ฝันหวาน (Sweet Dream) 79

กระทู้สนทนา

.

           หนึ่งทุ่มครึ่งพรนภากลับมาจากทำงานอย่างอิดโรย มาถึงคอนโดเคาะประตูห้องครู่เดียว คนข้างในก็เปิดประตูรับ พร้อมผายมือรับแบบตลก ๆ เช่นทุกวัน ทว่าสิ่งที่ดูแปลกตาไปกว่าทุกวัน และ ทำให้พรนภาหัวเราะออกมาได้ทั้งที่เหนื่อย ๆ คือ เมธีสวมเสื้อฟุตบอลทีมรักของตน สวมเสื้อทีมแมนยูนั่นเอง

            “เดี๋ยวก่อน อะไรทำให้ใครบางคนใส่เสื้อแมนยูก่อน” เธอพูดปนยิ้ม ทราบนั่นแหละว่าวันนี้ทีมรักลงสนามกับเซลซี แล้วเมธีก็ทำดีมาก ลองใส่เสื้อทีมอื่นดูสิ ลองเชียร์ทีมตรงข้ามดูสิ คืนนี้ได้นอนพื้นแน่ ยกเว้นก็แต่เป็นศึกแดงเดือด ลิเวอร์พูลกับแมนยูเท่านั้น เธอถึงจะยอม ลิเวอร์พูลทีมรักของสามีเลยล่ะ

            เมธีปิดประตูเดินตามเธอเข้ามาในห้อง “เอ๋า… ก็อยู่ข้างเมียน้อ เค้าก็อยู่ข้างเมียตลอดนั่นแหละค่ะ” พูดกลั้วยิ้ม เอ็นดูในความบ้าแมนยูของภรรยาสาวคราวลูกนัก อีกทั้งสงสารที่เมื่อเช้าพาตื่นแต่เช้าเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมกลับคอนโดนั่นแหละ จึงทำให้เธอมีท่าทีอิดโรยแบบนี้ อยากทำเอาใจสักหน่อย ไถ่โทษเรื่องเมื่อวาน “มาจุ๊บก่อนมา จะได้หายเหนื่อย”

            “ไม่! นภาจะออกกำลังกาย” เธอตอบ จากนั้นก็ถอดชุดทำงานออก สวมชุดสำหรับใส่ออกกำลังกาย ปูพรมรองแพลงค์ “ขาดหมดแล้วเนี่ย ว่าง ๆ พาไปโลตัสหน่อยนะคะ นภาจะซื้อพรมผืนใหม่”

            “เคค่า! รีบ ๆ ออกกำลังกายเลย แล้วรีบไปอาบน้ำ รีบทานข้าว รีบมาให้นอนกอดเลยค่ะ คิดถึง! เราจะเชียร์แมนยูไปด้วยกัน” เขาพูด พร้อมนั่งลงบนโซฟาเปิดทีวีดูข่าวไปพลาง ๆ รอภรรยาสาวออกกำลังกายเสร็จ

            “น้องว่าคืนนี้แมนยูกี่ลูกคะ” เขาถามพร้อมหัวเราะอึกอักอยู่คนเดียว

            “ไม่เกินสองค่ะ” พรนภาตอบขณะกำลังแพลงค์อยู่ ภายในห้องพักเล็ก ๆ ที่พวกเธอสองคนอยู่ด้วยกัน นี่เป็นกิจกรรมที่พรนภาจะต้องทำทุกวันก่อนทานข้าวเลย

            อีกคนออกกำลังกาย อีกคนนั่งดูทีวีและก็พูดตลกให้หัวเราะเป็นการตัดกำลังกันแบบนี้ทุกวัน ทว่าพรนภาก็ผ่านมันไปได้ด้วยดีแบบทุลักทุเล เพราะหัวเราะไปกับมุกตลก ๆ ของสามี แล้วก็ทำให้ออกกำลังกายได้ไม่เต็มที่ เพราะมัวแต่ขำไปกับสามีนั่นเอง

            “แมนยูแพ้ไม่เกินสองลูกใช่มั้ยคะ ฮา” เขาพูดกลั้วหัวเราะ นั่นปะไร พอเมธีพูดแบบนี้เธอก็หันมาค้อนขวับให้ บังอาจมาแช่งทีมรักกันได้อย่างไร

            “พี่เมธี! ฮ่วย! ถ้าจะพูดแบบนี้ไปถอดเสื้อแมนยูเค้าออกเลยไป แล้วห้ามพูดด้วย! นภาจะออกกำลังกาย เดี๋ยวเถอะ!” ทำเป็นดุสามีไปอย่างนั้น จากนั้นเธอก็ออกกำลังกายต่อไป

            “โอเค ๆ ค่ะ ไม่กวนแล้ว ออกไปก็เท่านั้นล้า อ้วนเหมียนเดิมคือเก่า” พูดลอย ๆ พร้อมหัวเราะเยาะเธอไปอีก แต่เธอก็เลิกสนใจแล้ว ตั้งใจออกกำลังกายดีกว่า ไม่นานก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยทุกกระบวนท่า “ไปอาบน้ำเลยค่า ใส่เสื้อแมนยูนะคะ” เขาพูดตามหลังเธอ

            พรนภาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ก็สวมเสื้อทีมฟุตบอลแมนยูเหมือนกัน สวมไปอย่างนั้นแหละ แมตช์นี้เตะดึกไป ตั้งห้าทุ่มครึ่ง ถ้าไม่ง่วงนอนก็จะดู จากนั้นพวกเธอสองคนก็ไปทานข้าวกันในครัว เป็นเมนูธรรมดา ๆ ที่เมธีทำไว้รอทุกวัน เพราะเลิกงานกลับมาก่อน รู้สึกโชคดีตรงที่สามีไม่เที่ยวนี่แหละ ถ้าเป็นคนรักเก่าสามทุ่มไม่รู้จะถึงห้องหรือเปล่า

            ไม่ใช่ว่าตนเองจะไม่ให้สามีสังคมกับเพื่อน ๆ เลย แต่ก็อีกนั่นแหละ ก็ต้องดูความจำเป็น ครั้งไหนจำเป็นเธอก็ไม่เคยห้าม แค่ไม่เที่ยวเตร่ติดเป็นนิสัย เถลไถลทุกวันก็พอ ไปไหนมาไหนคอยนึกถึงว่ามีคนรออยู่ที่บ้านก็พอ แค่นี้ก็รู้สึกโชคดีมากแล้ว ขอบคุณเขาที่รักเธอ ขอบคุณที่เราได้มารักกัน

            “อะไรคะ ยิ้มอะไร มองเค้าแล้วก็ยิ้มเนี่ย” เขาถาม เมื่อเธอมองหน้าเขาแล้วก็เผลอยิ้มเพราะนึกอะไรเพลิน ๆ อยู่บนโต๊ะทานข้าว ภายในห้องครัวเล็ก ๆ พร้อมกับข้าวไม่กี่อย่าง เป็นอาหารภูมิภาคของพวกเธอเอง ถูกปากถูกใจที่สุดแล้ว และ ฝีมือของเขาก็อร่อยด้วย

            “เปล่าค่ะ ทานข้าวเลยหิวข้าวแล้ว” เธอเปลี่ยนเรื่อง เฉไฉไปเรื่องอื่น อมยิ้มไม่ยอมบอกหรอกว่าเธอรักเขามากแค่ไหน คุณพ่อเมธีสุดที่รักของเธอเอง เรียกคุณพ่อที่ไม่ได้แปลว่าพ่อผู้ให้กำเนิด อีกคนสี่สิบปลายกับอีกคนยี่สิบปลาย ใครว่าจะรักกันไม่ได้ อายุเป็นเพียงตัวเลข ความรักความเข้าใจความรู้สึกต่างหากที่เป็นตัวกำหนด

            “กินหลาย ๆ ค่ะ สิได้อ้วน ๆ “ เขาพูด เม้มปากยิ้มหัวเราะกับคำพูดของตนเอง ที่เล่นมุกนี้อีกแล้ว

            “ทำไมพูดงี้ แล้วนภาจะไปต่อยังไงอ่ะ พี่เมธีต้องบอกว่า กินเยอะ ๆ จะได้โตเร็ว ๆ คราวนี้นภาก็จะได้พูดว่า พี่เมธีนั่นแหละกินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ คราวนี้พี่เมธีก็จะพูดว่า พี่โตจนแก่แล้วค่ะ น้องนั่นแหละกินเยอะ ๆ ฮา” เธอพูดกลั้วยิ้มบนโต๊ะกับข้าว เลิกงานวันนี้ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน กลับมามันก็ยิ้มได้ มีความสุข เพราะคน ๆ นี้เลย ทำให้ชีวิตหลังเลิกงานของพวกเธอมีแต่รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะทำนั้นก็พอ ชีวิตก็ต้องการแค่นี้ อยู่กับคนที่เข้าใจกันตลอดไป

            “หื้ย!” เขาอุทานพร้อมรอยยิ้ม พร้อมทานข้าวไปด้วย โม้กับเธอไปเรื่อยเปื่อย “อือน้องว่าวันนี้แมนยูกับเซลซีเท่าไหร่คะ” เขาถามเรื่องฟุตบอลสำหรับคืนวันนี้ เห็นว่าเธอชอบแมนยูนั่นแหละ จึงถามเอาใจเชียร์เอาใจสักหน่อย

            “นภาว่าเสมอค่อนไปทางแพ้ค่ะ แมนยูนะแพ้” เธอพูดกลั้วหัวเราะ เขาเองก็หัวเราะตามไปด้วย แทบสำลักข้าว เมื่อได้ยินคำตอบของภรรยาสาว เริ่มวิเคราะห์เป็นแล้วแฮะ ยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมพูดในใจ

            “ดี ๆ รู้ตัวเองก็ดีแล้วค่ะ จะได้ไม่ผิดหวัง จะได้ไม่เจ็บหนัก ฮา” เขาพูด อยากแกล้งภรรยารุ่นลูกเท่านั้นแหละ

            “พี่เมธี! ตัวเองอยู่ข้างใครวันนี้ ฮ่วย! ระวังไว้ ๆ เว้าบ่อเข้าหูเด้อ!” เธอค่อนขอดให้กับเขา “วิเคราะห์แบบเจียมบอดี้ไง วิเคราะห์จากประสบการณ์หลาย ๆ แมตช์ที่ผ่านมา นภาว่าเสมอค่อนไปทางแพ้ แต่ถ้าให้วิเคราะห์แบบหลับหูหลับตานะ ชนะค่า! ฮา” พูดด้วยรอยยิ้มปนหัวเราะให้กับสามมี มีความสุขที่สุดเลย

            “พี่เมธี!” พรนภาเรียกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น วางช้อนลงในจานข้าว จ้องหน้าคนตรงหน้าตาไม่กะพริบ “พี่เมธีว่าใครจะชนะ บอกมา!”

            “เอิ่ม! เอ่อ…. เอ่อ มันก็ต้องเป็นแมนยูสิคะ แมนยูต้องชนะอยู่แล้วค่ะ แมนยูชนะ แมนยูสู้ ๆ” เขาตอบกลับมาอย่างเร็ว ทีแรกดูเหมือนลังเล ดีที่คำตอบยังพอฟังได้ “ดูนี่ ๆ เชียร์ใคร แมนยู! คืนนี้แมนยูจงเจริญ” พูดกลั้วหัวเราะพร้อมดึงตราสัญลักษณ์ของทีมที่ติดอยู่บนเสื้อขึ้นมาจูบเบา ๆ อวดเธอไปอีกด้วย

            “ดีมาก! อยู่เป็นนะเรา” เธอตอบ ทว่าสายตายังจ้องไปที่สามีรุ่นพ่ออยู่ มือก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวไป

            “รอดตัวแล้วกู!” พูดลอย ๆ พร้อมโปรยยิ้มให้ภรรยาสาว พรนภานะพรนภา! เอ็นดูที่สุด พูดอะไรก็เชื่อไปหมด แต่เขาก็ไม่เคยโกหกเลยสักครั้ง แค่ในบางครั้งก็อยากพูดเอาใจให้รู้สึกดีบ้าง สำหรับพรนภามีความสุข ก็เท่ากับความสุขของเขาแล้ว

            “อย่าให้รู้นะว่าแอบเชียร์เซลซีในใจอ่ะ ไม่งั้นโดนแน่พี่เมธี หึหึ” ทำขู่ไว้ก่อน จะเชียร์ทีมอื่นไม่ได้นอกจากทีมรักของเธอเท่านั้น

            “ค้าบ! กะเชียร์ทีมนำเมียนั่นล่ะครับ” ปรายตามองเธอ อมยิ้มให้เธอ พร้อมตักข้าวเข้าปาก พวกเธอนั่งทานข้าวพร้อมคุยกันเรื่องฟุตบอลคืนนี้ เสียอย่างเดียวเตะดึกไปหน่อย

            พอทานข้าวเสร็จระหว่างรอดูฟุตบอลต่างคนก็ต่างเล่น แต่ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ เธอส่องโซเชียลของตนเองไป ส่วนเมธีเล่นเกมไป เกมที่เล่นก็เตะฟุตบอลนั่นแหละ “เอาล่ะครับ แมนยูกับเซลซีลงสนามแล้วนะครับ ทีมไหนจะชนะหรือจะเสมอหรือทีมไหนจะแพ้เรามาคอยดูกันนะครับ” เมธีเล่นเกมไปด้วย พากษ์เสียงไปด้วย โดยการจัดทีมแมนยูกับเซลซีเตะแข่งกันซะเลย จะได้เข้ากับบรรยากาศในคืนนี้ ระหว่างรอห้าทุ่มครึ่ง

            “รู้ใช่มั้ยตัวเองว่าถ้าเล่นแมนยูแพ้อ่ะ จะเป็นยังไง” ระหว่างที่พรนภากำลังดูโซเชียลอยู่บนเตียงนอน ได้ยินสามีพูดจึงละสายตาหันไปมอง พร้อมพูดขู่เสียเลย

            “ในเกมก็ไม่ได้เหรอคะ” เขาหันหน้ามาคุยด้วย ก่อนจะหันไปดูเกมต่อ มือก็กดจอยเกมเล่นไปเรื่อย ๆ เสียงพากษ์เกมก็ดังอยู่อย่างนั้น ความสุขของเขาล่ะ เธอก็ไม่เคยจะห้าม ถึงเขาจะเล่นเกม เธอก็ยังรู้สึกว่าตนเองมีตัวตน ไม่เหมือนคนรักเก่าที่ทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนเลยสักวัน

            “ไม่ได้ค่ะ! ในเกมก็ไม่ได้” เธอตอบ จากนั้นก็เลิกส่องโซเชียล ลงมานั่งข้าง ๆ สามี ดูสามีเล่นเกมเสียเลย อย่าคิดจะล้มมวยเชียว

            “ได้ข่าวว่าโดนัลโด่ไม่ได้ลงเป็นตัวจริงนี่คะ สิชนะบ่อน้อมื้อแลง! ทีมรักของเมียน้อน้อง” ไม่พูดเพียงเท่านั้น ยังหันหน้ามาดมแก้มของเธออีกด้วย และ เธอก็ปล่อยให้ทำโดยไม่ต่อว่าอะไร

            “กะซาง!” เธอตอบ ไม่ได้ซีเรียสกับเกมฟุตบอลอะไรมากมาย แค่ชอบนักเตะ แค่ชอบในความหน้าตาดีของนักฟุตบอลเท่านั้น เธอนั่งอิงไหล่ของเมธี นั่งเล่นนั่งดูเมธีเล่นเกมด้วย “นภาจะนอนแล้ว ง่วงแล้วเนี่ย ฝากพี่เมธีดูด้วยแล้วกัน ห้ามเชียร์เซลซีด้วยถ้านภาหลับอ่ะ”

            “ครับโพ้ม! หึหึ เสร็จแน่ถ้าหลับ” เขาพูดแกล้งให้เธออารมณ์หงุดหงิดเล่น ๆ เวลาเธองอนแล้วน่ารักไปอีกแบบ “มานั่งอิงไหล่คนแบบหนิ ถืกศอกพั่นว่าเฮ็ดหยอกเด้ล่ะ”

            “เอ๋า! พี่เมธีกะอย่าศอกถองคนนั่นตั้ว ฮู้อยู่แมะ” เหวี่ยงค้อนให้เบา ๆ

           พรนภานั่งดูสามีเล่นเกมจนดึก คุยกันไปเรื่อย นั่งอิงไหล่อิงหลังกวนเมธีเล่นเกมไปเรื่อย ๆ โซฟาโล่ง ๆ เตียงโล่ง ๆ ก็ไม่ยอมไปนั่ง ต้องการที่จะนั่งเบียดนั่งอิงตัวของสามีแบบนี้ และ เจ้าตัวก็ยอมให้ทำแบบไม่บ่น ไม่หงุดหงิด ไม่ต่อว่าอะไรด้วย

            เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เป็นช่วงเวลาที่โหยหาและต้องการ จากที่เมื่อตอนกลางวันพวกเธอไปรบกับงานรบกับคนข้างนอกมามากพอแล้ว กลับมาที่ห้อง ก็อยากเติมเต็มพลังกับคนที่เรารักและรักเราให้มากที่สุด แต่ละคนเล่นผ่อนคลายตามสไตล์ของกันและกัน แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้กันและกันโดดเดี่ยว

            “พี่เมธีเค้าง่วงแล้ว เค้านอนก่อนนะ” เธอพูดจากที่นั่งดูสามีเล่นเกมมาจนดึก นี่ก็สี่ทุ่มจวนจะห้าทุ่มเข้าทุกที

            “ง่วงก็ไปนอนก่อนเลยค่ะ พี่ขอต่อสักเกม” เขาตอบพร้อมหันมาดมแก้มของเธอเช่นเดิม “มีแฮงแถะวะ อยู่ให้ดมแบบนี้ตลอดไปเด้อ”

            เธออมยิ้มพยักหน้าเป็นคำตอบ พร้อมกอดตัวของเมธีเข้าแน่น ๆ ไม่มีเหตุผล แค่เพียงอยากกอดแน่น ๆ เท่านั้นเอง รักที่สุดเลยผู้ชายคนนี้ ลุงเมธีของเธอ “ตัวเองห้ามเชียร์เซลซีนะ”

           “โอเคค่ะ! สัญญา ไปนอนไปดึกแล้ว พรุ่งนี้ทำงานอีก เดี๋ยวตอนเช้าเค้ามารายงานผล ว่าแมนยูแพ้สามศูนย์ ฮา”

            “พี่เมธี! ตัวเองอยากโดนมากใช่มั้ย!” ขู่สามีไปทั้งที่ตาจะปิดอยู่แล้ว ทว่าคนโดนขู่กลับหันมาจูบริมฝีปากของเธอเข้าให้ ก่อนจะผละออก

            “ฝันดีค่ะ เดี๋ยวตามไปนอนกอด” เขาพูด พร้อมดมแก้มของเธออยู่อย่างนั้น มือก็ยังเล่นเกมไป จากนั้นเธอก็ขึ้นไปนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงคนเดียว เผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีตอนอยากเข้าห้องน้ำ ก็เห็นเมธีขึ้นมานอนกอดแล้ว

            ……………………………………..

            ตีห้าเธอตื่นขึ้นมาพร้อมนาฬิกาปลุก ลุกขึ้นเตรียมอุ่นกับข้าวให้กับเมธีพร้อมหุงข้าวให้ด้วย ส่วนเจ้าตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมออกไปทำงานเช่นทุกวัน

            “น้องจะตื่นขึ้นมาพร้อมเค้าทำไมน้อ ทำไมไม่นอน เหนื่อยตัวเองเปล่า ๆ พี่ถามจริงเหนื่อยมั้ยคะ กลับไปนอน ๆ หลับสนิทมั้ย” เขาถาม ขณะกำลังสวมเสื้อชุดไปทำงานหน้าตู้กระจก

            “บอกแล้วไงว่านภาอยากทำให้พี่เมธี” เธอตอบปนยิ้ม “ก็นอนหลับค่ะ ไม่เหนื่อยด้วย วัน ๆ นึงนภาฟาดทั้งกาแฟทั้งเอ็มร้อยพุ่นน่ะ” พูดกลั้วยิ้มให้สามีฟัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่