ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง...ฉันไม่รู้

กระทู้สนทนา

     พอเกิดมาลืมตาดูโลก คุณพ่อกับคุณแม่ของฉันก็สังเกตและถกเถียงกันว่าหน้าตาของฉันละม้ายคล้ายคลึงกับหน้าตาของใครหรือเหมือนกับญาติพี่น้องคนไหน เพราะหน้าตาของฉันมันปากนิดจมูกหน่อย ผิวพรรณขาวนวล ไม่เหมือนกับใครๆ ในตระกูลเลย ตอนเด็กๆ มีแต่คนล้อว่าสงสัยเป็นเด็กที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยง

     พอโตขึ้นมาหน่อย ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัด ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไรมากมาย แต่ก็เรียนดีมากสอบได้ที่ 1 ทุกครั้ง ได้เป็นหัวหน้าห้องทุกปี คุณครูและเพื่อนๆ ทุกคนรักใคร่ เพราะถึงแม้ฉันจะเรียนเก่งและหน้าตาน่ารัก แต่ฉันก็มีน้ำใจชอบช่วยเหลือทุกคน ครูใหญ่บอกว่า ฉันไม่เหมือนเด็กคนอื่น การเรียนและความประพฤติดีมาก จึงให้ทุนการศึกษาเรียนฟรี

     ฉันมีความสามารถพิเศษด้านศิลปะและการคัดลายมือ ฉันได้รับรางวัลมากมายจากการประกวดตามโอกาสต่างๆ ที่ทางโรงเรียนส่งไปหรือคุณแม่ของฉันสมัครให้ บ้างเป็นประกาศนียบัตร บ้างเป็นเหรียญเกียรติยศ บ้างเป็นเงินสด ทุกคนภูมิใจในตัวฉันมาก

     หลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ฉันสามารถสอบเข้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ตามที่ใฝ่ฝันได้ ด้วยบุคลิกอันโดดเด่น ฉันได้รับการชักชวนให้ประกวดมิสยูนิเวอร์ซิตี้ของมหาวิทยาลัย แน่นอนฉันได้รับรางวัลชนะเลิศ นอกจากนั้นฉันก็ได้เรียนไปด้วยทำกิจกรรมไปด้วยอีกหลายอย่าง ฉันเป็นประธานเชียร์กีฬาและเป็นดรัมเมเยอร์

     คุณแม่ของฉันเคยสอนฉันตอนเริ่มเป็นสาวว่า ถ้าจะมีแฟนให้มีได้ตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่ยังคงให้รักนวลสงวนตัวจนกระทั่งแต่งงานถึงจะมีอะไรกันได้ เพราะอะไรๆ มันไม่แน่นอน ความบริสุทธิถ้าเสียไปแล้ว มันไม่มีทางได้กลับมา ฉันยังคงจำได้เสมอ คุณแม่คงเป็นห่วงฉันเรื่องนี้มากถึงให้ฉันเรียนที่โรงเรียนหญิงล้วนมาโดยตลอด

     ฉันเริ่มหาแฟนตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย ฉันได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ มากมาย ผู้ชายที่ฉันได้รู้จักมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ฉันพยายามเรียนรู้นิสัยใจคอแต่ละคนโดยที่ไม่ได้พิเศษกับใครคนใดคนหนึ่ง

     แล้ววันหนึ่งวันนั้นก็มาถึง ฉันกำลังนั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆ อยู่ที่โต๊ะประจำใต้ตึกเรียน เขาคนนั้นเข้ามาถามทางไปห้องน้ำกับฉัน ไม่รู้เพราะบุพเพสันนิวาสรึเปล่า ฉันคิดว่าคนนี้แหละ ใช่เลย คนที่ฉันกำลังตามหาอยู่

     สำหรับฉันแล้ว การสืบว่าเขาคนนั้นเป็นใครไม่ใช่เรื่องยากเลย เขาคือน้องใหม่ของคณะบริหารธุรกิจในระดับปริญญาโท เขาทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย งานของเขาก็คือ ผู้จัดการระบบงานคอมพิวเตอร์ ที่เขามาเรียนปริญญาโท เพราะต้องการเพิ่มทักษะด้านการบริหาร

     ในที่สุดฉันก็ได้รู้จักกับเขาในวันต้อนรับน้องใหม่ เรามีโอกาสได้คุยกันมากขึ้นในวันต่อๆ มา เราไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสองบ่อยๆ เราตกลงเป็นแฟนกัน ฉันพาเขาไปรู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน เขาก็เช่นกัน ทั้งสองครอบครัวยินดีอย่างยิ่งกับการคบหากันระหว่างฉันกับเขา เราช่วยกันเรียนจนจบ ฉันจบปริญญาตรี เขาจบปริญญาโท

     ฉันได้ไปสมัครงานที่บริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง และได้รับเข้าทำงาน ส่วนเขาก็ได้เลื่อนตำแหน่งและได้เงินเดือนเพิ่ม เราทำงานกันคนละที่ แต่เราก็นัดเจอกันบ่อยๆ หลังเลิกงาน บางทีก็เสาร์อาทิตย์ ในที่สุดหลังจากที่ฉันทำงานได้ 3 ปี เขาขอฉันแต่งงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฉันตกลงในทันที น้ำตาที่เปี่ยมด้วยความดีใจไหลอาบแก้มของฉัน

     ในวันแต่งงาน ฉันเริ่มเห็นสิ่งผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ มีแขกเหรื่อมากมายที่ฉันไม่รู้จักมาในงานและเข้ามาทักทายฉันเหมือนดั่งว่ารู้จักกันมานานมากแล้ว งานแต่งงานจัดใหญ่โตเกินฐานะของเราสองคน มีช่างภาพมากันมากมายต่างเข้ามาถ่ายรูปเขาและฉันที่ใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังยืนต้อนรับแขกหน้าห้องงานเลี้ยง

     เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ เพลงเปิดงานก็ดังขึ้น พนักงานพาฉันและเขาเข้าไปในห้องงานเลี้ยง และเชิญเราขึ้นไปอยู่บนเวที ทุกคนในห้องยืนขึ้นปรบมือแสดงความยินดีอย่างยิ่ง วีดีโอจอใหญ่ถูกเปิดขึ้น

     นั่นอะไรนะ ห้องสีขาว มีหลอดทดลองเต็มไปหมด พนักงานใส่ชุดสีขาวคล้ายๆ นักวิทยาศาสตร์เต็มห้องไปหมด กล้องตัดมาที่ชายวัยกลางคนๆหนึ่งกำลังถือหลอดทดลองอยู่ อีกมือชูนิ้วโป้ง และยิ้มให้กับกล้อง

     วีดีโอตัดมาที่ห้องคลอด เป็นการผ่าคลอด อ้อเป็นเด็กผู้หญิง กล้องซูมเข้าไปใกล้ๆ คงเป็นภาพหลังจากทำความสะอาดเด็กแล้ว นั่นคือฉันเอง ฉันจำได้ เพราะที่บ้านของฉันมีรูปตอนฉันเกิดอยู่ในอัลบั้ม

     ทุกคนในห้องเฮกันใหญ่ ทำไมเขาต้องยินดีที่เห็นฉันเกิดด้วยนะ ฉันดูวีดีโอต่อมีแต่ฉันทั้งนั้นเลย เอ๊ะ ทำไมมีรูปที่เหมือนแอบถ่ายเต็มไปหมดตั้งแต่เด็กจนโต เยอะมากจริงๆ ก็ตอนนี้ฉันอายุ 25 ปีแล้วนี่ รูปก็ควรจะเยอะอยู่ และวันนี้ก็วันเกิดของฉันด้วย

     ฉันหันหน้าไปมองเขา เขาไม่พูดอะไรยิ้มให้ฉันอย่างเดียว พอวีดีโอจบ ชายชราคนหนึ่งหน้าคล้ายๆคนที่อยู่ในวีดีโอ คนที่ถือหลอดทดลองก็เดินออกมา เขาจับมือฉันแล้วบอกว่า ยินดีด้วยนะครับ

     ฉันงงไปหมดแล้ว นี่ใครกัน และภาพแอบถ่ายต่างๆของฉันมันมาได้ยังงัย แต่ไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร ชายชราก็พูดออกไมค์ว่า

     "สวัสดีทุกท่านที่มาร่วมงานและทุกท่านที่ดูอยู่ทางบ้าน วันนี้เป็นวันดียิ่งนักสำหรับ มนุษย์ทดลอง ของพวกเรา การทดลองมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เราได้คัดเลือกมนุษย์ที่มียีนส์ที่ดีที่สุดเพื่อถ่ายทอดสดตั้งแต่เกิดจนโตมาให้ท่านรับชม กระผมขอขอบคุณในความร่วมมือของทุกท่านในการช่วยกันถ่ายรูปและวีดีโอส่งมา ตลอดระยะเวลา 25 ปี ผมได้ทุ่มเทแรงกายและใจในการทดลองนี้"

     มนุษย์ทดลอง นี่ฉันเป็นมนุษย์ทดลองหรือนี่ มิน่าละ หน้าตาของฉันถึงไม่เหมือนใครในตระกูลเลย ฉันเก่งไปหมดทุกอย่าง ทุกคนรักฉัน ฉันรู้สึกว่าชอบมีคนแอบมองฉันบ่อยๆ จนเคยนึกไปว่าตัวเองเป็นโรคจิตหรือเปล่า

     "และผมต้องขอขอบคุณผู้ชายที่ยืนข้างๆมนุษย์ทดลองของเรา ที่เสียสละชีวิตส่วนตัวมาทดลองในครั้งนี้ด้วย"

     อะไรนะ เขาไม่ได้รักฉันหรอ เขามาเพื่อทดลองฉันด้วย ฉันปล่อยมือเขาออก ไม่นะ ฉันรู้สึกหวิวๆ โอ้ ฉันจะเป็นลม

     ฉันลืมตา เอ๊ะ นี่ฉันนอนอยู่ที่ไหนกันนะ ฉันลุกขึ้นนั่งบนเตียงและมองไปรอบๆ นี่มันห้องอะไรเนี่ย ฉันเดินไปที่ประตูและบิดลูกบิด ประตูล็อก ฉันเคาะประตูแล้วตะโกนว่า "ปล่อยฉันออกไปนะ ขังฉันไว้ทำไม"

     ฉันร้องไห้ไม่หยุด นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ ตั้งแต่จำความได้ ทุกอย่างช่างสวยงาม มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต นั่นมันเป็นแค่การแสดงและการตระเตรียมฉากให้ฉันอย่างนั้นหรือ ไม่ว่าฉันจะมีปัญหาอะไร ฉันมีความรู้สึกว่ามีคนมาช่วยแก้สถานการให้เสมอ ทุกคนรอบตัวฉันก็ดีกับฉันเหลือเกิน

     แล้วตอนนี้พวกเขาขังฉันทำไมกัน ฉันทำผิดอะไรอย่างนั้นหรือ

     ทันใดนั้น ชายชราคนนั้นก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาบอกให้ฉันนั่งลงก่อนเพราะเขามีเรื่องจะพูดกับฉัน

     เขาบอกฉันว่า ฉันเหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง การทดลองผิดพลาด ฉันจะต้องตายภายใน 1 ชั่วโมงนี้ ไม่จริงใช่มั้ย นี่ไม่ใช่ชีวิตของฉัน ฉันฝันไปแน่ๆ ฉันกำลังจะแต่งงานต่างหาก ชีวิตฉันช่างเพอร์เฟคนี่นา

     ประตูเปิดอยู่ ฉันวิ่งออกไปนอกห้อง เอ๊ะ นี่มันที่ไหนกันนะ ฉันไม่เคยเห็น ไม่เคยมาที่นี่เลย อ้อ ฉันจำได้แล้ว นี่มันห้องทดลองในวีดีโอนี่ แล้วนั่นอะไร กล้องถ่ายวีดีโอ นี่ฉันกำลังจะตาย แต่ทุกคนกำลังดูฉันอยู่อย่างนั้นหรือ ทำไมทุกคนช่างโหดร้ายกับฉันอย่างนี้

     ฉันวิ่งออกไปด้านนอกตัวอาคาร มีผู้คนมากมายนับร้อยคนยืนยิ้มให้กับฉัน ไม่จริง พวกเขาดีใจที่จะเห็นฉันตายอย่างนั้นหรือ ฉันรู้สึกจะเป็นลมอีกแล้ว หรือว่าฉันกำลังจะตายนะ

     ฉันลืมตาขึ้น รู้สึกปวดหัวนิด ๆ ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เขาที่เป็นแฟนฉันบอกว่า หลังจากที่เขาขอฉันแต่งงานที่ร้านอาหาร ฉันก็หมดสติไป เขาจึงพาฉันมาที่โรงพยาบาล และหลังจากคุณหมอตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ววินิจฉัยว่า มีสารปนเปื้อนอยู่ในร่างกายของฉัน คงจะปนมากับอาหารทะเลที่กินไปก่อนที่เขาจะขอฉันแต่งงาน และอาการแพ้สารปนเปื้อนคงเกิดขึ้นหลังจากกินเข้าไปได้สักพัก

     ใช่ๆ ฉันจำได้แล้ว เขาขอฉันแต่งงาน แล้วฉันก็ร้องไห้ ฉันดีใจเหลือเกิน

     ...เธอถูกฉีดยาให้ลืมความทรงจำในวันแต่งงาน นักวิทยาศาสตร์สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้

     เธอไม่ต้องตายแล้ว ทุกคนบนโลกยังคงจับตามองเธออยู่...

     (มีแค่ ฉัน เท่านั้น ที่ไม่รู้)

-จบ-


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ

เรื่องนี้เคยเขียนขึ้นเพื่อใช้เล่นเกมส์ถุงมือเมื่อหลายปีก่อนค่ะ

พาพันขอบคุณ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่