ตุ๊กตาอาถรรพ์

กระทู้คำถาม






เรื่องสั้นเรื่องนี้ต้นเรื่องมาจากเรื่องสั้น 'หัวใจตุ๊กตา' ของอาจารย์ Psycho G ค่ะ นำมาผสมกับเรื่องสั้น ของขวัญสยองขวัญ ของลิ เกิดเป็นเรื่องสั้นเรื่องนี้ขึ้นมา



ตุ๊กตาอาถรรพ์
 
โดย ล. วิลิศมาหรา & Psycho G

 
...แล้วในที่สุดหัวใจสองดวงก็ได้กลับมาอยู่เคียงกันชั่วนิจนิรันดร์...
จบบริบูรณ์


เอลลี่ถอนสายตาจากสมุดบันทึกเล่มเล็กที่เธอเพิ่งเขียนบทสุดท้ายของนิยายตัวเองจบลง หลังอ่านทวนอย่างละเอียดอีกรอบ ชอบคำว่า ‘จบบริบูรณ์’ ที่จดปลายปากกาบรรจงเขียนจัง เพราะมันหมายถึงตัวเองประสบความสำเร็จในการเขียนนิยายไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว

วางปากกาลงบนโต๊ะหวายข้างเก้าอี้ทำจากวัสดุชนิดเดียวกันที่ตัวเองนั่งอยู่ พริ้มเปลือกตาลงพลางระบายลมหายใจยาว ปากบางคลี่ยิ้มออกอย่างอิ่มเอมใจ ในที่สุดก็เขียนนิยายเรื่องยาวเรื่องแรกที่อุตส่าห์ตั้งใจเขียนอย่างสุดฝีมือมานานเป็นปีจบลงเสียที เพื่อก้าวไปสู่เส้นทางสายน้ำหมึกที่เธอใฝ่ฝันมาโดยตลอด

มีความสุขเหลือเกินที่หมู่นี้เกิดมีโชคดีหลายชั้นติดต่อกัน เริ่มจากจู่ ๆ ก็มีทนายความของคุณป้าสาวโสดของเธอติดต่อมาว่า ตัวเธอเองเป็นผู้ได้รับมรดกของคุณป้าแพทริเซีย ที่ทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ก่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งทนายความเพิ่งตามหาคนในพินัยกรรมพบ
หลังเธอสูญเสียพ่อแม่ไปจนหมด ก็เหลือแต่เพียงป้าซึ่งเป็นญาติคนเดียว ทว่าพ่อของเธอเกิดไปมีเรื่องหมางใจกับพี่สาวคนนี้ ตั้งแต่เมื่อเธอยังเป็นเด็กอยู่ ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวของเธอก็ขาดการติดต่อกับป้าไปเกือบยี่สิบปีเลยทีเดียว แต่ป้าก็ไม่เคยลืมหลานสาวกำพร้า เมื่อท่านไม่มีทายาทที่ไหนอีก จึงทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับหลานสาวคนเดียว ซึ่งแม้จะรู้สึกเศร้าโศกต่อการสูญเสียญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวไป แต่ก็ต้องยอมรับว่าดีใจกับมรดกที่ท่านทิ้งไว้ ซึ่งมีมูลค่ามากโขอยู่

โชคชั้นที่สองก็คือ เธอได้วันหยุดยาวติดกันหลายวัน ประกอบกับมีวันหยุดพักผ่อนที่อุตส่าห์เก็บสะสมไว้ มนุษย์เงินเดือนอย่างเธอ จึงมีโอกาสมานั่งเขียนนิยายในบ้านพักตากอากาศริมน้ำตก มรดกชิ้นใหญ่ของคุณป้า จนสามารถเขียนนิยายให้จบได้ในวันที่สามของการมาพักผ่อนที่นี่

บ้านพักชั้นเดียวหลังกะทัดรัดนี้ สร้างด้วยไม้ซีกทั้งหลัง ตกแต่งสไตล์คันทรี่ให้อารมณ์แบบบ้านเล็กในป่าใหญ่ ประกอบไปด้วยสองห้องนอนสองห้องน้ำ ซึ่งพ่อกับแม่ก็เคยพาเธอมาค้างที่นี่เมื่อตอนยังเล็ก ไม่นึกว่าตอนนี้เธอจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของมันอย่างไม่คาดฝัน

แม้ว่าที่นี่จะเงียบไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวไปเสียทีเดียว มีร้านค้าเล็ก ๆ ขายอาหารกับเครื่องดื่มตั้งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ซึ่งเธอได้อาศัยฝากท้องเอาไว้ทุกมื้อ มันประหยัดเวลาและสะดวกดีกว่าทำอาหารกินเอง ถนนหน้าบ้านมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านอยู่บ้างประปราย ด้านหลังบ้านทำระเบียงยื่นออกไปหาธารน้ำเล็ก ๆ ที่แยกมาจากน้ำตก มุมนี้เป็นมุมโปรดที่สุด เพราะมันสงบเงียบดี ช่วยให้ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนจิบชากาแฟ พร้อมฟังเสียงน้ำตกไหลดังอยู่ไกล ๆ ปลดปล่อยจินตนาการนึกพล็อตนิยายออกมา ซึ่งตอนนี้เธอก็กำลังนั่งอยู่ที่นี่เช่นเคย

หลังจากนั่งอิ่มใจอยู่ครู่หนึ่ง นักเขียนสาวก็ลืมตาลุกขึ้นยืน บิดตัวให้หายเมื่อยขบ สายตาทอดมองไปยังธารน้ำไหลเอื่อยลึกแค่เข่าด้านล่าง มองอยู่สักพักก็นึกอยากลงไปสัมผัสความรื่นรมย์นั้น

ร่างในชุดเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้น ตัดสินใจเดินลงบันไดหินซึ่งต่อจากระเบียงหลังบ้านตรงไปยังธารน้ำข้างล่าง บรรยากาศรอบกายเงียบสงบ ต้นไม้เขียวขจี มีเสียงน้ำไหลเบา ๆ เคล้าเสียงนกร้องอยู่บนคาคบไม้ใหญ่ แสงแดดส่องลอดแมกไม้ลงมาบางเบา อากาศบริสุทธิ์สดชื่น สายน้ำเย็นระรื่นทำให้หัวใจเบิกบาน

เธอก้มลงวักน้ำสาดเล่นอย่างมีความสุข ก่อนจะทรุดตัวลงนอนในสายน้ำเย็น แววตาเปี่ยมสุขแหงนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่กลุ่มบุคคลสี่หรือห้าคน ที่กำลังย่ำน้ำเดินตรงมาหา...มีคนเดินลุยธารน้ำมา

หญิงสาวชะงักจากการเล่นน้ำ จ้องมองกลุ่มคนเพศชายกลุ่มนั้น ไม่แน่ใจว่าตัวเองควรยังอยู่ตรงนี้ หรือจะขึ้นจากธารน้ำเสียก่อนดี และแล้วสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของผู้หญิงก็บอกให้เธอทำอย่างหลัง ร่างเพรียวจึงยืดตัวลุกขึ้นยืน ซึ่งเธอลืมไปว่าเสื้อยืดตัวหลวมที่สวมอยู่มันเป็นสีขาว และเธอโนบรา...

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
หลังเลิกงานวันนี้ เบรซยังไม่รีบกลับบ้านในทันทีเหมือนทุกวัน พอออกจากสำนักงานมา เขาก็เลือกเดินข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง มีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เขาไปที่นั่น

บนหัวมุมถนนนั้นมีร้านหนึ่งคูหาเล็ก ๆ เปิดอยู่ หน้าร้านตกแต่งด้วยอิฐเปลือยไม่ฉาบปูน บานประตูไม้หน้าร้านเป็นแบบบานเฟี้ยมทาสีเขียวเข้ม
มันดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่กลับรู้สึกดึงดูดใจอย่างประหลาด เขาเดินมาถึงแล้วเงยหน้าขึ้นอ่านชื่อร้านที่เขียนด้วยอักขระตัวอักษรของภาษาไหนเขาเองก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน ภายในร้านค่อนข้างสลัว เพราะปิดหน้าต่างหมดทุกบาน แสงสว่างจากดวงไฟแรงเทียนน้อยทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอมองเห็นอยู่บ้าง น่าทึ่งไม่น้อยที่ในนั้นมีแต่ของแปลกตา ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

กวาดสายตามองสินค้าหน้าตาแปลก ๆ ในตู้กระจกที่ตั้งเรียงรายรอบห้อง บางชิ้นวางอวดอยู่บนโต๊ะตัวยาวกลางห้อง ก่อนแลเลยลึกเข้าไปข้างในอีก มีของบางอย่างวางเตะตาตั้งแต่แวบแรกที่มองเห็น เขาขนลุกเกรียวขึ้นทันทีที่เห็นมันเข้า ของสิ่งนั้นวางสงบนิ่งอยู่บนชั้นไม้ติดผนังอิฐเปลือย ลึกสุดของห้อง มันวางอยู่เพียงชิ้นเดียวบนทั้งชั้นนั้น และเหมือนกับมีเสียงเรียกร้องลึกลับ ให้เขาต้องขยับก้าวเดินเข้าไปจ้องมองดูมันใกล้ ๆ 

ก่อนที่จะทันคิดอะไรต่อ ก็พบว่าข้างกายมีชายชราที่คาดว่าเป็นผู้ดูแลร้านยืนรออยู่เรียบร้อยแล้ว

“ตุ๊กตาสวยดีนะครับ แฟนคุณคงชอบ”

เขาหันมองใบหน้าซูบตอบของคนพูด สบกับแววคมกริบของลูกตาที่ฝังลึกอยู่ในเบ้า ใต้สันคิ้วหนา ขนคิ้วยุ่งไม่เป็นระเบียบ จ้องมองมาราวจะเจาะลึกเข้าไปรู้ถึงเบื้องลึกในใจเขา

“ร้านนี้ไม่ต้องการค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยครับ ตุ๊กตาตัวนั้นน่ะ...”

เขาบุ้ยปากไปทางตุ๊กตาสาวน้อย ทำด้วยผ้า สูงประมาณหนึ่งศอก เจ้าหล่อนมีตากลมโตสีฟ้าสดใส ผมสีทองถักเปียสองข้าง สวมชุดระบายลูกไม้ฟองฟูสีฟ้าอ่อน ติดริบบิ้นสีขาวรอบชายกระโปรง ดูอ่อนหวานไปทั้งตัว สวยราวชุดเจ้าหญิงในเทพนิยาย

“มันเป็นของคุณแล้ว เอาไปให้แฟนคุณได้เลย”

ชายชราบอกอย่างมีไมตรี ก่อนจะหยิบตุ๊กตาตัวนั้นยื่นส่งให้ เขารับมันมา เมื่อแรกสัมผัสกับมัน เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแผ่ซ่านมากระทบมือเข้า เบรซสะดุ้งชักมือกลับ เจ้าของร้านสูงวัยหัวเราะในลำคอ 

“มันเป็นเพียงตุ๊กตาผ้าตัวเล็ก ๆ ครับคุณ”

ท่าทางยิ้มมุมปากกับกังวานเสียงมีร่องรอยขบขันแบบนั้น ทำให้เบรซต้องเอื้อมมือไปรับของชิ้นนั้นมาใหม่ ซึ่งครั้งนี้ความรู้สึกเป็นปกติดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อก้มลงพิจารณาดูก็เห็นว่ามันเป็นเพียงตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งเท่านั้นจริง ก็แล้วเมื่อกี้นี้เขาเป็นบ้าอะไรไป ถึงรู้สึกกริ่งเกรงของสวยน่ารักแบบนี้ขึ้นมาได้

“มันเป็นของคุณแล้ว เอาไปให้แฟนคุณได้เลย ผู้หญิงสาวมักชอบตุ๊กตา มันเหมาะจะเป็นของขวัญวันเกิดให้แฟนคุณ มีสาวน้อยคนนี้นอนบนเตียงด้วย มันจะทำให้แฟนคุณนอนหลับฝันดี”

“คุณรู้ว่าผมจะเอามันไปให้ใคร?”

“ผมเดาเอา...ผู้ชายไม่มีใครอยากได้ตุ๊กตาไปกอดเล่นแน่ คุณเอาไปเถอะ ขอให้แฟนคุณมีความสุขกับมัน”

 
เอลลี่สะดุ้งตื่นกลางดึกจากเสียงดังก้องขึ้นในความเงียบยามราตรี เป็นเสียงเหมือนใครมาหัวเราะคิกคักอยู่ในห้อง ทั้งที่ห้องนี้มีเธอพักอยู่เพียงลำพัง ชันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมมือไปเปิดโป๊ะไฟหัวเตียงให้มีแสงสว่าง เธอเหลือบมองดูนาฬิกาแขวนบนผนังห้องนอน เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเที่ยงคืนพอดี เสียงหัวเราะประหลาดเงียบหายไป หญิงสาวมีสีหน้าสงสัย ขมวดคิ้วนิ่งคิด

...หรือว่าเราจะฝันไป...คิดแล้วก็พยักหน้ากับตัวเอง เธอคงฝันไปนั่นเอง แต่ยังไม่ทันล้มตัวลงนอนใหม่ ก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาเยือกเย็น หากได้ยินชัดเจนราวกับกำลังกระซิบอยู่ข้างหู

“แม่...แม่จ๋า”

เสียงเรียกหาแม่ฟังดูน่าสงสารและน่าขนลุกไปพร้อมกัน แต่ว่ามันดังมาจากไหนกันล่ะ หญิงสาวลืมตาโพลง พลางเอี้ยวตัวมองรอบห้องอย่างฉงนสนเท่ห์ใจ กวาดสายตามาทางคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่วางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะใกล้เตียงนอน ก็เห็นว่ามันปิดเรียบร้อยดี ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เสียงนั้นจะดังมาจากคอมพิวเตอร์

ขณะกำลังนั่งสงสัยอยู่นั้น  พลันเสียงกระซิบแผ่วเบาก็เปลี่ยนมาเป็นสะอื้นไห้ชวนเวทนาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจางหายไป หญิงสาวยิ่งทวีความสงสัย เกิดคำถามในใจ เด็กผู้หญิงที่ไหนมาร้องหาแม่แถวนี้ จะว่าดังมาจากทางหน้าต่างก็ไม่ใช่ เพราะหน้าต่างปิดสนิท แต่ยังไม่ทันทำอะไรต่อ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวขยุกขยิกอยู่ใต้ผ้าห่มที่คลุมท่อนล่างอยู่ เธอก้มลงมองดูแล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของตุ๊กตาสาวน้อย ถักผมเปียสองข้าง โผล่พรวดออกมาจากชายผ้าห่มตรงหน้าท้อง ใบหน้านั้นกำลังเผยอริมฝีปากสีแดงสดออกยิ้มให้ เห็นฟันซี่เล็ก ๆ ขาวเต็มปาก ตาสีฟ้าใสเบิกโตลุกวาว หญิงสาวตะลึงมองร่างน้อยในชุดฟองฟูสีฟ้า ที่โผล่พรวดออกมาจากชายผ้าห่มทั้งตัว มันคือตุ๊กตาตัวที่เบรซคนรักของเธอซื้อมาให้เป็นของขวัญวันเกิด ที่ขณะนี้ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเธอด้วยท่าทางเหมือนหุ่นชักไย

“แม่จ๋า...”

“กรี๊ด...”

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่