JJNY : 4in1 โอไมครอนระบาดกว่า20ปท.│เชื่อสามีเสียชีวิตเพราะวัคซีน│ทอท.ประเมินอีกปีถึงจะฟื้น│กก.อุบตอบ แคนดิเดตผู้ว่าฯกทม.

โควิดโอไมครอนแพร่ระบาดกว่า 20 ประเทศทั่วโลก นอร์เวย์-ซาอุฯพบผู้ติดเชื้อล่าสุด
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3067820
 

 
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม รอยเตอร์รายงานข่าวระบุว่า พบการระบาดของเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดออกไปหลายประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดทางการเกาหลีใต้ออกมายืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว ส่วนกระทรวงสาธารณสุขของกานาออกมาเปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อรายแรกซึ่งเป็นผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ
 
ในวันเดียวกันมีการรายงานว่า นอร์เวย์พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเป็นนักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ 2 ราย และทางการซาอุดีอาระเบียรายงานพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน 1 รายหลังเดินทางกลับมาจากประเทศในแถบแอฟริกาเหนือ ถือเป็นผู้ป่วยรายแรกของภูมิภาคแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ก่อนหน้านี้มีการรายงานว่า บราซิลเป็นชาติแรกในภูมิภาคอเมริกาใต้ที่รายงานพบการติดเชื้อโอไมครอนในผู้ป่วย 2 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศแอฟริกาใต้
 
สื่อหลายสำนักในญี่ปุ่นรายงานตรงกันเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมนี้ว่า ญี่ปุ่นยืนยันการพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศรายที่ 2 แล้ว หลังจากพบนักการทูตชาวนามิเบียเป็นผู้ติดเชื้อรายแรก โดยสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ระบุว่าผู้ป่วยรายที่ 2 นี้เป็นชายต่างชาติ ส่วนเอฟเอ็นเอ็นทีวี ระบุว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากเปรู ในส่วนของนักการทูตนามิเบียนั้น ทางการญี่ปุ่นยืนยันว่า ได้ตรวจสอบคนกลุ่มเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิด 70 คนเรียบร้อยแล้วไม่มีผู้ใดแสดงอาการป่วยออกมา
 
นายจอน แฮ-ชอล รัฐมนตรีความมั่นคงปลอดภัยภายในของเกาหลีใต้ ประกาศ มาตรการป้องกันเข้มงวดเพื่อรับมือโอไมครอน หลังจากพบชาวไนจีเรียรายหนึ่งต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโอไมครอน ซึ่งล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่าติดเชื้อจริง ทั้งนี้เกาหลีใต้กำลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งเกินกว่า 5,000 รายในวันเดียวกันนี้
 
รายงานข่าวระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโอไมครอนในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ยิ่งน่าวิตกมากขึ้นตามลำดับ หลังจากพบผู้ติดเชื้อโอไมครอน 6 รายก่อนหน้านี้ โดยทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงยืนยันผู้ติดเชื้อรายที่ 7 เป็นชายวัย 40 เศษ เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้เมื่อ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับยืนยันว่า มีชาวต่างชาติอย่างน้อย 2 รายซึ่งยืนยันการติดเชื้อโอไมครอนไปก่อนหน้านี้ เดินทางไปยังหลายสถานที่ในนครซิดนีย์และอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดในชุมชนขึ้นได้
 
ที่ประเทศอังกฤษ นาย ซายิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขแถลงในวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนที่ได้รับการยืนยันแล้วในอังกฤษรวม 22 ราย และยืนยันว่า ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มสูงขึ้นอีกอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม นายจาวิด กล่าวด้วยว่า มีความเป็นไปได้ที่วัคซีนที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้ จะยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อโอไมครอน มีอาการป่วยหนัก แม้จะไม่สามารถป้องกันไม่ให้ติดเชื้อได้ก็ตาม ดังนั้นโครงการระดมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของรัฐบาลยังคงมีความสำคัญ ซึ่งทุกคนควรเข้ารับวัคซีนกระตุ้นโดยเร็ว เพราะยังคงถือว่าเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้
 
ชาติในยุโรปยังคงพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสเปน พบผู้ติดเชื้อยืนยันแล้วเป็นรายที่ 2 นอกจากนั้นยังมีผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโอไมครอนอีก 2 รายซึ่งคาดว่าจะยืนยันได้ภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อรายแรกของสเปนเป็นชายวัย 51 ปี ที่เดินทางกลับมาจากแอฟริกาใต้ผ่านเนเธอร์แลนด์ ส่วนรายที่ 2 เป็นสตรีวัย 61 ปี ที่เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ ถูกระบุว่าติดเชื้อโอไมครอนทั้งๆ ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว 2 เข็ม
 

 
ภรรยาเชื่อ สามีเสียชีวิตเพราะวัคซีน สสจ.อำนาจเจริญขอญาติไม่ต้องห่วง กำลังถกเรื่องเยียวยา
https://www.matichon.co.th/region/news_3067445

ภรรยาเชื่อ สามีเสียชีวิตต้นเหตุจากวัคซีน พร้อมแจงอาการเจ็บป่วย สสจ.อำนาจเจริญขอญาติไม่ต้องห่วง กำลังถกเรื่องเยียวยา
 
จากกรณีที่มีข่าวว่ามีชาวบ้านพื้นที่ อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากโรงพยาบาลชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเสียชีวิตเป็นรายที่ 3 ส่งผลให้ชาวบ้านต่างหวาดผวา ตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก
 
ล่าสุดวันนี้ (1 ธันวาคม) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ 14 ต.ชานุมาน อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ พบบ้าน 2 ชั้น ใต้ถุนบ้านมีโลงศพของ นายทวี มหาวงศ์ อายุ 68 ปี โดยมีพระสงฆ์ 4 รูป สวดบังสุกุล พร้อมกันนี้มี นางน้อย มหาวงศ์ อายุ 64 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต และญาติอีก 4 คน นั่งให้กำลังใจอยู่

นางน้อยเล่าว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย.64 ตนและนายทวี สามี ได้ไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ที่วัดศรีสมบูรณ์ เขตเทศบาลชานุมาน ซึ่งได้รับแจ้งจาก อสม.ในหมู่บ้านว่าทุกคนจะต้องฉีดวัคซีน หากไม่ยอมอาจจะเสียสิทธิหลายอย่าง ตนและสามีจึงจำยอม หลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แล้วสามีมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ จากนั้นได้มาพักผ่อนที่บ้าน ต่อมาวันที่ 3 ต.ค.64 สามีอาการหนักขึ้น ตนและญาติช่วยกันหามส่ง รพ.ชานุมาน แต่อาการไม่ดีขึ้น แพทย์ส่งต่อ รพ.อำนาเจริญ อาการทรงตัว จากนั้น รพ.อำนาจเจริญ จึงอนุญาตกลับมารักษาตัวที่ รพ.ชานุมาน แต่อาการทรุดหนักและเสียชีวิตเมื่อบ่ายวันที่ 29 พ.ย.64 ตนและญาตินำศพมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน
 
นางน้อยกล่าวว่า เชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตของสามีมาจากการฉีดวัคซีนแน่นอน ซึ่งก่อนหน้านั้นสามีเป็นคนแข็งแรง ขับรถบรรทุกมันส่งโรงแป้งเป็นประจำ แต่หลังฉีดวัคซีนมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ จนกระทั่งมาเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนตนขณะนี้ยังมีอาการลักษณะคล้ายกับสามี ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเสียชีวิต
 
ด้าน นพ.ปฐมพงศ์ ปรุโปร่ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า เคสเสียชีวิตของนายทวี มหาวงค์ อายุ 68 ปี มีประวัติขาดยา 1 ปี ความดันโลหิตสูง เคยรับวัคซีนเข็ม 1 ซิโนแวค วันที่ 20 ส.ค.64 เข็ม 2 แอสตร้าฯ วันที่ 10 ก.ย.64 โดยวันที่ 3 ต.ค.64 มาโรงพยาบาลด้วยอาการพูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง มีภาวะเลือดออกในสมองฉับพลัน จึงส่งตัวไปยัง รพ.อำนาจเจริญ ทั้งนี้ ไม่ทราบประวัติการรักษาตอนอยู่ที่ รพ.อำนาจ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เรากำลังนำเข้าที่ประชุมดำเนินการเรื่องการเยียวยา ขอญาติๆ ไม่ต้องเป็นห่วง
 


ทอท.ประเมินการเดินทางทางอากาศ ต้องใช้เวลาอีก 1 ปี ถึงจะฟื้น
https://ch3plus.com/news/category/268122

ท่าอากาศยานไทย คาดว่าการเดินทางทางอากาศ ต้องใช้เวลาเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ปี ถึงจะฟื้น

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย ยอมรับว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบิน และการเดินทาง ภายหลังการเปิดประเทศ ไม่เป็นไปตามที่คาด จากเดิมที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว มีผู้โดยสารกลับมาได้ที่ 110 ล้านคนในช่วงกลางปี 65 แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่าผู้โดยสารในปีหน้าอาจกลับมาได้แค่ 60 ล้านคนเท่านั้น และกว่าจะกลับมาถึง 110-120 ล้านคน ตามที่เคยประเมินไว้อาจต้องขยับออกไปอีก 1 ปี เป็นกลางปี 66 ขณะที่สถานการณ์กลายพันธุ์ของเชื้อโควิด มองว่า จะไม่ทำให้อุตสาหกรรมการบินเลวร้ายไปมากกว่านี้
 
ทั้งนี้ ทอท.ได้ประกาศขยายมาตรการพยุงผู้ประกอบการภายในท่าอากาศยาน ที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม ปี 65 ออกไปอีก 1 ปี แต่อย่างไรก็ดี มีผู้ประกอบการเลิกกิจการ ไปแล้ว 1 ใน 3 แม้จะเปิดประเทศ แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากไม่กล้า ที่จะกลับมาเปิดให้บริการ ทั้งนี้ คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารภายในประเทศ จะกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงปกติก่อนโควิดได้ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า ส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศ ยังไม่กลับมา แต่ก็เริ่มเห็นแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม ที่มียอดจองการเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นราว 20% ส่วนผลประกอบการในปีนี้ สัญญาณยังไม่ค่อยดี อาจเป็นปีที่ 3 ที่ส่อแววขาดทุนต่อเนื่อง
 
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/koNso0SYTEA

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่