เมนู "ไข่น้ำ" ณ บ้านท่าดินแดง

ตึ่งหนั่งเกี้ย ตอน เมนู "ไข่น้ำ" ณ บ้านท่าดินแดง
ใครรู้สึกว่ายาวไปก็กลับมาอ่านต่อวันหลังได้ค่ะ อิอิ
เช้านี้มาพร้อมเรื่องราวของอาอึ้ม (คุณแม่) อีกแล้วค่ะ พอได้คุยกับอาตั่วแจ้ (พี่สาวคนโต) ทีไร ได้เรื่องราวเก่าๆมาให้คิดถึงอาอึ้มทุกที 
จริงๆเมนูนี้แม่นันทำมาหลายครั้งแล้วค่ะ แต่พอได้รู้ถึงความเป็นมาของเมนูนี้ น้ำตาก็พาลจะไหล (อีกแล้ว)
อาอึ้มทำไข่น้ำแบบนี้ให้พวกเราทานตอนเด็กๆ ซึ่งมันอร่อย เพราะเนื้อไข่นุ่มมาก น้ำซุปก็กลมกล่อม อย่างที่บอกตอนเด็กๆ 
แม่นันชอบเข้าครัวพร้อมอาอึ้ม ครัวบ้านเรามีเตาสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ ตรงกลางใต้เตาไว้เก็บถ่านเก็บขี้ไต้ ด้านบนจะมีเตากลมๆสองข้าง 
เวลาจะทำอาหารต้องก่อไฟก่อน อาอึ้มสอนให้วางขี้ใต้ หรือไม่ก็เศษไม้เล็กๆนำไฟก่อน แล้วเอาถ่านก้อนเล็กๆวางไว้ด้านบนสลับขวางไปมา 

ตั้งแต่นั้นอาหมวยก็เริ่มใช้เตาถ่านเป็น แต่ไม่เคยรู้ที่มาที่ไปก่อนตัวเองจะเกิดว่ามันมีเรื่องราวปนน้ำตาอะไรมากมายก่อนหน้านั้น
เมนูไข่น้ำนี่ก็เหมือนกันค่ะ อาตั่วแจ้เล่าว่า สมัยนู้นบ้านเรายากจนมาก ไม่มีเงินซื้อกับข้าวได้ดั่งใจเหมือนใครเค้า 
อาป๊ะ (พวกเราเรียกคุณพ่อว่า "อาป๊ะ") หลังจากออกมาจากบ้านใหญ่ที่ฮวย จุ่ง ล่ง 
(เปลี่ยนเป็น ล้ง 1919 เมื่อสี่ปีก่อน และปัจจุบันก็กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวด้านสุขภาพระดับโลกไปแล้วค่ะ) 
ใครเกิดทันฮวยจุ่งล่งบ้างคะ ไว้แม่นันจะย้อนมารำลึกถึงบ้านในฮวยจุ่งล่งให้ฟังค่ะ
อาป๊ะ (ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงเผา เครื่องปั้นดินเผาสมัยนั้น หรืออากงของแม่นันเอง) 
พาอาอึ้มย้ายออกมาจากบ้านใหญ่ทำไม *ไว้แม่นันจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
เมื่อพาอาอึ้มออกมาแล้ว ก็มารับเหมาก่อสร้างเล็กๆน้อยๆได้เงินมาก็เอาไว้ใช้จ่ายภายในบ้านแต่ละวัน
ดังนั้นเมนูแต่ละวันก็จะเป็นอะไรง่ายๆที่ไม่แพงนัก เมนูไข่น้ำนี้ก็เช่นกัน อาตั่วแจ้เล่าว่า 
บ้านเราจะซื้อไข่ทีละหลายๆฟองได้ด้วยการซื้อจากพ่อค้าแม่ค้าที่เค้าคัดไข่แตกไว้ต่างหาก 
(นึกภาพออกมั้ยคะ ไข่ที่เปลือกแตกร้าว ไม่สวย ไม่มีใครอยากซื้อ) เค้าจะแยกไข่ออกมาใส่กระทงแห้งไว้ 
กระทงละห้าฟอง ในราคาสลึง - ห้าสิบสตางค์ สมัยนู้นหมูกิโลละไม่เท่าไหร่ ซื้อทีละบาทสองบาทก็ได้ 
อาอึ้มเคยเล่าให้แม่นันฟังว่าสมัยเด็กๆยังไม่เกิดหมูกิโลละหกสลึงเอง
กลับมาดูเมนูไข่แตกกระทงละห้าสิบสตางค์ที่เป็นกลายเป็นเมนูยอดฮิตสำหรับบ้านเรากันค่ะ 
อาอึ้มที่เป็นคุณหนูสิงคโปร์ตกยากทำกับข้าวก็ไม่เป็น แต่กลับมีความคิดทำกับข้าวได้อย่างสร้างสรรค์ 
อาตั่วแจ้เล่าว่า อาอึ้มต้มน้ำซุป แล้วก็เอาไข่แตกๆเหล่านี้มาตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ซอยต้นหอมใส่หน่อย 
พอน้ำซุปเดือดจัดๆ ก็ค่อยๆเทไข่ลงไป ไข่พอเจอน้ำซุปเดือดจัดก็เริ่มสุกเป็นสายๆ ค่อยๆกอดกันเป็นก้อน กลายเป็นไข่น้ำแสนอร่อยไปเลยค่ะ
หมายเหตุ: ไม่กล้ายืนยันว่าอาอึ้มเป็นคนคิดเมนูนี้เอง นางอาจจะจำเมนูนี้มาจากสิงคโปร์หรือที่ไหนก็ได้ค่ะ 
เดี๋ยวจุดธูปไปถามให้ค่ะ โชคดีที่แม่นันเกิดทันได้กินเมนูนี้จากฝีมืออาอึ้มเอง ทำให้สามารถจดจำรสมือของอาอึ้มได้ 
(อาอึ้มจากไปตอนพี่ภูมิเพิ่งอายุได้สามเดือนค่ะ ตอนนี้พี่ภูมิอายุ 22 แล้วค่ะ) 
ทีนี้มาดูวิธีทำจากรสมืออาอึ้มโดยแม่นันกันค่ะ
๑. ตั้งหม้อต้มน้ำสต้อคจนเดือด สมัยอาอึ้มคงไม่มีเวลามาเตรียมน้ำสต็อคเหมือนแม่นันหรอกค่ะ) 
ปรุงด้วยเกลือ น้ำตาลทราย พริกไทย และซี่อิ๊วขาว (ถ้าไม่มีน้ำสต็อค ต้มน้ำใส่คนอร์ก้อนเลยค่ะ)

๒. ตีไข่จนเนื้อเนียน เหยาะพริกไทยหน่อย ตีให้เข้ากัน แล้วค่อยเทใส่น้ำซุปที่เดือดจัด

๓. รอสักพักจนเนื้อไข่ค่อยๆกอดกันเป็นก้อนนุ่มๆ ค่อยปิดเตาค่ะ อย่ารอให้ไข่สุกเกินไปนะคะ เนื้อไข่จะกระด้าง ไม่อร่อยค่ะ 
ตักใส่ชามเหยาะพริกไทยหน่อย อร่อยมากๆค่ะ

ลองทำดูนะคะ เมนูแต้จิ๋วโบราณอร่อยๆทั้งนั้น
ไหนๆเล่าแล้วเอาให้จบตอนนี้ที่บ้านท่าดินแดงเลยค่ะ อาตั่วแจ้เล่าว่าที่บ้านท่าดินแดง 
(บ้านหลังที่อาป๊ะเป็นคนสร้างบนเนื้อที่น้อยนิด เนื้อที่ของหลวงที่ให้ชาวบ้านในสมัยนั้นจับจองค่ะ) 
นอกจากเมนูไข่ที่ผูกพันกับบ้านหลังนี้แล้ว ยังปนไปด้วยเรื่องราวแสนเศร้าแต่แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะมากมาย 
อาตั่วแจ้เล่าไปแม่นันก็หัวเราะก๊ากไป สนุกบนความแร้นแค้นจริงๆค่ะ อาตัวแจ้กำลังจะเล่าไปถึงบ้านหลังที่สามโน่น 
แม่นันต้องคอยตะล่อมให้กลับมาจบเรื่องที่บ้านท่าดินแดงก่อน ฮ่าฮ่า มาฟังกันค่ะ
ตอนที่ย้ายออกมาอยู่ที่ท่าดินแดง ตอนนั้นอาตั่วแจ้ก็ยังเด็ก อาป๊ะเป็น handyman สุดดวงใจของแม่นันเลยนะคะ 
เวลาที่พี่ๆเล่าถึงฝีมือการทำงานไม้ของอาป๊ะ แม่นันจะหูผึ่งทีเดียวค่ะ เพราะแม่นันชอบงานไม้เก่าๆ 
เสียดายที่อาป๊ะจากไปตอนแม่นันอายุสี่ขวบเอง ยังไม่ประสีประสาเลยค่ะ แต่แม่นันก็ได้ยึดตู้ไม้ฝีมืออาป๊ะไว้ดูต่างหน้า 
เพราะเป็นตู้เสื้อผ้าของแม่นันสมัยยังเบ่บี๋เลยค่ะ ก็เลยผูกพันมากเป็นพิเศษ
อาตั่วแจ้เล่าว่า อาป๊ะพาอาอึ้มออกจากบ้านใหญ่แบบมือเปล่า ประมาณสุภาพบุรษทรนง 
หาเงินได้ด้วยการทำงานรับเหมาทั่วไป มาปลูกบ้านมุงจากหลังนี้ที่ท่าดินแดง ไม้ที่เอามาปูพืนก็เป็นไม้แผ่นๆเท่าที่จะหาได้ 
สั้นยาวใหญ่เล็ก ไม่เท่ากันสักกะแผ่น กางมุ้งนอน ด้วยความที่หลังบ้านเราติดคลอง เวลาน้ำขึ้นทีก็จะมีงูเขียว เลื้อยขึ้นมาตามร่องไม้ 
บางทีก็มีงูเห่าด้วย กรี๊ดกร๊าดกันด้วยความกลัว แต่อาป๊ะไม่ยอมให้ทำร้ายสัตว์เหล่านั้น อาป๊ะให้อาอึ้มจุดธูปบอกให้สัตว์เหล่านั้นต่างคนต่างอยู่ 
อย่าได้ต้องมาทำร้ายกันและกัน สักพักงูก็จะเลื้อยจากไป ตั้งแต่นั้นมาเวลามีงูเงี้ยวเลื้อยขึ้นมา อาอึ้มก็จะให้อาตั่วแจ้จุดธูปบอกทุกครั้ง 
จนทุกวันนี้อาตั่วแจ้ก็ใช้วิธีนี้เวลามีสัตว์เหล่านี้เลื้อยเข้าบ้าน และก็ได้ผลทุกครั้ง (งูสมัยก่อนคงไม่กดดันเหมือนงูปัจจุบัน)
อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรกน่ะค่ะ บนความเศร้าก็มีความฮาปนอยู่ด้วย อาตั่วแจ้เล่าว่า 
สมัยนั้นโรงเรียนอำนวยศิลป์อยู่ฝั่งคลองตรงข้ามบ้านเราเอง เวลากลางวันเด็กๆนักเรียนทานข้าวกันเสร็จก็จะร่อนจานเล่นกัน 
(จานสังกะสีแบนๆ ทาสีขาวขอบสีน้ำเงิน แม่นันเกิดทันค่ะ) มันก็น่าร่อนอยู่นะคะ เหมือน frisbee สมัยนี้ อาตั่วแจ้สมัยนั้นประมาณสิบขวบ 
นั่งอยู่ฝั่งนี้มองเด็กๆนักเรียนร่อนจานเล่นกันไปมา ร่อนไปร่อนมาบางทีก็ไปร่วงลงกลางคลอง 
วันละหลายๆใบทีเดียวค่ะ อาตั่วแจ้นั่งอยู่ฝั่งนี้ก็นึกในใจว่า "เดี๋ยวน้ำลงต่ำๆเมื่อไหร่ จะลุยไปเก็บจานพวกนั้นมาเป็นสมบัติของบ้านเราเอง 
เพราะบ้านเรามีจานไม่กี่ใบ" แล้วนางก็ทำจริงอย่างที่คิดค่ะ อาตั่วแจ้ลุยไปเก็บจานมาล้างจนสะอาด ผึ่งให้แห้ง "เรามีจานเพิ่มแล้ว"
แต่จานมันสีขาวเหมือนกันทุกบ้าน ถ้าแม่ค้าในโรงเรียนมาเห็นเค้าก็ต้องหาว่าเราขโมยมาน่ะสิ 
บังเอิญแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวข้างบ้านเค้าทำตำหนิภาชนะของเค้าด้วยการเอาสีมาป้ายบนจานชามสังกะสี 
อาตั่วแจ้เลยได้ไอเดียว่าจานเราก็ควรจะมีการแสดงความเป็นเจ้าของเหมือนกัน ร้านก๋วยเตี๋ยวเค้าป้ายด้วยสีแดง 
ของเราก็ป้ายด้วยสีอื่นที่ไม่ใช่สีแดงสิ จะได้ไม่เหมือนกัน ว่าแล้วนางก็ไปหาสีกระป๋องของอาป๊ะมาป้ายบนจาน 
(อย่าลืมสิคะ อาป๊ะเป็นช่าง ย่อมมีสีติดบ้านแน่นอน ฮ่าฮ่า) เมื่อนางป้ายเสร็จจนครบทุกใบก็นำไปตากจนสีแห้ง 

ทีนี้จานเหล่านี้ก็ได้เจ้าของใหม่แล้ว เล่าถึงตอนนี้แม่นันขำไม่หยุดเลยค่ะ เด็กตัวเท่านั้นมีความคิดขนาดนี้ 
แต่พอมองย้อนกลับไป อาตั่วแจ้เป็นพี่สาวคนโต ส่วนมากพี่คนโตจะฉลาด ละเอียด และรักครอบครัว 
เพราะพี่คนโตผ่านความทุกข์ยากมาก่อน
เรื่องราวของบ้านที่ท่าดินแดง ได้จบลงตอนที่บ้านถูกรื้อถอนสมัยจอมพลสฤษดิ์ อาตั่วแจ้เล่า
หมายเหตุ หากเนื้อหาที่แม่นันพิมพ์ผิดเพี้ยนจากปีที่เล่า ต้องขออภัย และรบกวนท่านผู้เกิดทันแก้ด้วยค่ะ อาตั่วแจ้ปีนี้อายุ ๗๔ ค่ะ
ยังอยากอ่านเรื่องเล่าของแม่นันต่อมั้ยคะ เล่ามียาวนะ 
#ตึ่งหนั่งเกี้ย #อาหารจีน #เรื่องเล่า #ไข่น้ำ #อาอึ้ม #อาป๊ะ #ท่าดินแดง #อร่อย #nanthineehomemade
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่