชี้วัดความปังหรือแป้กของภาพยนตร์ได้เลยทีเดียว ซึ่งในหนังแต่ละเรื่องก็จะมีค่า Script ที่ไม่เท่ากัน เช่น “The Terminator” หรือฅนเหล็ก 2029 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้กำกับชื่อดังในภาคนั้นอย่าง James Cameron ขาย Script เพียง 1 เหรียญฯ !! แลกกับการเป็นผู้กำกับของหนัง
.
.
2.ค่าจ้างดารานักแสดงที่อยู่เบื้องหน้าปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่าพลังของดาราที่แสดงในภาพยนตร์เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้หนังมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งต้นทุนของดารานักแสดงจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความโด่งดังและข้อตกลงที่ได้ทำไว้ เช่น Keanu Reeves ได้ค่าตัวจากการรับบทใน The Matrix ภาคแรก 10 ล้านเหรียญฯ และได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเติมจากการที่หนังสามารถทำเงินได้อีก 25 ล้านเหรียญฯ ซึ่งรายได้ที่เขาได้รับรวมทั้ง 3 ภาค อยู่ที่ 250 ล้านเหรียญฯ
.
.
3.Production costs
นอกจากดารานักแสดงแล้ว เบื้องหลังที่ทำให้ภาพยนตร์เป็นไปในทางที่ผู้สร้างต้องการ คือ ผู้กำกับ ทีมงานเบื้องหลังต่าง ๆ เช่น ทีมงานตัดต่อ, Stuntman เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
.
.
4.Special effects และเพลงประกอบหนัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังหลาย ๆ เรื่องมักจะใส่ Special effects เพื่อความสมบูรณ์ตามจินตนาการของผู้สร้าง และเพลงประกอบหนังเพื่อให้ผู้ชมอย่างเรา ๆ มีอารมณ์ร่วมไปกับหนังได้ ซึ่งในแต่ละเรื่องก็จะใช้ต้นทุนส่วนนี้มากน้อยแตกต่างกันไป อย่างหนังเรื่อง “The Terminator 2: Judgement Day” ใช้ทุนประมาณ 15 – 17 ล้านเหรียญฯ ในการสร้าง CGI สำหรับตัวละครอย่าง T-1000 ซึ่งเป็นตัวละครที่น่าจดจำสำหรับใครหลาย ๆ คน
.
.
5.Marketing
เป็นอีกตัวแปรสำคัญหนึ่งที่ช่วยผลักดันความปังของหนัง ซึ่งต้นทุนนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมมองของ Studio ผู้สร้าง โดยส่วนใหญ่ ต้นทุนตรงนี้คิดเป็น 35% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งจะไม่นับเป็นรวมอยู่ในต้นทุนที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ที่มา FinSpace
กว่าจะเป็นภาพยนตร์ 1 เรื่อง มีต้นทุนอะไรบ้างที่ต้องเสีย
สำหรับใครที่ชื่นชอบการดูหนัง รู้หรือไม่ว่ากว่าที่หนังเรื่องหนึ่งจะออกมาให้เราได้รับชมกันนั้น มีต้นทุนที่จัดว่าสูง หากใครเคยได้ยินต้นทุนของหนังดังหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Avatar ที่มีทุนสร้างที่ 237 ล้านเหรียญฯ ก็คงจะสงสัยว่า ต้นทุนที่ว่านั้น มีอะไรบ้าง วันนี้ FinSpace จะมา List เป็นข้อ ๆ แบบสั้น ๆ มีอะไรบ้าง มาไล่ดูกันทีละข้อได้เลย
1.สคริปท์ (Script)
ถือเป็นส่วนที่สามารถชี้วัดความปังหรือแป้กของภาพยนตร์ได้เลยทีเดียว ซึ่งในหนังแต่ละเรื่องก็จะมีค่า Script ที่ไม่เท่ากัน เช่น “The Terminator” หรือฅนเหล็ก 2029 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้กำกับชื่อดังในภาคนั้นอย่าง James Cameron ขาย Script เพียง 1 เหรียญฯ !! แลกกับการเป็นผู้กำกับของหนัง
.
.
2.ค่าจ้างดารานักแสดงที่อยู่เบื้องหน้าปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่าพลังของดาราที่แสดงในภาพยนตร์เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้หนังมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งต้นทุนของดารานักแสดงจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความโด่งดังและข้อตกลงที่ได้ทำไว้ เช่น Keanu Reeves ได้ค่าตัวจากการรับบทใน The Matrix ภาคแรก 10 ล้านเหรียญฯ และได้รับส่วนแบ่งเพิ่มเติมจากการที่หนังสามารถทำเงินได้อีก 25 ล้านเหรียญฯ ซึ่งรายได้ที่เขาได้รับรวมทั้ง 3 ภาค อยู่ที่ 250 ล้านเหรียญฯ
.
.
3.Production costs
นอกจากดารานักแสดงแล้ว เบื้องหลังที่ทำให้ภาพยนตร์เป็นไปในทางที่ผู้สร้างต้องการ คือ ผู้กำกับ ทีมงานเบื้องหลังต่าง ๆ เช่น ทีมงานตัดต่อ, Stuntman เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายทำ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
.
.
4.Special effects และเพลงประกอบหนัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังหลาย ๆ เรื่องมักจะใส่ Special effects เพื่อความสมบูรณ์ตามจินตนาการของผู้สร้าง และเพลงประกอบหนังเพื่อให้ผู้ชมอย่างเรา ๆ มีอารมณ์ร่วมไปกับหนังได้ ซึ่งในแต่ละเรื่องก็จะใช้ต้นทุนส่วนนี้มากน้อยแตกต่างกันไป อย่างหนังเรื่อง “The Terminator 2: Judgement Day” ใช้ทุนประมาณ 15 – 17 ล้านเหรียญฯ ในการสร้าง CGI สำหรับตัวละครอย่าง T-1000 ซึ่งเป็นตัวละครที่น่าจดจำสำหรับใครหลาย ๆ คน
.
.
5.Marketing
เป็นอีกตัวแปรสำคัญหนึ่งที่ช่วยผลักดันความปังของหนัง ซึ่งต้นทุนนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมมองของ Studio ผู้สร้าง โดยส่วนใหญ่ ต้นทุนตรงนี้คิดเป็น 35% ของต้นทุนทั้งหมด ซึ่งจะไม่นับเป็นรวมอยู่ในต้นทุนที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
ที่มา FinSpace