ทุกวันนี้แต่ละบริษัทก็จะมีพนักงานหลากหลาย Gen ทั้ง Baby Boomer, Gen X, Gen Y, Gen Z ทำงานร่วมกัน ซึ่งจะมีเรื่องของความแตกต่างของช่วงอายุ สังคม สภาพแวดล้อม รูปแบบการทำงาน กระทู้นี้ JobThai Tips เลยเอา 4 เทคนิคในการดูแลพนักงานหลาย Generation มาฝาก HR ที่ทำด้าน People Management เพื่อช่วยให้พนักงานทุกรุ่น ทุกวัย ทำงานด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหามาฝาก
เข้าใจความต่างของ Gen
คนแต่ละ Gen มีแนวคิด ความชอบ หรือสิ่งที่ต้องการไม่เหมือนกัน เช่น Baby Boomer มีระเบียบวินัยในการทำงาน และให้ความสำคัญกับงานและครอบครัวเป็นอย่างมาก ในขณะที่ Gen X ไม่ชอบความเป็นทางการเท่า Baby Boomer และมีแนวคิดสร้างความสมดุลในเรื่องงาน ส่วน Gen Y รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทะเยอทะยานและกล้าได้กล้าเสีย และ Gen Z มีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีสูง ต้องการความเป็นอิสระในการทำงาน และสามารถทำงาน Multi-tasking ได้ดี
การเข้าใจความต้องการของคนแต่ละกลุ่ม จะช่วยให้สามารถหาวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลคนในบริษัทได้ ซึ่ง HR บางบริษัทจะมีการดูแลพนักงาน Gen ต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน เช่น จะมีงบประมาณเท่ากัน แล้วให้ HR หาสวัสดิการหรือวิธีดูแลให้เหมาะกับแต่ละ Gen แต่บางองค์กรเองมองว่าเป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลาและพลังงาน เลยใช้วิธีพยายามหาจุดตรงกลางที่ทุกฝ่ายพอใจให้เจอแทน ซึ่งการที่พนักงานมีความสุขก็จะช่วยให้การทำงานออกมามีประสิทธิภาพได้
อย่าเอาความต่างมาเป็นปัญหา
ถ้าพูดถึง Baby Boomer เราจะนึกถึงภาพของคนที่เคร่งครัดเรื่องระเบียบ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ แต่กลับกันถ้าพูดถึง Gen Z คนก็จะนึกถึงความตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว เพราะดูเป็นคนรักอิสระ และไม่ชอบถูกตีกรอบ แต่ในความเป็นจริง เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าโลกนี้ไม่มีใครมีนิสัยเหมือนกัน 100% แม้แค่คน Gen เดียวกันบางทีก็ยังนิสัยไม่เหมือนกันเลย HR เลยจำเป็นต้องช่วยให้คนในทีมและตัวเองก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่าง Gen ไปให้ได้
ถ้าเปิดใจ ทุก Gen มีข้อดี
ทุกคนก็มีความคิด ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่ต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีประโยชน์กับองค์กรทั้งนั้น การที่ HR ทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจข้อดีและจุดเด่นต่าง ๆ ของคนแต่ละ Gen และบอกให้พวกเขารู้ว่าความแตกต่างพวกนั้นมีประโยชน์ยังไงต่อการทำงานและบริษัท จะทำให้พวกเขาเห็นข้อดีของการทำงานในที่ที่มีความแตกต่างด้าน Generation มากขึ้น
ต่าง Gen ก็ทำงานร่วมกันได้
ถ้าอยากให้คนแต่ละ Gen เข้าใจและเห็นข้อดีของแต่ละฝ่าย ควรให้พวกเขาได้ทำงานด้วยกัน ช่วยเหลือและให้คำปรึกษากัน เช่น จับคู่พนักงานที่เป็นเด็กจบใหม่กับพนักงานที่มากประสบการณ์หรือเชี่ยวชาญเรื่องอะไรบางอย่างมาทำงานด้วยกัน คนที่เด็กกว่าจะได้แนะนำเรื่องการใช้เทคโนโลยี หรือเสนอไอเดียแปลกใหม่ ในขณะที่คนอายุมากกว่าที่ผ่านประสบการณ์ทำงานมาเยอะ จะได้สอนหรือให้คำแนะนำเรื่องการทำงานที่หาไม่ได้จากในหนังสือ ซึ่งมีการศึกษาออกมาด้วยว่าการที่ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง มีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดอบรมให้พนักงานแบบที่เป็นทางการซะอีก
จะเห็นว่าพฤติกรรมของคนในแต่ละยุคนั้นก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป การที่พนักงานแต่ละ Gen เข้าใจความต่าง ช่วยเหลือ และทำงานด้วยกันได้ถือเป็นเรื่องดี เพราะนอกจากบรรยากาศในการทำงานจะดีแล้ว ยังช่วยให้ประสิทธิภาพในการการทำงานออกมาดีด้วย
ดูแลพนักงานต่าง Gen ยังไงดี
เข้าใจความต่างของ Gen
คนแต่ละ Gen มีแนวคิด ความชอบ หรือสิ่งที่ต้องการไม่เหมือนกัน เช่น Baby Boomer มีระเบียบวินัยในการทำงาน และให้ความสำคัญกับงานและครอบครัวเป็นอย่างมาก ในขณะที่ Gen X ไม่ชอบความเป็นทางการเท่า Baby Boomer และมีแนวคิดสร้างความสมดุลในเรื่องงาน ส่วน Gen Y รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทะเยอทะยานและกล้าได้กล้าเสีย และ Gen Z มีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีสูง ต้องการความเป็นอิสระในการทำงาน และสามารถทำงาน Multi-tasking ได้ดี
การเข้าใจความต้องการของคนแต่ละกลุ่ม จะช่วยให้สามารถหาวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลคนในบริษัทได้ ซึ่ง HR บางบริษัทจะมีการดูแลพนักงาน Gen ต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน เช่น จะมีงบประมาณเท่ากัน แล้วให้ HR หาสวัสดิการหรือวิธีดูแลให้เหมาะกับแต่ละ Gen แต่บางองค์กรเองมองว่าเป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลาและพลังงาน เลยใช้วิธีพยายามหาจุดตรงกลางที่ทุกฝ่ายพอใจให้เจอแทน ซึ่งการที่พนักงานมีความสุขก็จะช่วยให้การทำงานออกมามีประสิทธิภาพได้
อย่าเอาความต่างมาเป็นปัญหา
ถ้าพูดถึง Baby Boomer เราจะนึกถึงภาพของคนที่เคร่งครัดเรื่องระเบียบ ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบ แต่กลับกันถ้าพูดถึง Gen Z คนก็จะนึกถึงความตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว เพราะดูเป็นคนรักอิสระ และไม่ชอบถูกตีกรอบ แต่ในความเป็นจริง เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าโลกนี้ไม่มีใครมีนิสัยเหมือนกัน 100% แม้แค่คน Gen เดียวกันบางทีก็ยังนิสัยไม่เหมือนกันเลย HR เลยจำเป็นต้องช่วยให้คนในทีมและตัวเองก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่าง Gen ไปให้ได้
ถ้าเปิดใจ ทุก Gen มีข้อดี
ทุกคนก็มีความคิด ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่ต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีประโยชน์กับองค์กรทั้งนั้น การที่ HR ทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจข้อดีและจุดเด่นต่าง ๆ ของคนแต่ละ Gen และบอกให้พวกเขารู้ว่าความแตกต่างพวกนั้นมีประโยชน์ยังไงต่อการทำงานและบริษัท จะทำให้พวกเขาเห็นข้อดีของการทำงานในที่ที่มีความแตกต่างด้าน Generation มากขึ้น
ต่าง Gen ก็ทำงานร่วมกันได้
ถ้าอยากให้คนแต่ละ Gen เข้าใจและเห็นข้อดีของแต่ละฝ่าย ควรให้พวกเขาได้ทำงานด้วยกัน ช่วยเหลือและให้คำปรึกษากัน เช่น จับคู่พนักงานที่เป็นเด็กจบใหม่กับพนักงานที่มากประสบการณ์หรือเชี่ยวชาญเรื่องอะไรบางอย่างมาทำงานด้วยกัน คนที่เด็กกว่าจะได้แนะนำเรื่องการใช้เทคโนโลยี หรือเสนอไอเดียแปลกใหม่ ในขณะที่คนอายุมากกว่าที่ผ่านประสบการณ์ทำงานมาเยอะ จะได้สอนหรือให้คำแนะนำเรื่องการทำงานที่หาไม่ได้จากในหนังสือ ซึ่งมีการศึกษาออกมาด้วยว่าการที่ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง มีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดอบรมให้พนักงานแบบที่เป็นทางการซะอีก
จะเห็นว่าพฤติกรรมของคนในแต่ละยุคนั้นก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป การที่พนักงานแต่ละ Gen เข้าใจความต่าง ช่วยเหลือ และทำงานด้วยกันได้ถือเป็นเรื่องดี เพราะนอกจากบรรยากาศในการทำงานจะดีแล้ว ยังช่วยให้ประสิทธิภาพในการการทำงานออกมาดีด้วย