ถ้ามี ผู้ว่าหมูป่า ดร เอ้ และหิ้วถุงแกง
.............
แกนนำในพลังประชารัฐ สาย “ร.อ.ธรรมนัส” รู้ดีว่า นาทีนี้ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่า “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” แล้ว จึงพยายามผลักดันให้ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” เข้ากรุงฯ ชิงดำเบอร์ 1 เก้าอี้เมืองหลวง
ด้วยเชื่อว่าผลงานในอดีตจะชนะใจคนกรุงเทพฯ ได้ ทั้งการเป็น ผู้อำนวยการสถานการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่า ที่ติดในถ้ำหลวง รวมถึงผลงานเมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ ลำปาง ที่สร้างปรากฎการณ์ เป็นจังหวัดที่มีตัวเลขประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 สูงเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งที่ช่วงเวลานั้น ผู้คนยังหวาดวิตกกับผลข้างเคียงเป็นอย่างมาก
ด้วยออฟชั่นที่ “ณรงค์ศักดิ์” ไม่อาจปฏิเสธ เพราะไม่มีอะไรต้องเสีย กลับจะมีแต่ได้กับได้ หากชนะเลือกตั้ง ก็ได้เป็น “ผู้ว่าฯกทม.”ต่อท่ออำนาจให้ “พลังประชารัฐ” ปูทางเข้าสู่การเมืองเต็มตัว แต่ถ้าไม่ชนะก็กลับถิ่นเก่า เข้ารับราชการตามเดิม แถมยังมีสิทธิลุ้นเก้าอี้ “ปลัดมหาดไทย” ได้อีกด้วย
เรียกได้ว่า “พลังประชารัฐ” ตอนนี้เคาะชื่อแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอเวลาเปิดตัว “ผู้ว่าฯหมูป่า” เท่านั้น และในจังหวะนี้ “พลังประชารัฐ” ก็กำลังซุ่มเซ็ตอัพทีมงาน ตั้งศูนย์ประสานงานในกทม. เตรียมพร้อม “เลือกตั้ง” ไว้แล้ว
สอดรับกับ “จักรพันธ์ พรนิมิตร” ส.ส. กทม. ในฐานะหัวหน้าภาคกทม. พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า คณะทำงานภาค กทม. กำลังจัดทำนโยบายเป็นกำลังสำคัญช่วยสนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ให้เข้มแข็งขึ้น และพร้อมเสนอตัวเป็นทางเลือกทางการเมืองระดับท้องถิ่นทั้ง 50 เขตให้ชาวกทม.
สิ่งที่ต้องรอจับตาเช่นเดียวกัน คือ บรรดาว่าที่ “ผู้สมัครส.ก.” ที่กระจัดกระจายลงไปทำพื้นที่ในชื่อกลุ่มต่างๆ เมื่อถึงเวลา คนที่ถูกเลือกแล้วจะกลับมารวมกันที่ “พลังประชารัฐ” ทั้งหมด
จึงเป็นสัญญาณชัดว่า “พลังประชารัฐ” สู้สุดตัวในสนาม “ผู้ว่าฯกทม.” ที่ได้ชื่อว่าเป็นสมรภูมิรบทางการเมืองที่ห้ำหั่นกันดุเดือดมากที่สุดสังเวียนหนึ่ง
มีองค์ประกอบ รวมถึงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มากมาย ที่เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจลงคะแนนของคนกรุงเทพฯ มากกว่าเรื่องของกระแส กระสุน และอำนาจรัฐ ที่คอยเอื้อประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม
เมื่อถึงเวลาคงได้รู้ว่า “ผู้ว่าฯ หมูป่า” และ “พลังประชารัฐ” จะมีมนต์ขลังสะกดคนกรุงได้หรือไม่
bangkokbiznews
@@@ ลุ้นกันมันส์ ผู้ว่า กทม. @@@
.............
แกนนำในพลังประชารัฐ สาย “ร.อ.ธรรมนัส” รู้ดีว่า นาทีนี้ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่า “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” แล้ว จึงพยายามผลักดันให้ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” เข้ากรุงฯ ชิงดำเบอร์ 1 เก้าอี้เมืองหลวง
ด้วยเชื่อว่าผลงานในอดีตจะชนะใจคนกรุงเทพฯ ได้ ทั้งการเป็น ผู้อำนวยการสถานการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่า ที่ติดในถ้ำหลวง รวมถึงผลงานเมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ ลำปาง ที่สร้างปรากฎการณ์ เป็นจังหวัดที่มีตัวเลขประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 สูงเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งที่ช่วงเวลานั้น ผู้คนยังหวาดวิตกกับผลข้างเคียงเป็นอย่างมาก
ด้วยออฟชั่นที่ “ณรงค์ศักดิ์” ไม่อาจปฏิเสธ เพราะไม่มีอะไรต้องเสีย กลับจะมีแต่ได้กับได้ หากชนะเลือกตั้ง ก็ได้เป็น “ผู้ว่าฯกทม.”ต่อท่ออำนาจให้ “พลังประชารัฐ” ปูทางเข้าสู่การเมืองเต็มตัว แต่ถ้าไม่ชนะก็กลับถิ่นเก่า เข้ารับราชการตามเดิม แถมยังมีสิทธิลุ้นเก้าอี้ “ปลัดมหาดไทย” ได้อีกด้วย
เรียกได้ว่า “พลังประชารัฐ” ตอนนี้เคาะชื่อแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอเวลาเปิดตัว “ผู้ว่าฯหมูป่า” เท่านั้น และในจังหวะนี้ “พลังประชารัฐ” ก็กำลังซุ่มเซ็ตอัพทีมงาน ตั้งศูนย์ประสานงานในกทม. เตรียมพร้อม “เลือกตั้ง” ไว้แล้ว
สอดรับกับ “จักรพันธ์ พรนิมิตร” ส.ส. กทม. ในฐานะหัวหน้าภาคกทม. พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า คณะทำงานภาค กทม. กำลังจัดทำนโยบายเป็นกำลังสำคัญช่วยสนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ให้เข้มแข็งขึ้น และพร้อมเสนอตัวเป็นทางเลือกทางการเมืองระดับท้องถิ่นทั้ง 50 เขตให้ชาวกทม.
สิ่งที่ต้องรอจับตาเช่นเดียวกัน คือ บรรดาว่าที่ “ผู้สมัครส.ก.” ที่กระจัดกระจายลงไปทำพื้นที่ในชื่อกลุ่มต่างๆ เมื่อถึงเวลา คนที่ถูกเลือกแล้วจะกลับมารวมกันที่ “พลังประชารัฐ” ทั้งหมด
จึงเป็นสัญญาณชัดว่า “พลังประชารัฐ” สู้สุดตัวในสนาม “ผู้ว่าฯกทม.” ที่ได้ชื่อว่าเป็นสมรภูมิรบทางการเมืองที่ห้ำหั่นกันดุเดือดมากที่สุดสังเวียนหนึ่ง
มีองค์ประกอบ รวมถึงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มากมาย ที่เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจลงคะแนนของคนกรุงเทพฯ มากกว่าเรื่องของกระแส กระสุน และอำนาจรัฐ ที่คอยเอื้อประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อม
เมื่อถึงเวลาคงได้รู้ว่า “ผู้ว่าฯ หมูป่า” และ “พลังประชารัฐ” จะมีมนต์ขลังสะกดคนกรุงได้หรือไม่
bangkokbiznews