JJNY : ติดเชื้อ4,203 เสียชีวิต49│เตือนอย่าประมาทโอไมครอน│สคบ.กดดอกเบี้ยมอไซค์ ลิซซิ่งค้าน!!│เล็งยื่นกระทู้สดปม‘ม็อบจะนะ’

โควิดวันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 4,203 ราย เสียชีวิต 49 ราย
https://www.matichon.co.th/heading-news/news_3078780
 
 
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 เผยแพร่ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม 2564 รวม 4,203 ราย จำแนกเป็น
 
ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 4,048 ราย
ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 95 ราย
ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 42 ราย
ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 18 ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,127,724 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
  
หายป่วยกลับบ้าน 7,939 ราย
หายป่วยสะสม 2,047,662 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
 
ผู้ป่วยกำลังรักษา 60,415 ราย
เสียชีวิต 49 ราย
 


นักวิชาการเตือนอย่าประมาทโอไมครอน ชี้ผลกระทบอาจร้ายแรงกว่าที่คิด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3078454
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเทรเวอร์ เบดฟอร์ด นักไวรัสวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านวิวัฒนาการของไวรัส จากศูนย์วิจัยมะเร็ง เฟรด ฮัชชินสัน ในนครซีแอตเติล สหรัฐอเมริกาที่ติดตามการแพร่ระบาดของโอไมครอนมาตั้งแต่เริ่มแรกระบุว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า เชื้อโอไมครอนน่าจะอุบัติขึ้นราววันที่ 1 ตุลาคม และใช้เวลานานราว 8 สัปดาห์ในการแพร่ระบาดจนมีปริมาณสูงถึงระดับมีนัยสำคัญ ดังนั้นคาดว่า โอไมครอนจะใช้เวลาที่จะนำไปสู่การแพร่ระบาดในระดับทุติยภูมิ หรือการเกิดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนภายในประเทศแต่ละประเทศ ในอีกราว 8 สัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มพบเชื้อตัวนี้ที่ประเทศแอฟริกาใต้
 
ทางด้าน นายอดัม คูชาร์สกี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อจากสำนักเวชศาสตร์เขตร้อนและสุขอนามัยแห่งลอนดอน ตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีข้อบ่งชี้เบื้องต้นว่า โอไมครอน ไม่ก่อให้เกิดอาการป่วยหนัก จนต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตมากเท่ากับเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า แต่ไม่ควรวางใจ เนื่องจากข้อมูลเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า โอไมครอน แพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดลต้าหลายเท่า เมื่อคำนวณผลลัพธ์ในเชิงคณิตศาสตร์แล้ว จะเห็นได้ว่า เชื้อที่แพร่ระบาดได้เร็วกว่าปกติ สามารถก่อให้เกิดปริมาณผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้มากกว่า เชื้อที่รุนแรงกว่าแต่ระบาดได้ช้ากว่าแน่นอน
 

 
สคบ. กดดอกเบี้ยมอเตอร์ไซค์เหลือ 20% ลิซซิ่งรวมตัวค้าน!! โอดธุรกิจเจ๊ง-ปชช.กู้ยาก
https://www.matichon.co.th/economy/news_3078857

สคบ. กดดอกเบี้ยมอเตอร์ไซค์เหลือ 20% ลิซซิ่งรวมตัวค้าน!! โอดธุรกิจเจ๊ง-ปชช.กู้ยากขึ้น กกร.นัดถก”รองพงษ์-อนุชา”เจรจาอัตราใหม่
 
กรณีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย “ร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเกี่ยวกับเรื่องเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์” โดยกำหนดเพดานดอกเบี้ยรถยนต์เก่า และมอเตอร์ไซค์ อัตราเดียวคือ 20% แต่เอกชนผู้ประกอบการลิซซิ่งไม่เห็นด้วย ส่งหนังสือถึง คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย โดยต้องการให้สคบ.ปรับแก้เป็น รถยนต์เก่า ไม่เกิน 24% และมอเตอร์ไซค์ ไม่เกิน 36%
 
หลังการประชุมกกร. นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กกร.ได้หารือและพิจารณาร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเกี่ยวกับเรื่องเช่าซื้อรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) พบข้อกังวลด้านเพดานดอกเบี้ยรถยนต์ใช้แล้วหรือรถเก่า และรถจักรยานยนต์ รวมถึงเงื่อนไขในการคืนรถจบหนี้ โดยในร่างกำหนดให้คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 20% จะเปิดรับฟังความคิดเห็นรอบสองวันที่ 16 ธันวาคมนี้ อาจทำให้ได้รับผลกระทบทั้งผู้ปล่อยสินเชื่อ ผู้บริโภค ผู้ผลิตและผู้ขาย ดังนั้นกกร.จะทำหนังสือถึงนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือในเรื่องนี้ด้วย
 
“ในอดีตธุรกิจลีสซิ่งปล่อยกู้รถไม่มีใครกำกับ จึงคิดดอกเบี้ยตามต้นทุนบวกกับความเสี่ยง คนกู้เสี่ยงถูกคิดดอกเบี้ยแพง จนสคบ.จะออกประกาศมาคุม แต่อัตรา20%จะบิดเบือนต้นทุนผู้ประกอบการลิซซิ่ง โดยเฉพาะรายเล็กและต่างจังหวัด ซึ่งควรแฟร์เทรด ขณะที่ผู้กู้จะกู้ยากขึ้น ดังนั้นจะหารือเรื่องนี้กับภาครัฐต่อไป” นายผยงกล่าว
 
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า การที่ภาครัฐจะเข้ามากำกับธุรกิจลีสซิ่งเป็นเรื่องเห็นด้วย แต่กังวลดอกเบี้ยรถยนต์เก่า และมอเตอร์ไซค์ที่จะให้คิดดอกเบี้ยแค่ 20% ต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำเกินไป โดยได้เสนอให้กำหนดเพดานดอกเบี้ยรถยนต์ใช้แล้ว 24% ต่อปี และดอกเบี้ยมอเตอร์ไซค์ 36% เพราะหากดอกเบี้ยต่ำเกินไป จะส่งผลกระทบให้ผู้บริโภคเข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้ เนื่องจากผู้ให้บริการลีสซิ่งปล่อยสินเชื่อยากขึ้นจากความเสี่ยงรถเก่าและมอเตอร์ไซค์สูงขณะที่ดอกเบี้ยรับค่อนข้างต่ำ ยิ่งให้คนที่นำรถมาประกอบอาชีพได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน และจะทำให้คนออกไปกู้นอกระบบมากขึ้นด้วย ซึ่งดอกเบี้ยแพงกว่าในระบบหลายเท่า
 
ทั้งนี้จากข้อมูลของผู้ประกอบสินเชื่อลีสซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ หากปล่อยกู้รถ 100 คัน แล้วผิดนัดชำระหนี้ สามารถตามเก็บและยึดรถมาได้เพียง 37 คันเท่านั้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างมากถ้าคิดดอกเบี้ยเพียง 20% จะยิ่งทำให้ปล่อยกู้ได้ยาก และทำให้กระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในภาคการผลิต โดยสคบ.จะเปิดรับฟังความเห็นอีกครั้งรอบที่สองในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ มองว่าสคบ.ควรแยกคิดดอกเบี้ยในแต่ละประเภททั้งรถยนต์มือสองและมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่คิดรวมที่ 20% ส่วนดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ใหม่กำหนดดอกเบี้ย 15% ต่อปี ถือว่าไม่มีปัญหา
 
“เดิมเฮียริ่งร่างสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ของสคบ.ในรอบแรก กำหนดดอกเบี้ยไว้ไม่เกิน 15% แต่ได้มีผู้ประกอบการไม่เห็นด้วยจำนวนมาก สคบ.จึงได้ปรับเพิ่มดอกเบี้ยเป็น 20% ซึ่งในเรื่องของรถใหม่ไม่มีปัญหาที่จะคิดดอกเบี้ย 15% แต่เป็นข้อกังวลมากหากคิดดอกเบี้ย 20% ในรถยนต์เก่าและมอเตอร์ไซค์ กลัวว่าสถาบันการเงิน ลีสซิ่งจะไม่ปล่อยกู้เพราะความเสี่ยงสูง และจะกระทบทั้งผู้ขายและผู้ผลิต” นายสุพันธุ์เน้นย้ำ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่