อยากรู้ความคิดของคนที่ทำงานแล้วส่งน้องเรียนหน่อยคะ

คือส่วนตัวกำลังเรียนและใกล้จะจบแล้ว พอจบก็ต้องหางานทำ พ่อและญาติๆ ก็พูดตลอดว่าถ้าเรียนจบแล้วมีงานทำ ก็ส่งน้องเรียนนะอะไรแบบนี้ คืออยากรู้ว่ามันคือความรับผิดชอบของเราหรอคะ มันคือหน้าที่ของพ่อแม่รึเปล่า หรือ มันคือความกตัญญญูที่ต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่แบบนี้หรอคะ ช่วยแชร์ประสบการณ์หน่อยคะ เผื่อว่าจะเปลี่ยนความคิดแบบนี้ได้ ส่วนตัวก็รุ้สึกว่าความคิดแบบนี้ก็เหมือนเห็นแก่ตัวนิดหนึ่งแต่ในความคิดเราคือพอมีงานทำก็อยากใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง อยากซื้อนู้นนี่ให้ตัวเองบ้าง ถ้าพอมีเงินส่วนหนึ่งก็ซื้อของนู้นนี่เล็กๆน้อยๆให้น้องได้ ไม่ใช่ว่าเจาะจงว่าต้องส่งน้องเรียน มันรู้สึกกดดันนะบางที เหมือนเาต้องแบกภาาระเพิ่มขึ้นเลย 
ช่วยออกความคิดเห็นด้วยนะคะว่าควรรู้สึกอย่างไรดี ขอบคุณค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
งงค่ะ ถ้าพ่อแม่ไม่มีความพร้อมในการมีลูกหลายคน แล้วมีทำไมคะ

กรณีนี้ถ้าเจ้าของกระทู้ส่งน้องเรียน พอน้องโตทำงานได้ ตามหลัก “กตัญญู” น้องต้องหาเลี้ยงตอบแทนเจ้าของกระทู้เนอะ ไม่ใช่ตอบแทนพ่อแม่

แบบนี้โอเคไหมล่ะคะ ชาวกฎแห่งกรรมทั้งหลายว่าไง กฎแห่งกรรมมันตายตัวไม่ใช่เหรอคะ หรือมีแต่พ่อแม่ที่ต้องได้ benefit จากลูกเท่านั้น ส่วนคนอื่นรับภาระไปเขาเรียกว่าหน้าที่?
ความคิดเห็นที่ 13
หน้าที่พ่อแม่ค่ะ แต่หลายอย่างในชีวิตมันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ได้ตลอด พ่อแม่ก็คน ไม่ใช่เทพเจ้า คำนวณผิดพลาดได้ วางแผนพลาดได้ ป่วยได้ ตกงานได้ หรือพ่อแม่บางคนไม่ได้วางแผนอะไรเลย เพราะตัวเค้าเองก็ถูกเลี้ยงมาตามมีตามเกิด ไม่ได้การศึกษาสูง พอมีลูกก็เลยทำเหมือนกัน

มันเลยมีคำว่า น้ำใจ ไงคะ คนเราเห็นคนอื่นลำบากแล้วไม่ช่วยทั้งๆที่ช่วยได้ เพราะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ตัวเอง อันนี้เรียกไม่มีน้ำใจค่ะ คนเรามีน้ำใจต่อกันจึงเรียกว่าความรักค่ะ ความรักต่อครอบครัว ต่อเพื่อนมนุษย์ หรืออะไรก็ตาม จะสังเกตได้ว่าครอบครัวที่ช่วยเหลือกันตอนลำบาก พอสบายเค้าจะรักกันมากๆ เห็นหลายครอบครัวแล้วค่ะ

ทั้งนี้ เราไม่ได้ว่า จขกท ไม่มีน้ำใจนะคะ เรื่องอย่างนี้แล้วแค่บริบทค่ะ ถ้าพ่อแม่ยังแข็งแรงทำงานหาเงินได้ แต่อยู่ๆมาโยนให้ จขกท ตัวเองเกษียณสบาย ด้วยค่านิยมผิดๆ อันนี้เราก็เข้าใจค่ะว่าเป็นลูกก็อึดอัด

สุดท้ายจะทำอย่างไร เอาตามที่ตัวเองสบายใจนะคะ คนเราถ้าช่วยคนอื่นอย่างไม่เต็มใจ ผลที่ออกมาคือ จะคอยกระแนะกระแหน พูดจาทวงบุญคุณฝ่ายที่ได้รับความช่วยเหลือเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ดูออกว่าไม่เต็มใจ แทนที่จะสำนึกบุญคุณจะกลายเป็นเกลียดแทนค่ะ
ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องนี้มันแล้วแต่สภาพแวดล้อมของครอบครัวนะ คงเอาความคิดเห็นของแต่ละคนมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้
- ถ้าบ้านคุณรวย หรือพ่อแม่มีกำลังกายที่ยังแข็งแรง มีงานการมั่นคงในเวลาคุณเรียนจบแต่น้องคุณยังเรียนอยู่ แบบนี้พ่อแม่ก็คงส่งเสียน้องเรียนได้ไม่ลำบาก คงไม่รบกวนคุณ
- แต่ถ้าเป็นทางตรงกันข้าม คือบ้านคุณฐานะไม่ดี พ่อแม่กัดฟันส่งคุณเรียนจนจบ หรือเมื่อคุณเรียนจบพอดีแล้วเป็นเวลาที่พ่อแม่คุณลำบากและน้องยังเรียนไม่จบ คุณก็ควรจะต้องช่วยส่งเสียน้อง มันอาจจะไม่ใช่หน้าที่แต่มันคือน้ำใจขอวคุณ

มันแล้วแต่จริงๆ อย่าผลักภาระหน้าที่ว่าพ่อแม่มีหน้าที่ต้องส่งคุณ ส่งน้องเรียน พ่อแม่ส่งเสียลูกเรียน สร้างรากฐานที่ดี สะสมสมบัติไว้ให้ลูกเพื่อที่จะได้ไม่ลำบาก มันไม่ใช่หน้าที่ค่ะแต่มันคือความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก
ความคิดเห็นที่ 18
เพื่อนพี่ค่ะ ยอมไม่เรียนต่อโท แต่ทำงานจนส่งน้องเรียนจนจบ ป ตรี ทุกคน แล้วถึงมาเรียนต่อโท ที่บ้านแม่เค้ารับจ้างเย็บผ้าโหล รายได้น้อย มีลูกหลายคน เพื่อนพี่ประหยัดมาก ไม่เคยซื้อของให้ตัวเองเลย เวลาจะซื้อของใช้ส่วนตัวเค้าจะคำนวณทุกอย่างแบบละเอียดรอบคอบ เพราะบ้านเค้าฐานะไม่ดี ห้องนอนก็นอนรวมกัน เรียงๆ กันหกเจ็ดคนอะไรแบบนั้น

ตอนนี้ทุกคนเรียนจบเรียบร้อย ตัวเค้าก็จบโท หน้าที่การงานดี ได้แฟนดี ที่สำคัญครอบครัวและน้องๆ ที่เรียนจบมาก็ต่างดูแลกันและกันดี ความเป็นอยู่สุขสบาย เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ ค่ะ

อีกตัวอย่างนะคะ

น้องที่ทำงานอีกคนบ้านอยู่เพชรบุรี พ่อกับแม่แยกทางกัน น้องกับน้องชายอาศัยอยู่กับยาย ฐานะยากจน ตัวน้อง ผญ คนพี่เรียนจบก็ทำงานที่เดียวกันกับพี่เป็นคนน่ารัก ขยัน ประหยัดมากๆ ตอนเย็นหลังเลิกงานก็จะไปรับขนม ผลไม้ มาขายต่อได้กำไรนิดหน่อยๆ สะสมกันก็พอได้อยู่ เค้าส่งน้องชายเรยีนจนจบวิศวะค่ะ ตอนนี้น้องชายทำงานเครือปูนซีเมนส์ไทย และก็รักพี่สาวคนนี้มากๆ อีกด้วย มีอะไรก็มาช่วยเหลือจุนเจือพี่สาวตลอด เค้าพูดอยู่เสมอว่าเพราะพี่สาวทำให้เค้าได้ดีถึงวันนี้

แต่ทั้งนี้มันแล้วความสัมพันธ์ในครอบครัวคุณนะคะ ว่าจะมองเป็นภาระ หรือมองเป็นการเกื้อกูลกัน ไม่ถูกไม่ผิด แต่ละครอบครัวความสัมพันธ์ย่อมแตกต่างกัน คนที่โชคดีอยู่ในครอบครัวที่ดี พี่น้องรักกันถือว่าเป็นโชคอันประเสริฐ การที่คุณไม่อยากส่งน้องก็ไม่ผิด แสดงความสัมพันธ์ในครอบครัวคุณอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณไม่รู้สึกปรารถนาดีใดๆ ต่อน้อง หรือมีไม่มากพอจนมองว่าเป็นภาระ มันต้องมีเหตุมาก่อนหน้านั้นถึงมีผลอย่างนี้ค่ะ



ความคิดเห็นที่ 4
ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าหน้าที่ใคร แต่ทุกวันนี้ทำงานแล้ว น้องชายตกงานเพราะโควิดชีวิตแบบล้มไปเลย ทุกวันนี้เป็นฝ่ายเลี้ยงน้องค่ะ เพราะตอนเราไม่มีงานทำ น้องชายเลี้ยงเราตลอด ถ้าถึงวันที่คุณไม่ลำบากและพอมีกำลังก็ลองเปลี่ยนความคิดดูค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่