.
ไดอารี่ความคิดถึง
หน้าหนาวมาเยือนอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ในเดือนพฤศจิกายน อากาศในช่วงเช้าและตอนกลางคืนหนาวมาก แถมช่วงเช้า ๆ ยังมีหมอกลงด้วย ทุกคนในบ้านต่างค้นเสื้อแขนยาวมาใส่ จากที่พับเก็บไว้แรมปี
บอสเองก็พอมีเสื้อแขนยาวใส่บ้าง ปีที่แล้วซื้อไว้สองตัว ปีนี้เพื่อนให้มาอีกหนึ่งตัว เพียงสามตัวก็พอใส่ไปโรงเรียนได้แล้วสำหรับฤดูหนาวปีนี้ สลับกันไปสลับกันมาเอา หนึ่งสัปดาห์ค่อยซัก ไม่มีใครรู้หรอก เสื้อแขนยาวใครเขาซักบ่อย ๆ กัน
เสื้อแขนยาวตัวเก่าตอนประถม บอสไม่ใส่แล้ว แม้มันจะยังใส่ได้อยู่ก็ตาม โละให้น้องบีมเอาไว้ใส่ไปโรงเรียน ไม่อยากใส่เพราะมันไม่มียี่ห้อเหมือนเสื้อสามตัวนี้ ดังนั้นตั้งแต่อากาศเริ่มหนาวมา บอสจึงใส่วนเวียนอยู่แค่สามตัวนี้เท่านั้น
เลิกเรียนตอนหัวค่ำยายมักจะก่อไฟผิง พอฟืนกลายเป็นถ่าน พวกเธอก็นำข้าวเหนียวมาจี่เป็นข้าวจี่ทำแบบนี้ทุกวัน กินทุกวันตั้งแต่อากาศเริ่มหนาวไม่เคยเบื่อ ตอนเช้า ๆ วันไหนตื่นเช้าบอสก็จี่ข้าวจี่กินแทนข้าวเช้าไปเลยก็มี
ตั้งแต่เข้าหน้าหนาว อากาศเริ่มหนาว สองฝาแฝดกับพี่เม้าส์มักจะเที่ยวมาเล่นที่บ้านของเธออยู่เป็นประจำ เพราะที่บ้านของเธอมีหน้าบ้านเป็นบริเวณกว้าง มีที่พอสำหรับก่อไฟผิงพร้อมจี่ข้าวจี่
ส่วนบ้านของสองฝาแฝด มีเนื้อที่ในส่วนของหน้าบ้านน้อย เทพื้นไปหมด แถมยังติดถนนอีก จึงไม่เหมาะแก่การก่อไฟผิง บ้านของเธออยู่ในซอย เป็นบ้านหลังสุดท้ายของซอย มีเนื้อที่เยอะจึงเหมาะแก่การชุมนุมของคนในคุ้มนัก
ตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป ยายจะก่อไฟผิงทุกวัน คนในคุ้มที่บ้านติด ๆ กันก็มักเดินมาผิงด้วย นำข้าวเหนียวกับไข่ไก่มาจี่ข้าวจี่ นำเม็ดมะขามมาคั่ว บ้างก็มาผิงไฟเล่นเฉย ๆ วันนี้ก็เช่นกัน บอสรีบอาบน้ำให้เรียบร้อย เพราะดึก ๆ มาอากาศมันหนาวมาก อาบน้ำกันไม่ได้ ถึงจะต้มน้ำอาบมันก็หนาว มันก็ขี้เกียจอยู่ดี
“ยายบอสสิกี่ข้าว” บอสถือกระติบข้าวเหนียว พร้อมถ้วยและไข่ไก่พร้อมช้อนมาด้วย อุปกรณ์อีกอันคือ ไม้ส่ายข้าวเหนียวของยาย เป็นไม้ที่เอาไว้เขี่ยข้าวเวลานึ่งสุกใหม่ ๆ นั่นเอง ยายก่อไฟผิงนั่งเล่นข้างกองไฟกับตา ตอนนี้ยังไม่มีเพื่อนบ้านมา อีกหน่อยก็คงเดินมาผิงไฟด้วย
“มากี่กะมากี่ถะแหมะ ฟืนกำลังเป็นถ่านหนิ กี่ให้ยายนำอันนึง” ยายบอก พร้อมกินข้าวเหนียวกับหนังเค็มที่ย่างสุกแล้ว บอสมองก็อดหัวเราะไม่ได้ หัวเราะอึกอักอยู่คนเดียว ยายกินข้าวกับหนังเค็ม มีฟันเคี้ยวหรือไร แข็งจะตาย ถ้านำไปใส่แกงขี้เหล็กนะอร่อยอย่าบอกใคร
“มืงหัวอิหยังอิหนิ! หัวกวนยายกินข้าวกับหนังบ่อ ยายมีแข่วย่ำอยู่เด้อ” ยายรู้ไปอีก คราวนี้บอสหัวเราะออกมาดัง ๆ กันเลย ตาก็ไม่ใส่ใจ นั่งผิงไฟกินโอวัลตินร้อนของตาไป โดยยายเป็นคนชงให้เอง ตาชอบกินทุกวัน แม่และญาติ ๆ จึงมักซื้อมาไว้ให้เสมอ
ส่วนพี่ ๆ กับน้องบีมอยู่ในบ้าน กำลังดูทีวีกันอยู่ พี่ปาวกับพี่แป้งไม่ชอบผิงไฟ เนื่องจากเวลาผิงไฟทำให้ผิวแห้งกร้าน และ แตกเป็นลายเส้น ผิวหน้าแห้งด้วย พี่ ๆ จึงไม่ชอบผิงไฟ ส่วนบอสไม่สนอะไรทั้งนั้น มีครีมบำรุงซะอย่าง
“บอสกี่ใส่ไข่ ของอี่ยายเอาใส่ไข่อยู่บ่อ” บอสถาม พร้อมปั้นข้าวเหนียว ทำเป็นทรงยาว ๆ รี ๆ พอประมาณ จากนั้นก็เสียบใส่ไม้ขอนด้าม หรือ ไม้ส่ายข้าวนั่นแหละ “อี่ตาเอาบ่อบอสสิกี่ให้นำ”
“บ่อ!” ตาตอบ
“ยายกี่ใส่ตะเกลือพอ บ่อทาไข่” ยายสั่งข้าวจี่ของตนเอง “นั่นมาเอาไม้ขอนด้ามยายมากี่ข้าว มันบ่อแมนไม้กี่ข้าวเด้หนิ คือบ่อเอาไม้ไผ่มากี่ ไม้ไผ่บ่อจักอึดจักอยาก” ยายบ่น เมื่อเห็นเธอนำไม้ส่ายข้าวมาจี่ข้าวจี่ ก็มันหาไม่ได้นี่นาไม้ไผ่ ยายบอกมีเยอะแยะ ไหน! ไม่เห็นมีสักอัน บอสค่อนขอดยายในใจ
“บ่อ! กี่ใส่ไม้ขอนด้ามหนิล่ะ บอสกี่ให้อี่ยายก่อนกะได้” พอบอสปั้นข้าวเหนียวเสียบใส่ไม้เสร็จ จากนั้นก็โรยเกลือให้ทั่วข้าว อยากได้เค็มมากก็โรยมาก อยากได้เค็มน้อยให้โรยน้อย ๆ พอโรยเสร็จบอสก็นำไปย่างไฟ คอยหมุนไม้พลิกอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้ข้าวทุกส่วนสุกพร้อมกัน บางครั้งส่วนปลายสุกจะไหม้แล้ว ส่วนกลางกับส่วนหัวยังขาวอยู่เลย
“แม่ใหญ่กับพ่อใหญ่เฮ็ดหยังนั่น กินอิหยังกันน่ะ” แพรวกับพิมพ์ทักทายตากับยายเมื่อมาถึง พร้อมถือกระติบข้าว ไข่ไก่ และ ไม้ไผ่ของตนเองมาด้วย สองฝาแฝดทราบดีว่าทุก ๆ วันที่บ้านของเธอต้องก่อไฟผิง จึงนำข้าวมาจี่ด้วย และ มาเล่นกับเธอด้วยนั่นเอง “แม่ใหญ่กินข้าวกับหยังว่ะ”
“กินข้าวกับหนังตั้ว สูมากี่ข้าวบ่อ พุ่นไฟกำลังเป็นถ่าน” ยายตอบ
“เอ๊า ๆ หนิมานั่งหนิ” ตาขยับให้สองฝาแฝดนั่ง จากนั้นก็ถือแก้วโอวัลตินเข้าไปในบ้าน ที่กองไฟจึงเหลือแค่พวกเธอสามคนกับยาย
“บอสมืงทาไข่บ่อนั่น” พิมพ์ถาม “หนาวบ่อแม่ใหญ่ หนาวคักพิมพ์ย่างมา” พิมพ์พูดพร้อมปั้นข้าวเหนียวจี่ด้วย แพรวเองก็เช่นกัน กำลังตอกไข่ใส่ถ้วยจากนั้นก็ใช้ช้อนตี ๆ ให้แตก
“บ่อ! อันหนิกูเฮ็ดให้ยายเราบ่อทาไข่ ของกูทาไข่คือกัน” บอสตอบ
“พวกพี่ปาวพี่แป้งเด้ ในเฮือนบ่อคือบ่อออกมากี่ข้าว” แพรวถาม บอสยักคิ้วให้เป็นคำตอบ “น้องบีมไปไสวะ บ่ออยากกินกี่ข้าวนำเขาบ่อ” แพรวถามหาน้องสาวของเธอด้วย
“เบิ่งหนังนำเขาอยู่ในเฮือนพุ่น มันมาสิสะออน” ยายตอบคำถามของแพรวแทนเธอ จากนั้นพวกเธอก็นั่งจี่ข้าวจี่กันไป คุยกันไป ยายเองก็นั่งฟังพวกเธอคุยกัน พร้อมคุยด้วยบางจังหวะ ดังนั้นเรื่องสนทนาของพวกเธอจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ ยกเว้นเรื่องผู้ชาย
บอสกำลังจี่ข้าวจี่ให้ยายอย่างตั้งใจ กลัวว่าข้าวจะไหม้ก่อนสุก อยากให้ทุกส่วนมันสุกไปพร้อมกัน พอส่วนปลายของข้าวจี่สุกได้ที่แล้ว บอสก็ดึงข้าวออกมา มันร้อนมากต้องค่อย ๆ ดึงอย่างระวัง บอสดึงข้าวจี่ออกมา โดยเสียบปลายข้าวจี่ที่สุกแล้วเข้าไป ให้หัวข้าวจี่ที่ไม่ค่อยโดนไฟมาเป็นส่วนปลายแทน เพราะมันยังขาวอยู่
“มา ๆ พอแล้วของยายนั่น เอาซำนั่นล่ะมันสุกแล้ว” ยายกล่าวกับเธอ
“มันสุกตรงใดว่ะอี่ยาย ยังขาวจู๊นพูนอยู่หม่องหนิ” บอสพูด แอบค่อนขอดไปที
“นั่นล่ะเอามาโลดมันสุกแล้ว ยายสิกิน!” เมื่อยายยืนยันว่าจะเอา บอสก็ไม่ขัด เลิกจี่แล้วดึงข้าวออกจากไม้ให้ยาย จากนั้นก็ถึงคิวของตนเองแล้ว บอสจะทาไข่หอม ๆ เลย “กี่แห้ง ๆ ก่อนเด้อนั่น ทาไข่เข้าไป ข้าวบ่อแห้งโหยดเฮียลงไปใส่ไฟเมิดเด้” ยายทักของพิมพ์และแพรว ส่วนบอสก็เริ่มทำของตนเองเลย
“บอสบ่อต้องตอกไข่อีก มาเอานำตุกูหนิ มันทาบ่อเมิดหรอก” แพรวห้ามเธอ ๆ กำลังจะกะเทาะไข่ลงถ้วยพอดี
“กะได้! อ้ายเม้าส์บ่อมาเล่นนำติมื้อหนิ” บอสพูดไม่ทันขาดคำ พี่เม้าส์ก็ขับรถเข้าซอยมุ่งหน้ามายังบ้านของเธอเลย เธอหัวเราะกับสองฝาแฝด “มาตายง่ายแถะย่ะ โจรถามหากะมาให้ยิงเสย” เธอกล่าวปนหัวเราะ
“เสียงรถผู้ใดมา” น้องบีมโผล่หน้ามาจากประตูบ้านตะโกนถาม พร้อมห่มผ้าคลุมมาทั้งตัว คลุมหัวด้วยเหลือไว้เพียงใบหน้า ทำเอาพวกเธอหัวเราะกันสนั่นกองไฟ แม้แต่ยาย “เม้าส์มาหยัง”
“มาเล่น!” พี่เม้าส์ตอบ จอดรถได้ก็เข้ามานั่งเล่นกับพวกเธอ ยายก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะทราบอยู่แล้วว่าแพรวกับพี่เม้าส์คบกัน “มาถะแหมะออกมาผิงไฟ บักบอมไปไสแม่ใหญ่” พี่เม้าส์ถามหาพี่ชายคนโตของเธอกับยาย
“มันสิไปไส มันกะพากันอยู่ในเฮือนนั่นแหล่ว” ยายตอบ ขณะที่น้องบีมก็เดินออกมาผิงไฟด้วย เดินมาทั้งผ้าห่มกันเลย “โอ้ยน้อบีม! ผ้าห่มกูลากขี้ดินเมิดแล้ว ดึงส่นมันขึ้นแหมะ ล่ะลากขี้ดินมาอยู่” ยายบ่นทว่าน้องบีมก็ไม่แคร์ เดินมานั่งลงที่เสื่อข้าง ๆ ยาย “ไปหาโต๊ะมานั่งถะแหมะเม้าส์ มืงยืนหยังบ่อปวดขาบ่อ พุ่นโต๊ะพ่อใหญ่ไปเอามานั่ง” ยายชี้มือบอก จากนั้นพี่เม้าส์ก็เดินไปหยิบ แต่ก่อนจะหยิบโต๊ะมาพี่เม้าส์ส่องหน้าเข้าไปในบ้าน เรียกพี่บอมออกมาหาด้วย
คราวนี้ออกมากันหมดทุกคนเลย เหลือเพียงตาที่นั่งในบ้าน นั่งสานแหของตาอยู่คนเดียว พี่ปาวนำเสื่อมาปูอีกผืน คราวนี้นั่งรอบกองไฟกันเลย พี่บอมนำฟืนมาเติมอีก เพื่อนบ้านพอเห็นพวกสองฝาแฝดกับพี่เม้าส์มาก็ร้องทักทาย ทว่าไม่เดินมาผิงไฟด้วยเช่นทุกวัน มีเพียงตาป้อมที่เดินมาผิงไฟและคุยด้วย
“มีคั่วไนบักขามบ่อสู เอามาย่ำจักไนแน่” แม่น้อยบ้านติดกับเธอตะโกนถาม
“บ่อมีแม่น้อย บ่อได้ไปเอานำใหญ่นงค์มาคั่ว” บอสตะโกนตอบ “มีตะข้าวกี่หนิ มาแหมะมากี่นำกัน น้องอ้อนไปไส บอกมากี่ข้าวแหนะไฟแดงจืงคืงอยู่” บอสชวนเพื่อนบ้านมาร่วมด้วย
“เอาหนิไนบักขาม มาเอาไปคั่วแหน่นาง แม่กินนำแหน่ เอานางแพรว! นางใดหนิ หือนางพิมพ์บ่อ” แม่น้อยพูดกลั้วหัวเราะ “จักไผพิมพ์จักไผแพรวเด้อ กูเอิ้นไปทั่วโลด” แม่น้อยพูดปนหัวเราะ พร้อมยื่นถุงเม็ดมะขามให้พิมพ์
“พิมพ์ตั้วแม่น้อย! นี่อี่แพรว” พิมพ์พูดกลั้วหัวเราะเช่นกัน พร้อมรับถึงเม็ดมะขามจากแม่น้อย แล้วแม่น้อยก็ยืนผิงไฟด้วย “นั่งโลดแม่ใหญ่ ข่อยบ่อนั่งหรอก เบิ่งไปเอิ้นอี่อ้อนมากี่ข้าวนำเอื้อยกันน้า ถ่านแดงเป็นตะกี่แซ่บ” จากนั้นแม่น้อยก็เดินกลับบ้านไปเรียกลูกสาวมาจี่ข้าวกับพวกเธอ ทว่าสงสัยน้องอ้อนเขินจึงไม่ยอมออกมา ปกติถ้ามีแต่ครอบครัวของเธอน้องอ้อนจะออกมาผิงไฟด้วยประจำ
บอสเดินไปหยิบหม้อกกระเบื้องเก่า ๆ ที่มันรั่ว ยายไม่ใช้แล้วมาคั่วเม็ดมะขาม คราวนี้สมใจบอสแล้ว หลังจากจี่ข้าวจี่เสร็จกินจนอิ่ม ต่อด้วยเคี้ยวเม็ดมะขามเล่น อมเล่นเสียมากกว่า ๆ จะได้เคี้ยว เพราะมันแข็งเหลือเกิน
“กี่ให้น้องบีมนำแน่” น้องบีมขอ
“ได้เดี๋ยวกี่ให้!” เธอยินดีทำให้น้องสาว แพรวเองก็ทำให้พี่เม้าส์ ส่วนพี่ ๆ ก็ทำของตัวเองกันเอาเองเลย อยากได้ข้าวจี่ปั้นใหญ่แค่ไหนก็ทำเอาเอง
“ไปซื้อไข่มาอีกแหน่ ไข่บ่อพอ” พี่ปาวกล่าว เมื่อมองดูในถ้วยเห็นว่าไข่จวนจะหมดแล้ว ของสองฝาแฝดก็หมดแล้ว “อ่ะนี่เงินบอสไปซื้อให้เอื้อยแหน่” พี่ปาวควักเงินให้ บอสก็ยอมไปแต่โดยดี พิมพ์ก็คั่วเม็ดมะขามให้แม่น้อยไป แพรวก็ย่างข้าวจี่ให้พี่เม้าส์ไป ส่วนของน้องบีมพี่ปาวก็รับทำแทน ไม่นานบอสก็ซื้อไข่กลับมา
“สุกแล้วเด้อแม่น้อย” พิมพ์ตะโกนเรียกแม่น้อย ไม่นานแม่น้อยก็เดินมา หยิบกินเม็ดมะขาม เคี้ยวเสียงดังกรุบ ๆ กันเลย ฟังแล้วเจ็บฟันแทนมาก ๆ
“ย่ำได้บ่อสู” แม่น้อยแซว ยืนผิงไฟไปกับพวกเธอกับยาย พูดคุยไปกับพวกเธอด้วย ตาป้อมยืนผิงครู่เดียวก็ขอตัวกลับ อากาศหนาว ๆ แทบจะร้อนเพราะสมาชิกในวันนี้เยอะ แถมไฟยังกองใหญ่กว่าเดิมอีก
พวกเธอคุยกันไปผิงไฟกันไป ทำให้บรรยากาศที่บ้านของเธอไม่เงียบเหงา เห็นจะเสียงดังกว่าบ้านอื่น ๆ ไม่นานแม่น้อยก็ขอตัวกลับ ก็เหลือแค่พวกเธอ นั่งเคี้ยวเม็ดมะขามกินข้าวจี่กัน ตอนนี้ก็พึ่งจะสองทุ่มเอง ทั้งสองฝาแฝดและพี่เม้าส์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับกันง่าย ๆ
“แซ่บบ่อบีมเข้ากี่ใส่ไข่ มาย่ำเป็นตะแซ่บแถะ” พี่เม้าส์แซวน้องบีม
“แซ่บ!” น้องบีมตอบพร้อมกินโชว์พี่เม้าส์ไปอีก ทว่าน้องบีมลอกกินเฉพาะข้าวที่อยู่ข้างไหน ที่เป็นเม็ดข้าวขาว ๆ ส่วนกาบที่แห้งโรยไข่กลับไม่กิน
“เอ้าคือกินข้าวจี่จังสั่นบาดหนิ!” พี่เม้าส์หัวเราะอึกอัก แซวน้องบีมที่เห็นน้องบีมลอกกินแต่ข้าวข้างใน “เอ้าแพรวเบิ่ง เอ้าแม่ใหญ่เบิ่ง ลอกกินตะข้าวข้างในกะเป็นบาดหนิ ขั้นสิกินจังสั่นกี่เฮ็ดหยัง คือบ่อจกกินข้าวอยู่ในติบโลด” พี่เม้าส์แซวน้องบีม ทำเอาพวกเธอหัวเราะให้น้องบีมกันใหญ่ เธอเองก็พึ่งสังเกตว่าน้องบีมกินข้าวจี่แบบนั้น
“ลูกผีบ้าแมะล่ะ กินข้าวจี่กะบ่อคือบ้านคือเมืองเพิ่น” ยายแซวน้องบีมอีกคน
คิดถึง 2 บทที่ 88
.
ไดอารี่ความคิดถึง
หน้าหนาวมาเยือนอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ในเดือนพฤศจิกายน อากาศในช่วงเช้าและตอนกลางคืนหนาวมาก แถมช่วงเช้า ๆ ยังมีหมอกลงด้วย ทุกคนในบ้านต่างค้นเสื้อแขนยาวมาใส่ จากที่พับเก็บไว้แรมปี
บอสเองก็พอมีเสื้อแขนยาวใส่บ้าง ปีที่แล้วซื้อไว้สองตัว ปีนี้เพื่อนให้มาอีกหนึ่งตัว เพียงสามตัวก็พอใส่ไปโรงเรียนได้แล้วสำหรับฤดูหนาวปีนี้ สลับกันไปสลับกันมาเอา หนึ่งสัปดาห์ค่อยซัก ไม่มีใครรู้หรอก เสื้อแขนยาวใครเขาซักบ่อย ๆ กัน
เสื้อแขนยาวตัวเก่าตอนประถม บอสไม่ใส่แล้ว แม้มันจะยังใส่ได้อยู่ก็ตาม โละให้น้องบีมเอาไว้ใส่ไปโรงเรียน ไม่อยากใส่เพราะมันไม่มียี่ห้อเหมือนเสื้อสามตัวนี้ ดังนั้นตั้งแต่อากาศเริ่มหนาวมา บอสจึงใส่วนเวียนอยู่แค่สามตัวนี้เท่านั้น
เลิกเรียนตอนหัวค่ำยายมักจะก่อไฟผิง พอฟืนกลายเป็นถ่าน พวกเธอก็นำข้าวเหนียวมาจี่เป็นข้าวจี่ทำแบบนี้ทุกวัน กินทุกวันตั้งแต่อากาศเริ่มหนาวไม่เคยเบื่อ ตอนเช้า ๆ วันไหนตื่นเช้าบอสก็จี่ข้าวจี่กินแทนข้าวเช้าไปเลยก็มี
ตั้งแต่เข้าหน้าหนาว อากาศเริ่มหนาว สองฝาแฝดกับพี่เม้าส์มักจะเที่ยวมาเล่นที่บ้านของเธออยู่เป็นประจำ เพราะที่บ้านของเธอมีหน้าบ้านเป็นบริเวณกว้าง มีที่พอสำหรับก่อไฟผิงพร้อมจี่ข้าวจี่
ส่วนบ้านของสองฝาแฝด มีเนื้อที่ในส่วนของหน้าบ้านน้อย เทพื้นไปหมด แถมยังติดถนนอีก จึงไม่เหมาะแก่การก่อไฟผิง บ้านของเธออยู่ในซอย เป็นบ้านหลังสุดท้ายของซอย มีเนื้อที่เยอะจึงเหมาะแก่การชุมนุมของคนในคุ้มนัก
ตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป ยายจะก่อไฟผิงทุกวัน คนในคุ้มที่บ้านติด ๆ กันก็มักเดินมาผิงด้วย นำข้าวเหนียวกับไข่ไก่มาจี่ข้าวจี่ นำเม็ดมะขามมาคั่ว บ้างก็มาผิงไฟเล่นเฉย ๆ วันนี้ก็เช่นกัน บอสรีบอาบน้ำให้เรียบร้อย เพราะดึก ๆ มาอากาศมันหนาวมาก อาบน้ำกันไม่ได้ ถึงจะต้มน้ำอาบมันก็หนาว มันก็ขี้เกียจอยู่ดี
“ยายบอสสิกี่ข้าว” บอสถือกระติบข้าวเหนียว พร้อมถ้วยและไข่ไก่พร้อมช้อนมาด้วย อุปกรณ์อีกอันคือ ไม้ส่ายข้าวเหนียวของยาย เป็นไม้ที่เอาไว้เขี่ยข้าวเวลานึ่งสุกใหม่ ๆ นั่นเอง ยายก่อไฟผิงนั่งเล่นข้างกองไฟกับตา ตอนนี้ยังไม่มีเพื่อนบ้านมา อีกหน่อยก็คงเดินมาผิงไฟด้วย
“มากี่กะมากี่ถะแหมะ ฟืนกำลังเป็นถ่านหนิ กี่ให้ยายนำอันนึง” ยายบอก พร้อมกินข้าวเหนียวกับหนังเค็มที่ย่างสุกแล้ว บอสมองก็อดหัวเราะไม่ได้ หัวเราะอึกอักอยู่คนเดียว ยายกินข้าวกับหนังเค็ม มีฟันเคี้ยวหรือไร แข็งจะตาย ถ้านำไปใส่แกงขี้เหล็กนะอร่อยอย่าบอกใคร
“มืงหัวอิหยังอิหนิ! หัวกวนยายกินข้าวกับหนังบ่อ ยายมีแข่วย่ำอยู่เด้อ” ยายรู้ไปอีก คราวนี้บอสหัวเราะออกมาดัง ๆ กันเลย ตาก็ไม่ใส่ใจ นั่งผิงไฟกินโอวัลตินร้อนของตาไป โดยยายเป็นคนชงให้เอง ตาชอบกินทุกวัน แม่และญาติ ๆ จึงมักซื้อมาไว้ให้เสมอ
ส่วนพี่ ๆ กับน้องบีมอยู่ในบ้าน กำลังดูทีวีกันอยู่ พี่ปาวกับพี่แป้งไม่ชอบผิงไฟ เนื่องจากเวลาผิงไฟทำให้ผิวแห้งกร้าน และ แตกเป็นลายเส้น ผิวหน้าแห้งด้วย พี่ ๆ จึงไม่ชอบผิงไฟ ส่วนบอสไม่สนอะไรทั้งนั้น มีครีมบำรุงซะอย่าง
“บอสกี่ใส่ไข่ ของอี่ยายเอาใส่ไข่อยู่บ่อ” บอสถาม พร้อมปั้นข้าวเหนียว ทำเป็นทรงยาว ๆ รี ๆ พอประมาณ จากนั้นก็เสียบใส่ไม้ขอนด้าม หรือ ไม้ส่ายข้าวนั่นแหละ “อี่ตาเอาบ่อบอสสิกี่ให้นำ”
“บ่อ!” ตาตอบ
“ยายกี่ใส่ตะเกลือพอ บ่อทาไข่” ยายสั่งข้าวจี่ของตนเอง “นั่นมาเอาไม้ขอนด้ามยายมากี่ข้าว มันบ่อแมนไม้กี่ข้าวเด้หนิ คือบ่อเอาไม้ไผ่มากี่ ไม้ไผ่บ่อจักอึดจักอยาก” ยายบ่น เมื่อเห็นเธอนำไม้ส่ายข้าวมาจี่ข้าวจี่ ก็มันหาไม่ได้นี่นาไม้ไผ่ ยายบอกมีเยอะแยะ ไหน! ไม่เห็นมีสักอัน บอสค่อนขอดยายในใจ
“บ่อ! กี่ใส่ไม้ขอนด้ามหนิล่ะ บอสกี่ให้อี่ยายก่อนกะได้” พอบอสปั้นข้าวเหนียวเสียบใส่ไม้เสร็จ จากนั้นก็โรยเกลือให้ทั่วข้าว อยากได้เค็มมากก็โรยมาก อยากได้เค็มน้อยให้โรยน้อย ๆ พอโรยเสร็จบอสก็นำไปย่างไฟ คอยหมุนไม้พลิกอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้ข้าวทุกส่วนสุกพร้อมกัน บางครั้งส่วนปลายสุกจะไหม้แล้ว ส่วนกลางกับส่วนหัวยังขาวอยู่เลย
“แม่ใหญ่กับพ่อใหญ่เฮ็ดหยังนั่น กินอิหยังกันน่ะ” แพรวกับพิมพ์ทักทายตากับยายเมื่อมาถึง พร้อมถือกระติบข้าว ไข่ไก่ และ ไม้ไผ่ของตนเองมาด้วย สองฝาแฝดทราบดีว่าทุก ๆ วันที่บ้านของเธอต้องก่อไฟผิง จึงนำข้าวมาจี่ด้วย และ มาเล่นกับเธอด้วยนั่นเอง “แม่ใหญ่กินข้าวกับหยังว่ะ”
“กินข้าวกับหนังตั้ว สูมากี่ข้าวบ่อ พุ่นไฟกำลังเป็นถ่าน” ยายตอบ
“เอ๊า ๆ หนิมานั่งหนิ” ตาขยับให้สองฝาแฝดนั่ง จากนั้นก็ถือแก้วโอวัลตินเข้าไปในบ้าน ที่กองไฟจึงเหลือแค่พวกเธอสามคนกับยาย
“บอสมืงทาไข่บ่อนั่น” พิมพ์ถาม “หนาวบ่อแม่ใหญ่ หนาวคักพิมพ์ย่างมา” พิมพ์พูดพร้อมปั้นข้าวเหนียวจี่ด้วย แพรวเองก็เช่นกัน กำลังตอกไข่ใส่ถ้วยจากนั้นก็ใช้ช้อนตี ๆ ให้แตก
“บ่อ! อันหนิกูเฮ็ดให้ยายเราบ่อทาไข่ ของกูทาไข่คือกัน” บอสตอบ
“พวกพี่ปาวพี่แป้งเด้ ในเฮือนบ่อคือบ่อออกมากี่ข้าว” แพรวถาม บอสยักคิ้วให้เป็นคำตอบ “น้องบีมไปไสวะ บ่ออยากกินกี่ข้าวนำเขาบ่อ” แพรวถามหาน้องสาวของเธอด้วย
“เบิ่งหนังนำเขาอยู่ในเฮือนพุ่น มันมาสิสะออน” ยายตอบคำถามของแพรวแทนเธอ จากนั้นพวกเธอก็นั่งจี่ข้าวจี่กันไป คุยกันไป ยายเองก็นั่งฟังพวกเธอคุยกัน พร้อมคุยด้วยบางจังหวะ ดังนั้นเรื่องสนทนาของพวกเธอจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ ยกเว้นเรื่องผู้ชาย
บอสกำลังจี่ข้าวจี่ให้ยายอย่างตั้งใจ กลัวว่าข้าวจะไหม้ก่อนสุก อยากให้ทุกส่วนมันสุกไปพร้อมกัน พอส่วนปลายของข้าวจี่สุกได้ที่แล้ว บอสก็ดึงข้าวออกมา มันร้อนมากต้องค่อย ๆ ดึงอย่างระวัง บอสดึงข้าวจี่ออกมา โดยเสียบปลายข้าวจี่ที่สุกแล้วเข้าไป ให้หัวข้าวจี่ที่ไม่ค่อยโดนไฟมาเป็นส่วนปลายแทน เพราะมันยังขาวอยู่
“มา ๆ พอแล้วของยายนั่น เอาซำนั่นล่ะมันสุกแล้ว” ยายกล่าวกับเธอ
“มันสุกตรงใดว่ะอี่ยาย ยังขาวจู๊นพูนอยู่หม่องหนิ” บอสพูด แอบค่อนขอดไปที
“นั่นล่ะเอามาโลดมันสุกแล้ว ยายสิกิน!” เมื่อยายยืนยันว่าจะเอา บอสก็ไม่ขัด เลิกจี่แล้วดึงข้าวออกจากไม้ให้ยาย จากนั้นก็ถึงคิวของตนเองแล้ว บอสจะทาไข่หอม ๆ เลย “กี่แห้ง ๆ ก่อนเด้อนั่น ทาไข่เข้าไป ข้าวบ่อแห้งโหยดเฮียลงไปใส่ไฟเมิดเด้” ยายทักของพิมพ์และแพรว ส่วนบอสก็เริ่มทำของตนเองเลย
“บอสบ่อต้องตอกไข่อีก มาเอานำตุกูหนิ มันทาบ่อเมิดหรอก” แพรวห้ามเธอ ๆ กำลังจะกะเทาะไข่ลงถ้วยพอดี
“กะได้! อ้ายเม้าส์บ่อมาเล่นนำติมื้อหนิ” บอสพูดไม่ทันขาดคำ พี่เม้าส์ก็ขับรถเข้าซอยมุ่งหน้ามายังบ้านของเธอเลย เธอหัวเราะกับสองฝาแฝด “มาตายง่ายแถะย่ะ โจรถามหากะมาให้ยิงเสย” เธอกล่าวปนหัวเราะ
“เสียงรถผู้ใดมา” น้องบีมโผล่หน้ามาจากประตูบ้านตะโกนถาม พร้อมห่มผ้าคลุมมาทั้งตัว คลุมหัวด้วยเหลือไว้เพียงใบหน้า ทำเอาพวกเธอหัวเราะกันสนั่นกองไฟ แม้แต่ยาย “เม้าส์มาหยัง”
“มาเล่น!” พี่เม้าส์ตอบ จอดรถได้ก็เข้ามานั่งเล่นกับพวกเธอ ยายก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะทราบอยู่แล้วว่าแพรวกับพี่เม้าส์คบกัน “มาถะแหมะออกมาผิงไฟ บักบอมไปไสแม่ใหญ่” พี่เม้าส์ถามหาพี่ชายคนโตของเธอกับยาย
“มันสิไปไส มันกะพากันอยู่ในเฮือนนั่นแหล่ว” ยายตอบ ขณะที่น้องบีมก็เดินออกมาผิงไฟด้วย เดินมาทั้งผ้าห่มกันเลย “โอ้ยน้อบีม! ผ้าห่มกูลากขี้ดินเมิดแล้ว ดึงส่นมันขึ้นแหมะ ล่ะลากขี้ดินมาอยู่” ยายบ่นทว่าน้องบีมก็ไม่แคร์ เดินมานั่งลงที่เสื่อข้าง ๆ ยาย “ไปหาโต๊ะมานั่งถะแหมะเม้าส์ มืงยืนหยังบ่อปวดขาบ่อ พุ่นโต๊ะพ่อใหญ่ไปเอามานั่ง” ยายชี้มือบอก จากนั้นพี่เม้าส์ก็เดินไปหยิบ แต่ก่อนจะหยิบโต๊ะมาพี่เม้าส์ส่องหน้าเข้าไปในบ้าน เรียกพี่บอมออกมาหาด้วย
คราวนี้ออกมากันหมดทุกคนเลย เหลือเพียงตาที่นั่งในบ้าน นั่งสานแหของตาอยู่คนเดียว พี่ปาวนำเสื่อมาปูอีกผืน คราวนี้นั่งรอบกองไฟกันเลย พี่บอมนำฟืนมาเติมอีก เพื่อนบ้านพอเห็นพวกสองฝาแฝดกับพี่เม้าส์มาก็ร้องทักทาย ทว่าไม่เดินมาผิงไฟด้วยเช่นทุกวัน มีเพียงตาป้อมที่เดินมาผิงไฟและคุยด้วย
“มีคั่วไนบักขามบ่อสู เอามาย่ำจักไนแน่” แม่น้อยบ้านติดกับเธอตะโกนถาม
“บ่อมีแม่น้อย บ่อได้ไปเอานำใหญ่นงค์มาคั่ว” บอสตะโกนตอบ “มีตะข้าวกี่หนิ มาแหมะมากี่นำกัน น้องอ้อนไปไส บอกมากี่ข้าวแหนะไฟแดงจืงคืงอยู่” บอสชวนเพื่อนบ้านมาร่วมด้วย
“เอาหนิไนบักขาม มาเอาไปคั่วแหน่นาง แม่กินนำแหน่ เอานางแพรว! นางใดหนิ หือนางพิมพ์บ่อ” แม่น้อยพูดกลั้วหัวเราะ “จักไผพิมพ์จักไผแพรวเด้อ กูเอิ้นไปทั่วโลด” แม่น้อยพูดปนหัวเราะ พร้อมยื่นถุงเม็ดมะขามให้พิมพ์
“พิมพ์ตั้วแม่น้อย! นี่อี่แพรว” พิมพ์พูดกลั้วหัวเราะเช่นกัน พร้อมรับถึงเม็ดมะขามจากแม่น้อย แล้วแม่น้อยก็ยืนผิงไฟด้วย “นั่งโลดแม่ใหญ่ ข่อยบ่อนั่งหรอก เบิ่งไปเอิ้นอี่อ้อนมากี่ข้าวนำเอื้อยกันน้า ถ่านแดงเป็นตะกี่แซ่บ” จากนั้นแม่น้อยก็เดินกลับบ้านไปเรียกลูกสาวมาจี่ข้าวกับพวกเธอ ทว่าสงสัยน้องอ้อนเขินจึงไม่ยอมออกมา ปกติถ้ามีแต่ครอบครัวของเธอน้องอ้อนจะออกมาผิงไฟด้วยประจำ
บอสเดินไปหยิบหม้อกกระเบื้องเก่า ๆ ที่มันรั่ว ยายไม่ใช้แล้วมาคั่วเม็ดมะขาม คราวนี้สมใจบอสแล้ว หลังจากจี่ข้าวจี่เสร็จกินจนอิ่ม ต่อด้วยเคี้ยวเม็ดมะขามเล่น อมเล่นเสียมากกว่า ๆ จะได้เคี้ยว เพราะมันแข็งเหลือเกิน
“กี่ให้น้องบีมนำแน่” น้องบีมขอ
“ได้เดี๋ยวกี่ให้!” เธอยินดีทำให้น้องสาว แพรวเองก็ทำให้พี่เม้าส์ ส่วนพี่ ๆ ก็ทำของตัวเองกันเอาเองเลย อยากได้ข้าวจี่ปั้นใหญ่แค่ไหนก็ทำเอาเอง
“ไปซื้อไข่มาอีกแหน่ ไข่บ่อพอ” พี่ปาวกล่าว เมื่อมองดูในถ้วยเห็นว่าไข่จวนจะหมดแล้ว ของสองฝาแฝดก็หมดแล้ว “อ่ะนี่เงินบอสไปซื้อให้เอื้อยแหน่” พี่ปาวควักเงินให้ บอสก็ยอมไปแต่โดยดี พิมพ์ก็คั่วเม็ดมะขามให้แม่น้อยไป แพรวก็ย่างข้าวจี่ให้พี่เม้าส์ไป ส่วนของน้องบีมพี่ปาวก็รับทำแทน ไม่นานบอสก็ซื้อไข่กลับมา
“สุกแล้วเด้อแม่น้อย” พิมพ์ตะโกนเรียกแม่น้อย ไม่นานแม่น้อยก็เดินมา หยิบกินเม็ดมะขาม เคี้ยวเสียงดังกรุบ ๆ กันเลย ฟังแล้วเจ็บฟันแทนมาก ๆ
“ย่ำได้บ่อสู” แม่น้อยแซว ยืนผิงไฟไปกับพวกเธอกับยาย พูดคุยไปกับพวกเธอด้วย ตาป้อมยืนผิงครู่เดียวก็ขอตัวกลับ อากาศหนาว ๆ แทบจะร้อนเพราะสมาชิกในวันนี้เยอะ แถมไฟยังกองใหญ่กว่าเดิมอีก
พวกเธอคุยกันไปผิงไฟกันไป ทำให้บรรยากาศที่บ้านของเธอไม่เงียบเหงา เห็นจะเสียงดังกว่าบ้านอื่น ๆ ไม่นานแม่น้อยก็ขอตัวกลับ ก็เหลือแค่พวกเธอ นั่งเคี้ยวเม็ดมะขามกินข้าวจี่กัน ตอนนี้ก็พึ่งจะสองทุ่มเอง ทั้งสองฝาแฝดและพี่เม้าส์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลับกันง่าย ๆ
“แซ่บบ่อบีมเข้ากี่ใส่ไข่ มาย่ำเป็นตะแซ่บแถะ” พี่เม้าส์แซวน้องบีม
“แซ่บ!” น้องบีมตอบพร้อมกินโชว์พี่เม้าส์ไปอีก ทว่าน้องบีมลอกกินเฉพาะข้าวที่อยู่ข้างไหน ที่เป็นเม็ดข้าวขาว ๆ ส่วนกาบที่แห้งโรยไข่กลับไม่กิน
“เอ้าคือกินข้าวจี่จังสั่นบาดหนิ!” พี่เม้าส์หัวเราะอึกอัก แซวน้องบีมที่เห็นน้องบีมลอกกินแต่ข้าวข้างใน “เอ้าแพรวเบิ่ง เอ้าแม่ใหญ่เบิ่ง ลอกกินตะข้าวข้างในกะเป็นบาดหนิ ขั้นสิกินจังสั่นกี่เฮ็ดหยัง คือบ่อจกกินข้าวอยู่ในติบโลด” พี่เม้าส์แซวน้องบีม ทำเอาพวกเธอหัวเราะให้น้องบีมกันใหญ่ เธอเองก็พึ่งสังเกตว่าน้องบีมกินข้าวจี่แบบนั้น
“ลูกผีบ้าแมะล่ะ กินข้าวจี่กะบ่อคือบ้านคือเมืองเพิ่น” ยายแซวน้องบีมอีกคน