ใครนอนไม่หลับบ้าง ขอสอบถามหรือขอความเห็นหน่อยค่ะ

คือ เราเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ พอนอนไม่หลับก็จะคิดไปเรื่อยแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะถามค่ะ เราไม่รู้เป็นโรคหรือมีปัญหาทางจิตหรือเปล่าที่เวลาก่อนนอนหรือเวลาที่ว่างๆ เราจะชอบคิดถึงคนๆนึง คิดถึงในที่นี้คือเหมือนจินตนาการไปเป็นเรื่องเลยจ้า เป็นหนังเลย คิดเกินกว่าความเป็นจริงเหมือนหนังแฟนตาซี แล้วเราอ่ะอยากนอนเพราะจะได้คิดถึงเขา แก นึกออกไหม จินตนาการเป็นเรื่องเลย บางทีมีฉากร้องไห้ หัวเราะคนเดียวอยู่ใต้ผ้าห่ม ใช่ เราเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว 4-5 ปีแล้ว ซึ่งมีความสุขแล้วเหมือนได้ใกล้ชิดกับเขาขึ้นทั้งๆที่ไม่ค่อยได้คุยหรือได้เจอกันเลย แต่พอมาวันนี้ เราไม่ควรคิดถึงคนๆนั้นอีกแล้ว ด้วยความที่เคยชิน มันเลิกไม่ได้เลยค่ะ เราควรทำยังไงคะ หรือใครเคยเป็นขอฮาวทูหน่อยค่าา
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นเรื่องปกติค่ะ จิตใจคนเราชอบไปอยู่กับสิ่งที่ให้ความสุข อย่าไปโยงเป็นเรื่องปัญหาทางจิตหรือโรคซึมเศร้าเลย ถ้าไม่ได้ซึมเศร้ามากหรือวิกลจริตก็ไม่ต้องไปพบจิตแพทย์ด้วยค่ะ เพราะหากโชคร้ายเจอแพทย์ที่ไม่มีจรรยาบรรณ ก็อาจจะได้ยานอนหลับหรือยาเกี่ยวกับจิตเวชอื่นๆมากินทั้งๆที่ไม่มีโรคทางจิตเวชใดๆเลย ยาพวกนี้กินไปแล้วเลิกยากมาก แค่ลดปริมาณลงก็ส่งผลกระทบกับการนอนและสภาพจิตใจในระดับที่ควบคุมยาก หลายคนจึงต้องกินต่อเนื่องไปตลอด

แต่ก่อนเราเป็นนักจินตนาการตัวยงเลย ทำแล้วมันมีความสุข อยากจะนั่งรถเมล์รถไฟนานๆ เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับจินตนาการที่สร้างขึ้น ก่อนนอนก็ชอบจินตนาการจนเคลิ้มสุขแล้วหลับไป เป็นตั้งแต่ม.ต้นจนอายุประมาณ 30 ปี ก็ได้เริ่มฟังธรรมะและรู้ว่าพลาดอะไรไป

รู้ว่าการเพลินอยู่กับจินตนาการให้ความสุขก็จริง แต่พอสุขก็จะเฝ้าวนเวียนคิดเพื่อจะได้สุขอีกเรื่อยๆ แน่นอนการจินตนาการไม่ใช่เรื่องผิดเลย ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนด้วยซ้ำ แต่จริงๆแล้วนั้นเรากำลังเบียดเบียนตัวเองอยู่ เพราะการที่ปล่อยให้จิตใจล่องลอยบ่อยๆและนานๆขนาดนั้น จะทำให้เราไม่มีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่อยู่กับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ได้เรียนรู้กายและใจในปัจจุบัน

ก็จะเห็นว่าผู้ไม่มีสติและสมาธิจดจ่ออยู่กับปัจจุบันนั้น จะเป็นคนประมาท ในการที่จะคิดจะทำในเรื่องที่มีคุณค่ามากกว่านั้น ชีวิตคนเราสั้น ส่วนใหญ่ก็อยู่กันไม่ถึง 100 ปี ก็หมดอายุขัยแล้ว หากรวบรวมเวลาในชีวิตนี้ทั้งหมดที่เราไปเพลินอยู่กับความคิด และจินตนาการเราจะพบว่าเราอยู่กับปัจจุบันไม่ถึง 10-20% เลยด้วยซ้ำ พอถึงวัยใกล้ฝั่งก็จะเริ่มรู้สึกเสียดายเวลาที่ไปเพลินอยู่กับความคิดเสียค่อนชีวิต

นอกจากนั้นผู้ที่ไม่ค่อยมีสติก็จะไม่เท่าทันอารมณ์และความคิดทั้งหลาย ทำให้บางคนขี้หงุดหงิด ขี้รำคาญ ขี้อิจฉา ขี้น้อยใจ ขี้อาฆาตพยาบาท ขี้กังวล ขี้กลัว ฯลฯ ทำให้คิดว่าเป็นนิสัยเฉพาะตัว แต่จริงๆแล้วอารมณ์และความคิดเป็นสิ่งที่จรเข้ามา พอเราไม่รู้เท่ารู้ทันเราก็ไปปรุงแต่งเพิ่มเติม ทำให้กลายเป็นคิดว่าเราหรือเขาเป็นคนเช่นนั้น แต่จริงๆแล้วมันเป็นสิ่งจร นิสัยต่างๆจึงแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้นได้ อยู่ที่จะทำหรือไม่

ไม่นานมานี้ฟังธรรมะเรื่องนึง รู้สึกชอบมากเลยอยากจะแบ่งปัน แต่จะใส่ไว้ในสปอยล์นะคะ จะได้ไม่รบกวนสายตาสำหรับผู้ที่ไม่สนใจทางนี้ และอีกอย่างก็เขียนยาวมากแล้วด้วย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่