**หัวข้อผิด แก้จากวสันต์ ใบไม้ผลิเป็น เหมันต์ ฤดูหนาว **** แก้หัวข้อไม่ได้แล้ว
กลายเป็นที่ที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหลังจากโควิดเป็นต้นมา สำหรับหมู่บ้าน 60 หลังคาเรือนในตำบลกึ๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ข้าพเจ้าก็ได้ทำการติดต่อจองไป โดยหลายๆ เพจค่อนข้างติดต่อยากเพราะสัญญาณเน็ตไม่ดีนักบนดอย จึงขอแนะนำให้โทรศัพท์สอบถามดีกว่า
การเดินทางไปห้วยกุ๊บกั๊บนั้น ในขณะนี้ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนำรถส่วนตัวขึ้นไปถึงหมู่บ้านเอง เพราะทางไม่ดี เสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้ ทางบ้านพักจะมารับที่ อบต.กึ๊ดช้าง ทุกราย โดยมีจุดจอดรถด้านล่าง ค่าใช้จ่ายในการรับขึ้นไปนั้นแล้วแต่ที่พัก บางบ้านรวมในค่าที่พัก บางบ้านคิดแยกออกมา สำหรับเรานั้นก็เลือกที่นี่เพราะมาได้แม้ไม่มีรถล่ะนะ
การเดินทางจากเมืองเชียงใหม่ โดยขึ้นรถสายเชียงใหม่-ฝาง ที่อาเขต [ขนส่งช้างเผือก] บอกว่าไปลง
ปากทางแม่ตะมาน และติดต่อให้ที่พักมารับเราเลือกนั่งรถบัสพัดลมซึ่งจะออกเป้นรอบ และขายตั๋วก่อนเวลาออกรถ30 นาทีรวมถึงมีการระบุเลขที่นั่ง บนตั๋ว สำหรับรอบเวลา สามารถติดตามอัพเดตได้ที่
เฟซบุค ยานยนตร์นครเชียงใหม่ สำหรับใครไม่อยากรอเป็นรอบก็สามารถนั่งรถสองแถวเชียงใหม่ฝางสีส้มแสดได้เเช่นกัน
รถขึ้นที่ช่อง 3 อาเขต-ปากทางแม่ตะมาน 35 บาท
นั่งรถไปราวชั่วโมงนึงพอดี คนรถก็บอกให้ลง ณ จุดที่มีศาลา แต่เราต้องเดินไปเลี้ยวไปยังทางแยก ปากทางมีเก้าอี้หินอ่อน ให้นั่งรอพักมารับ
ถัดไปใกล้ๆ มีวัดสันธาตุ (ร้องส้มป่อย) ใครสนใจไปเดินเล่นได้
ที่พักที่นี่จะมารับที่กึ๊ดช้างบ่าย4 ราวๆ บ่าย3 สาวน้อยจากที่พักชื่อว่าพลอยขับรถเครื่องมาแวะรับ เพราะเธอจะขึ้นไปด้วยอยู่แล้ว ด้วยเวลาที่ยังเหลือเฟือ พลอย จึงได้พาไปแวะชมสวนสนแม่แตงที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนค่อยไปยังจุดนัดพบเพื่อนั่งรถสี่ล้อขึ้นเขาต่อไป เธอชวนคุยอย่างเป็นมิตร และแนะนำทางผ่านต่างๆ อย่างเป็นกันเอง
สวนสนแม่แตง
เลี้ยวเข้าทางมา ลมที่พัดผ่านเริ่มเป็นลมหนาว ทางผ่านเต็มไปด้วยปางช้างหลายเจ้า และหลายเจ้าประกาศขาย แต่เดิมจุดขายของแม่แตงในจุดนี้จะเป็นการชมการแสดงช้าง อาบน้ำให้ช้าง รีสอร์ตภายในปางช้างพร้อมกิจกรรมต่างๆ โดยนักท่องเที่ยวส่วนมากก้จะเป็นชาวต่างชาติ และเมื่อมาเยือนปางช้างด้านล่าง ก็จะมีบางส่วนขึ้นมาเยี่ยมชมและพักโฮมสเตย์ด้านบนบ้างเช่นกัน
ในที่สุดก็มาถึง อบต กึ๊ดช้าง ที่ด้านข้างนั้นเป็นลำธารยาวจากด้านบน ซึ่งมีร้านอาหารนั่งทานบรรยากาศริมธาร และกิจกรรมล่องแพยางสำหรับผู้ที่สนใจ
เรานั่งรอสักพักรถกระบะก็มารับ ผู้ร่วมบ้านได้มาพบเจอกัน ที่พักของเราวันนี้มีเพื่อนร่วมบ้านเป็นผู้อาวุโสวัยเกษียณสำราญ และพี่ที่มาเป็นแฟนกัน รวม 3 ห้อง คุณลุงหันมาทักทายชวนคุยอย่างมีไมตรี ทางขึ้นเป็นดินที่เป็นล้อร่องและมีหินขลุกขลั่ก รวมทั้งทางชันต่างๆ แต่ถามว่า จากอารมณ์นั่งด้านหลังกะบะ เรากลับไม่เมารถอย่างที่ประสบที่แม่สลองและผาฮี้ที่แทบจะอาเจียน น่าจะเป็นเพราะทางมันขุรขระ หลุมบ่อ แต่ไม่มีความคดเคี้ยวเท่ากระมัง แต่ความชัน มีช่วงลาดชันอยู่ไม่น้อย
นั่งรถไปราวๆ ครึ่งชม จากกึ๊ดช้างขึ้นมา 4 กิโล ก็มาถึงหมู่บ้าน และผ่านบ้านพักหลังแล้วหลังเล่า เนื่องจากโฮมสเตย์ที่เราจองเป็นบ้านพักหลังบนสุดนั่นเอง ห้องพักอยู่บนบ้านหนึ่งหลัง ส่วนเจ้าของนอนเต๊นท์ที่ตั้งไว้สองหลังด้านข้าง ครอบครัวพี่เจ้าของโฮมสเตย์ พี่ผู้ชายแต่เดิมเป็นคนดอยที่ลงไปทำงานข้างล่าง เข้าช่วงโควิดจึงกลับมาอยู่ด้านบนพร้อมเปิดโฮมสเตย์ หากใครมาในช่วงเด็กน้อยปิดเทอม ยังได้เจอเจ้าของโฮมสเตย์ตัวน้อย มีนา เจ้าของชื่อโฮมเสตย์นี้นั่นเอง เด็กน้อยพูดเก่งคุยเก่ง ไม่เหงาแน่นอน
เราพักห้องเดี่ยวซึ่งนอนได้สูงสุด 3 คน แต่เรานอนคนเดียวจึงกว้างขวางไม่น้อย ตัวเรือนเป็นผนังสานไม้ไผ่ ยามกลางวันนั้น แสงสามารถเข้าตามช่องได้ จึงสว่างโดยไม่ต้องพึ่งไฟฟ้า พื้นก็เป็นไผ่เป็นซี่ๆ มีรูๆ เราจะรู้ซึ้งก็ตอนตะวันได้แผดเผาหน้าบ้านจนไม่อาจแม้จะแง้มประตูมอง แต่ในบ้านกลับเย็น เมื่อลมเย็นๆ มันลอดขึ้นจากพื้น ทำให้นอนอย่างสบายมาก แน่นอนว่าต้องย้ายตัวจากฟูกมานอนบนพื้นนะ
เดินลงไปเดินเล่นในหมู่บ้านก่อน เพราะลานบ้านแดดแรงมาก
จุดชมวิวเห็นวิวตรงๆ 
ไร่ข้าวโพด
WB เปลี่ยน tone เปลี่ยน
ตะวันอ่อนแสงลง กลับไปที่บ้านพัก
แสงสุดท้ายท่ามกลางฟ้าใสๆ
ห้องน้ำ มีห้องอาบน้ำสองห้องและห้องน้ำสอง จัดว่าครบครันทั้งฝักบัวและสายฉีดก้น เพิ่งทำใหม่ๆ เลย ทีเด็ดคือ มีข่องหน้าต่างที่มองวิวได้อย่าง full HD
เย็นนั่งทานอาหารมื้อแรก

จัดมาเต็ม โดยเฉพาะน้ำพริกลาหู่ หอม เปรี้ยวเค็มเผ็ดนัวๆ ตำสดๆ เลยจ้า
อากาศเย็นๆ ถ้าลมโกรกคือแอบหนาว มีก่อไฟให้ความอบอุ่นที่ลานบ้าน ค่ำๆ สมาชิกร่วมบ้าน แลกเปลี่ยนสนทนากันข้างกองไฟ แต่ข้อเสียคือควันไฟแสบตาและเหม็น ฟ้าเปิดมองเห็นดาวบ้าง แต่เพราะมีไฟรบกวนจึงถือว่าไม่ชัดตระการมากนัก (ภาพผ่านการดึงแสงใน LR)
ไฟจากบ้านอานาลาหู่
ตื่นเช้ามาพบกับอากาศสุดสดชื่นและธารหมอกที่หลั่งไหลเต็มตา
แสงสลัวยามเช้า
ทิศด้านข้างที่พระอาทิตย์ขึ้น
แปดโมง พระสงฆ์บิณฑบาตร เจ้าบ้านเตรียมของใส่บาตรไว้ทุกวัน แต่จะเตรียมมาเองก็ย่อมได้

วันนี้เพื่อนร่วมบ้านลาจาก เรายังอยู่ต่อ และเดินไปท่องเที่ยวในหมู่บ้าน เราแวะที่วัดของหมู่บ้านเป็นที่แรก วัดมีหลวงพ่อรูปเดียวจำวัดอยู่ พร้อมกับแมวสองตัว น้อนแมวน่ารักและขี้อ้อนมาก
ทาสสสมีหนมมั้ย
จากนั้นเดินไปที่ร้านชำของหมู่บ้าน
วิวจากร้านของชำ
ไก่อิสระกลางไร่ข้าวโพด
มีการก่อสร้างทั่วไป
ถนนหมู่บ้าน
ระหว่างนั่งชมบรรยากาศที่จุดชมวิวกลางหมู่บ้าน เด็กน้อยที่ออกมาเล่นกันเข้ามาทักทาย เด็กน้อยที่นี้ไม่กลัวคนแปลกหน้า ช่างคุยช่างเจรจาเหลือเกิน
เด็กน้อยบ้านฝ้ายชวนคุยแถมจูงมือไปดูลูกหมา กับหมูบ้านนางด้วย
ตกเย็นเพื่อนร่วมบ้านกลุ่มใหม่ก็มากัน แต่วันนี้เมฆมาก และเมฆดำก้อนใหญ่ปรากฏ แสงเย็นจึงโดนบดบังโดยปริยาย
ส่องผ่านมวลเมฆ
ค่ำคืนนี้ ลมเย็นและลมแรงมาก แต่เมฆมากฟ้าปิดสนิท ไม่เห็นดาวเลยวันนี้ เราจึงรีบเข้านอนเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาสามเหลี่ยม จุดยอดของดอยนี้ ราตรีนันฝนตก...
เกิดความผิดพลาดทางเทคนิค ท่อนท้ายเลยหายต้องพิมพ์ใหม่ TT
[CR] ธารหมอก ทะเลดาว ยามวสันต์มาเยือน ห้วยกุ๊บกั๊บ เชียงใหม่ 2021 Backpack ไม่มีรถส่วนตัว
ข้าพเจ้าก็ได้ทำการติดต่อจองไป โดยหลายๆ เพจค่อนข้างติดต่อยากเพราะสัญญาณเน็ตไม่ดีนักบนดอย จึงขอแนะนำให้โทรศัพท์สอบถามดีกว่า
การเดินทางจากเมืองเชียงใหม่ โดยขึ้นรถสายเชียงใหม่-ฝาง ที่อาเขต [ขนส่งช้างเผือก] บอกว่าไปลงปากทางแม่ตะมาน และติดต่อให้ที่พักมารับเราเลือกนั่งรถบัสพัดลมซึ่งจะออกเป้นรอบ และขายตั๋วก่อนเวลาออกรถ30 นาทีรวมถึงมีการระบุเลขที่นั่ง บนตั๋ว สำหรับรอบเวลา สามารถติดตามอัพเดตได้ที่ เฟซบุค ยานยนตร์นครเชียงใหม่ สำหรับใครไม่อยากรอเป็นรอบก็สามารถนั่งรถสองแถวเชียงใหม่ฝางสีส้มแสดได้เเช่นกัน
ในที่สุดก็มาถึง อบต กึ๊ดช้าง ที่ด้านข้างนั้นเป็นลำธารยาวจากด้านบน ซึ่งมีร้านอาหารนั่งทานบรรยากาศริมธาร และกิจกรรมล่องแพยางสำหรับผู้ที่สนใจ
นั่งรถไปราวๆ ครึ่งชม จากกึ๊ดช้างขึ้นมา 4 กิโล ก็มาถึงหมู่บ้าน และผ่านบ้านพักหลังแล้วหลังเล่า เนื่องจากโฮมสเตย์ที่เราจองเป็นบ้านพักหลังบนสุดนั่นเอง ห้องพักอยู่บนบ้านหนึ่งหลัง ส่วนเจ้าของนอนเต๊นท์ที่ตั้งไว้สองหลังด้านข้าง ครอบครัวพี่เจ้าของโฮมสเตย์ พี่ผู้ชายแต่เดิมเป็นคนดอยที่ลงไปทำงานข้างล่าง เข้าช่วงโควิดจึงกลับมาอยู่ด้านบนพร้อมเปิดโฮมสเตย์ หากใครมาในช่วงเด็กน้อยปิดเทอม ยังได้เจอเจ้าของโฮมสเตย์ตัวน้อย มีนา เจ้าของชื่อโฮมเสตย์นี้นั่นเอง เด็กน้อยพูดเก่งคุยเก่ง ไม่เหงาแน่นอน
เราพักห้องเดี่ยวซึ่งนอนได้สูงสุด 3 คน แต่เรานอนคนเดียวจึงกว้างขวางไม่น้อย ตัวเรือนเป็นผนังสานไม้ไผ่ ยามกลางวันนั้น แสงสามารถเข้าตามช่องได้ จึงสว่างโดยไม่ต้องพึ่งไฟฟ้า พื้นก็เป็นไผ่เป็นซี่ๆ มีรูๆ เราจะรู้ซึ้งก็ตอนตะวันได้แผดเผาหน้าบ้านจนไม่อาจแม้จะแง้มประตูมอง แต่ในบ้านกลับเย็น เมื่อลมเย็นๆ มันลอดขึ้นจากพื้น ทำให้นอนอย่างสบายมาก แน่นอนว่าต้องย้ายตัวจากฟูกมานอนบนพื้นนะ
ตะวันอ่อนแสงลง กลับไปที่บ้านพัก
วันนี้เพื่อนร่วมบ้านลาจาก เรายังอยู่ต่อ และเดินไปท่องเที่ยวในหมู่บ้าน เราแวะที่วัดของหมู่บ้านเป็นที่แรก วัดมีหลวงพ่อรูปเดียวจำวัดอยู่ พร้อมกับแมวสองตัว น้อนแมวน่ารักและขี้อ้อนมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้