JJNY : ซัมมิทเพื่อประชาธิปไตย│รถไฟจีน-ลาว หวั่น“หนองคาย”แค่“เมืองผ่าน”│‘วิโรจน์’แย้มแคนดิเดตผู้ว่าฯ│สาวสะดุ้งลอตเตอรี่

ซัมมิทเพื่อประชาธิปไตย : สหรัฐฯตั้งกองทุน 1.42 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมสื่อเสรี เลือกตั้งอิสระ สู้ทุจริต
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6775572
 
 
ประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยวันแรก ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศตั้งกองทุนส่งเสริมประชาธิปไตยโลกมูลค่า $424.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อสนับสนุนสื่ออิสระ ผู้นำการปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตย สู้กับการทุจริต
  
ประธานาธิบดีไบเดน เรียกร้องให้ผู้นำจากชาติประชาธิปไตยกว่า 100 รายร่วมกัน “คล้องแขน” สกัดกั้นลัทธิอำนาจนิยม ในขณะที่เสรีภาพโลกกำลังถูกคุกคามจากผู้นำ [เผล่ะจัง] ที่พยายามขยายอำนาจ อิทธิพล และสร้างความชอบธรรมต่อการปราบปรามผู้เห็นต่าง
 
“ประชาธิปไตยไม่ได้มาโดยเหตุบังเอิญ คนแต่ละรุ่นต้องช่วยกันสร้างขึ้นมา” นายไบเดนแถลงผ่านการประชุมทางวิดีโอจากรุงวอชิงตันดีซีที่มีผู้นำจากอีก 111 ประเทศร่วมประชุมทางไกล
 
“ในความเห็นของผมแล้ว นี่คือความท้าทายที่สำคัญยิ่งของยุคเรา”

ในจำนวนชาติที่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมทางไกลครั้งนี้มีตั้งแต่ประเทศที่เป็นเกาะ เช่น ติมอร์-เลสเต, ฟิจิ และ ไต้หวัน ไปจนถึงประเทศประชาธิปไตยในโลกตะวันตก เช่น แคนาดา เยอรมนี และสหราชอาณาจักร แต่ไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรมาช้านานกับสหรัฐฯ กลับไม่ได้รับเชิญ
 
การประชุมสุดยอดนี้ คือหนึ่งในความพยายามของประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตที่สัญญาว่าจะพาสหรัฐอเมริกากลับมาเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง เพื่อเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจอย่างจีน และรัสเซีย
 
ทว่าการประชุมครั้งนี้ ก็ถูกวิจารณ์ว่า ชักนำประเทศที่มีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน หรือผู้นำมักใช้แนวทางอำนาจนิยมในการปกครองประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ และบราซิลมาร่วมด้วย
 
นอกจากนี้ การเชิญไต้หวันมาร่วมประชุม ก็สร้างความโกรธแค้นให้จีนที่ถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลปักกิ่ง
 
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงว่า การเชิญไต้หวันมาร่วมประชุมแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ต้องการใช้ประชาธิปไตยมาเป็น “ชุดกำบัง และเครื่องมือเพื่อขับเคลื่อนวัตถุประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์, กดขี่ประเทศอื่น ๆ, แบ่งโลกออกเป็นส่วน ๆ และ ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง”

กองทุนเพื่อประชาธิปไตยโลก

ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงว่า กำลังหารือกับรัฐสภาเพื่อจัดตั้งกองทุนมูลค่า 424.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยทั่วโลก ภายใต้ชื่อ ความริเริ่มของประธานาธิบดีเพื่อการฟื้นฟูประชาธิปไตย (The Presidential Initiative for Democratic Renewal) โดยครอบคลุม 5 เนื้องานคือ
1. การสนับสนุนสื่อที่เสรีและปลอดการแทรกแซง
2. การต่อสู้การทุจริต
3. การสนับสนุนนักปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตย
4. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประชาธิปไตย
5. การปกป้องคุ้มครองการเลือกตั้งและกระบวนการการเมืองที่เป็นอิสระและยุติธรรม
 
อังกฤษร่วมด้วย
 
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ร่วมกล่าวถ้อยแถลงผ่านทางวิดีโอ โดยสัญญาว่าสหราชอาณาจักรจะร่วมมือกับประเทศประชาธิปไตยอื่น ๆ ช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินโครงการที่โปร่งใส เปิดให้ประชาชนผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบได้ พร้อมทั้งการนำระบบตรวจตราใหม่มาใช้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก
เขากล่าวว่าอังกฤษจะออกมาตรการที่เข้มแข็งขึ้นในการต่อกรกับกระบวนการการเงินผิดกฎหมายที่มุ่งทำลายระบอบประชาธิปไตยในทุกที่ เพิ่มความเข้มแข็งให้การบังคับใช้ทางกฎหมาย เพื่อนำอาชญากรทางเศรษฐกิจมาลงโทษ

“เราจะสร้างความเปิดเผยมากขึ้นในกระบวนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรโดยผู้ซื้อจากต่างประเทศ และจะผ่านกฎหมายใหม่ ๆ มาใช้ปกป้องกระบวนการและสถาบันทางประชาธิปไตยจากกลุ่มผู้พยายามจะสร้างความเสียหายให้”

การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยคืออะไร

• การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยเป็นความคิดริเริ่มของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของเขายกให้ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนเป็นหัวใจของนโยบายต่างประเทศ
• การประชุมจะจัดแบบออนไลน์ในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน ทั้งผู้นำรัฐบาล ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ซึ่งจะหารือกันใน 3 หัวข้อหลัก คือ 
1) การสร้างความเข้มแข็งให้ประชาธิปไตยและการต่อต้านลัทธิอำนาจนิยม 
2) ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน 
และ 3) ส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน
• รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าการประชุมนี้จะเป็นโอกาสให้ได้รับฟัง เรียนรู้ และพูดถึงสิ่งที่ท้าทายประชาธิปไตยในสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ
• ผู้แทนรัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุม รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ จะให้คำมั่นสัญญาในการร่วมกันผลักดันประชาธิปไตยตั้งแต่ระดับท้องถิ่นถึงระดับโลก

จัดที่ไหน-เมื่อไหร่
 
การประชุดสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยจะมีขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการประชุมทางไกลออนไลน์ในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (www.state.gov) ส่วนครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งใจจะให้ผู้เข้าร่วมเดินทางมาเจอกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในขณะนั้นด้วย ระหว่างการประชุมครั้งที่ 1 และ 2 นายไบเดนจะประกาศให้เป็น “ปีแห่งการลงมือทำ” (Year of Action) เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายในการรื้อฟื้นประชาธิปไตย

ใครเข้าร่วมบ้าง
 
ตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการรักษาประชาธิปไตย ได้แก่ รัฐบาล ภาคเอกชน นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการเมือง ศิลปะ วัฒนธรรม กีฬา และผู้นำรุ่นใหม่ องค์กรพหุภาคีที่ขับเคลื่อนด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน
 
ดูรายชื่อประเทศที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมได้ ที่นี่
 

 
เปิดมุมมองรถไฟจีน-ลาว หวั่น “หนองคาย” แค่ “เมืองผ่าน”
https://www.prachachat.net/local-economy/news-816123

การเปิดหวูดรถไฟจีน-ลาวเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 หลายคนสะท้อนถึงอานิสงส์มากมายที่ประเทศไทยจะได้รับ แต่ลองมาฟังเสียงสะท้อนของนักธุรกิจเจ้าถิ่น “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “มนนิภา โกวิทศิริกุล” ประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย
 
ผุด “กงสุลจีน” ดึงคนเที่ยว
 
มนนิภาบอกว่า ความล่าช้าในการต่อเชื่อมโครงข่ายรถไฟใน 2-3 ปีนี้จะทำให้ผู้ประกอบการในหนองคายบางส่วนได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการโลจิสติกส์ที่ต้องขนส่งสินค้า
 
แต่เมื่อเปิดการค้าข้ามแดนเชื่อมต่อไทยสมบูรณ์ จีนคงได้ผลประโยชน์มากกว่าไทย เพราะปัจจุบันสินค้าจากจีนไหลเข้ามาไทยจำนวนมากกว่าการส่งออกสินค้าของไทย
 
ยิ่งมีการเชื่อมต่อโครงข่ายทะลุไปยังท่าเรือแหลมฉบังผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกรายใหญ่น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า รวมถึงการขนส่งผู้โดยสารคนจีนอาจจะไม่ได้ลงเที่ยวหนองคายเลย
 
เพียงแต่แสตมป์ตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ววิ่งเข้า กทม. ทำให้หนองคายอาจจะกลายเป็นเพียง “เมืองผ่าน”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสภาการค้า สปป.ลาวโทร.มาคุยกับเราว่า อยากเป็นเพื่อนคู่มิตรทางด้านการท่องเที่ยว ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนอยากคุยเรื่องท่องเที่ยวก่อนว่า เราจะมีมาตรการอย่างไร
 
ทาง สปป.ลาวก็กลัวคนจีนแค่เดินทางผ่าน สปป.ลาวเข้ามาท่องเที่ยวในไทย และ สปป.ลาวจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร ส่วนจังหวัดหนองคายก็หวั่นเกรงว่าจะเป็นแค่ทางผ่านของคนจีนไปเที่ยวจังหวัดอื่นมากกว่า
 
จึงมานั่งคุยกันว่า ทำอย่างไรจะให้คนจีนลงมาท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย จึงอยากขอให้ “สาขากงสุลจีน” มาเปิดที่จังหวัดหนองคาย จะได้สะดวกในการติดต่อของนักธุรกิจจีน และคนไทย
 
ขณะเดียวกันเพื่อดึงคนไทยบางส่วนที่คิดอยากไปเที่ยวเมืองจีนต่อจะได้แวะมาทำวีซ่าที่หนองคายแล้วขึ้นรถไฟไปเที่ยวต่อได้เลย หนองคายจะได้ประโยชน์จากคนมานอนพักสัก 1 คืน
 
เพื่อท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย ล่าสุดได้ประสานกับทางจังหวัดให้ทำการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยอาจจะทำเป็นคลิปหรือภาพยนตร์สั้น ๆ ส่งไปตามโลกออนไลน์ทำเป็นภาษาจีนด้วย
 
เท่าที่หารือกับผู้บริหาร สปป.ลาว คาดว่าคงต้องรอเดือนมกราคม 2565 ที่ทางการของจีนจะเปิดให้คนออกเดินทางท่องเที่ยว จึงต้องทำโปรโมตไว้ล่วงหน้า รวมถึงการทำสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้พร้อม
 
เช่น เรื่องป้ายจราจรต้องทำให้มี 3 ภาษาไทย-จีน-ลาว ต้องทำทางลาด ห้องน้ำต่าง ๆ ให้ได้มาตรฐานสำหรับคนพิการด้วย
 
ชงสรรพากรขอคืน VAT ได้
 
นอกจากนี้ ต้องการผลักดันให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อสินค้าแล้วสามารถคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้ เหมือนเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ทางกรมสรรพากรตอบมาแล้วว่าไม่ได้
 
เพราะกลัวว่าเราจะทำเป็นสินค้าเวียน ทางกรมสรรพากรให้แต่ทางอากาศ อยากจะให้กรมสรรพากรทบทวนเรื่องนี้อีกครั้งเพราะสามารถกำหนดเงื่อนไขได้ เช่น ถ้าซื้อสินค้ามากกว่า 5,000 บาทถึงจะสามารถขอคืน VAT ได้ เราไปยุโรป VAT คืน 17% แต่ร้านค้าคืนให้เราเพียง 12% ไม่ได้คืนให้เต็ม 17% ก็ยังดี
 
รวมถึงอยากผลักดันให้มีดิวตี้ฟรีแห่งใหม่อยู่ในสถานีรถไฟความเร็วสูงหนองคาย ซึ่งคงใช้เวลาอีก 10 ปี
 
ชงค่าแรงหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า
 
ในด้านการลงทุนจังหวัดหนองคายมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) 718 ไร่และเขตย่อย ถ้าผู้สนใจลงทุนอาจจะไม่ลงทุนแปลงใหญ่ ก็มีเขตเศรษฐกิจพิเศษย่อยประกาศไปแล้วอีก 12 ตำบล จะเลือกจุดไหนก็ได้ สามารถได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับเขตใหญ่
 
ล่าสุดได้มีการเสนอไปยังภาครัฐว่า ควรปรับเรื่องสิทธิประโยชน์เพิ่มให้ผู้เข้าประมูล นอกจากนี้มีทางภาคเอกชนบางส่วนไปขอให้ทางจังหวัดขยายพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มอีก 2 ตำบลให้มาติดริมฝั่งแม่น้ำโขง
 
และใกล้อำเภอเมือง เพื่อหวังจูงใจผู้ลงทุน คิดว่าหลังเปิดเดินรถไฟจีน-สปป.ลาว อาจจะมีคนสนใจเข้ามาประมูล
 
ที่ผ่านมาทางกรมธนารักษ์เปิดประมูลมาแล้ว 3 ครั้ง ขนาดลดค่าเช่าลงมา เดิมค่าเช่าตกไร่ละ 21,000 บาทต่อไร่ต่อปี มีค่าธรรมเนียมในการใช้พื้นที่ 160,000 บาท ก็ลดเหลือ 35,000 บาทต่อไร่ต่อ 50 ปี แต่ยังไม่มีผู้มาประมูล เห็นว่ากรมธนารักษ์เตรียมเปิดประมูลครั้งที่ 4 อีกเร็ว ๆ นี้
 
ด้านแรงงานก็มีความพร้อมปัจจุบันจังหวัดหนองคายมีประชากรอยู่ 519,000 กว่าคน มีงานทำแล้ว 280,000 กว่าคน เหลือรองานอีก 5,000 กว่าคน ทำงานเกษตรตามฤดูกาลอีก 5,000 คน ถ้าแรงงานไม่พอ
 
คนในจังหวัดใกล้เคียงพร้อมเข้ามาทำงาน แต่ที่สำคัญจังหวัดหนองคายโซนนี้ติดกับทางฝั่งลาว ค่าแรงงานขั้นต่ำของลาวประมาณ 150 บาท ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำไทย 300 บาท
 
จึงเสนอว่าควรให้นำค่าแรงมาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า สมมุติขายสินค้าได้ 1 ล้านบาทจ่ายค่าแรงไป 1 แสนบาท ค่าแรงถือเป็นค่าใช้จ่าย ปกติหักออก 1 แสนบาท แต่หากภาครัฐให้สามารถนำค่าแรงมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า เท่ากับ 2 แสนบาท
 
เราจะยื่นเสียภาษีได้น้อยลง รวมถึงอาจจะให้ลดราคาค่าน้ำ ค่าไฟในช่วงที่ให้สิทธิประโยชน์ 8 ปี เป็นต้น
 
ขณะเดียวกันในส่วนแรงงานมีการพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยเฉพาะการฝึกภาษาจีน ภาษาเวียดนาม ด้านการศึกษา มีระดับอาชีวะหนองคาย และวิทยาลัยเทคนิค และมหาวิทยาลัยก็พร้อมจะสร้างบุคลากรขึ้นมา
 
นอกจากนี้จะผลักดันให้มีการตั้งศูนย์กลางทางธุรกิจ (business center) จะทำเป็น one stop service ให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ผู้ลงทุนสามารถเข้ามาติดต่อหน่วยงานราชการต่าง ๆ ได้ มีธนาคาร มีการแลกเปลี่ยนเงินตรา
 
เพื่อจะดึงนักธุรกิจ ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาให้เศรษฐกิจภายในจังหวัดมีเงินหมุนเวียน และได้อานิสงส์จากระบบรถไฟสายนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่