พลังงานศักย์พิเศษ Extra Potential Energy-EPE.
พลังงานศักย์ Potential Energy เป็นความรู้เบื้องต้นของฟิสิกส์ หมายถึงพลังงานที่แฝงอยู่ในวัตถุ ในธรรมชาตินั้น มีพลังงานอีกมากมายที่เรายังไม่รู้จัก พลังงานที่ว่านี้ มีลักษณะคล้ายพลังงานศักย์ที่เราเคยเรียนมาแล้ว แต่ว่า เราต้องโหลด load เอามาเก็บไว้ในตัวเราก่อน ต่อเมื่อมีการสะสมมากพอ จึงจะปล่อยพลังงานออกมาให้เราได้ใช้
เมื่อเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์แล้ว ร่างกายและสมองของเราคือฮาร์ดแวร์ hardware ใช้งานคู่กับซอฟต์แวร์ software หรือแอพพ์ app.ย่อจาก application ขอเรียกพลังงานที่เราโหลด load เอามาเก็บไว้เหล่านี้ว่า
พลังงานศักย์พิเศษ Extra Potential Energy-EPE.
EPE.คือแอพพ์ App.ชนิดหนึ่ง EPE.ทำงานอย่างไร ก็ต้องอาศัยสมการสะท้านยุทธภพของไอน์สไตน์ ซึ่งกล่าวไว้ว่า สสารและพลังงาน คือสิ่งเดียวกัน และเปลี่ยนกลับไปมาได้ แสดงด้วยสมการ
E = mc(กำลัง)2
E คือพลังงาน m คือมวลสาร c คือความเร็วของแสง(ค่าคงที่)
เมื่อใช้ c หารตลอด ทั้งซ้ายและขวา จึงได้สมการ
E/c(กำลัง)2 = m
เมื่อต้องการศึกษา E ดังนั้น E จึงเป็นตัวแปรอิสระ ย้ายไปขวามือ
ส่วน c เป็นค่าคงที่ constant เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ จึงตัดทิ้งไปก่อน
ได้สมการใหม่เพื่อใช้ศึกษา คือ
m = E1 + E2 + E3 +….
m คือชีวิตความเป็นอยู่ทางโลก(วัตถุ) รวมทั้งเงินทอง ตำแหน่งแห่งที่
E คือ EPE.ที่กำลังศึกษาทำความเข้าใจ ซึ่งมีหลายชนิดได้แก่ E1 E2 E3......
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจตรงกันก่อนว่า โลกที่เราอาศัยอยู่เป็น โลกคู่ขนาน parallel world มีมืด-สว่าง หญิง-ชาย ซ้าย-ขวา หน้า-หลัง รวมทั้ง EPE.ก็อยู่ในโลกคู่ขนานด้วย
EPE.มีอยู่คู่กับโลกใบนี้หลายคู่ แต่ขอยกตัวอย่างแค่ 3 คู่ คู่แรกคือ E1 คู่ที่สองคือ E2 และคู่สุดท้ายคือ E3 เพื่อง่ายต่อความเข้าใจ ส่วนคู่อื่น ๆ จะกล่าวไว้ในภาคปฏิบัติ
E1 ได้แก่ คุณ-โทษ
E2 ได้แก่ จริง-ปลอม
E3 ได้แก่ วินัย-แตกแถว
วินัยหรือศีลหรือพุทธระเบียบ E3 ทำให้สถานภาพเดิมคงอยู่แล้วยังเจริญเติบโต ทำให้องค์กรก้าวหน้า สังคมประเทศชาติมั่นคง จักรวาลคงอยู่ยาวนาน
ส่วน ความจริงหรือสัจจะ E2 คือซื่อตรง ไม่คดโกง จริงจัง ไม่ล้อเล่น เหลอะแหละ โลเล (วิธูรบัณฑิตโพธิสัตว์) เป็นพลังทะลุทะลวง พลิกวิกฤตเป็นโอกาส พิชิตวิบากกรรมทั้งปวง
สำหรับ สำนึกคุณแล้วตอบแทนคุณ E1 เป็น
การปรับสมดุลชีวิต life balance ทำให้ชีวิตทรงตัว ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ทุกข์ระทมขมขื่น
แม้มีศีลและสัจจะ E3+E2 แต่ถ้าขาดสำนึกคุณฯ E1 ทั้ง E3+E2 ก็จะพลิกผันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง (ไป่ เซี่ยว จิง-คัมภีร์ร้อยกตัญญู) มันเคยเกิดกับตัวผมอย่างจัง จนเข็ดขยาด เมื่อชีวิตเสียศูนย์ แม้พยายามอย่างอื่น ขยันขันแข็งมีผลงานดีปานใดก็ไร้ผล ถ้าทำผิดต่อผู้มีพระคุณเช่น พ่อแม่ มีโทษเทียบเท่าทำผิดต่อพระอรหันต์ (อนันตริยกรรม) ต่อเมื่อชีวิตทรงตัวดีแล้ว อย่างอื่นจึงจะอยู่ได้แล้วปล่อยพลังตามธรรมชาติ พลังบวกในธรรมชาติทั้งหลาย มีสำนึกคุณเป็นพื้นฐานทั้งสิ้น (พุทธวจน) ผมเองมีประสบการณ์ด้านนี้มาก เคยทำผิดพลาดไว้มาก
แม้ว่า พลังอินเตอร์เน็ต สามารถทำลายข้อจำกัดของเวลา สถานที่และบุคคล มันเข้าถึงทุกที่ ทุกเวลา และเข้าหาผู้คนได้หลากหลาย ก็จริง แต่ว่า E หรือ EPE.มีพลังมากกว่านั้นมาก สามารถข้ามมิติ ข้ามภพ ข้ามชาติ ทำให้ผู้คนบนโลกใบนี้แตกต่างกันทั้งภูมิปัญญา อุปนิสัยใจคอ ตำแหน่งแห่งที่ และฐานะเงินทอง เพราะว่า EPE.ที่โหลด load เก็บไว้นั้น มีความแตกต่างกันทั้งประเภทและปริมาณ นั่นเอง
ทั้งหมดที่กล่าวนั้นเป็นหลักการกว้าง ๆ ต่อไปนี้คือการลงมือปฏิบัติในห้องแลบ Lab. ย่อจาก Laboratory โดยใช้สมองและร่างกายเป็นห้อง Lab. แล้วโหลด load สิ่งเป็นประโยชน์ พร้อมทั้งดีลีท delete ลบทิ้งสิ่งเป็นพิษภัย ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก repeat &repeat ทำอย่างเชื่อมั่นศรัทธา (จริงใจ) มีความสุข สนุกเพลิดเพลิน (ฉันทะ) ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่เบื่อหน่าย จนสำเร็จสมบูรณ์ แน่นอน ย่อมใช้เวลาแตกต่างกันอยู่บ้าง บางท่านทำแค่ครั้งสองครั้งก็สำเร็จแล้ว บางท่านใช้เวลานานแรมเดือนแรมปีหรือตลอดชีวิต ตัวผมเองได้เพียรพยายามอยู่หลายปี กว่าจะได้ข้อสรุปต่าง ๆ
การโหลด load คือ นึกถึงคิดถึงซ้ำ ๆ กล่าวถึงซ้ำ ๆ ทำซ้ำ ๆ จนเป็นปกตินิสัย ส่วนดีลีท delete ลบทิ้ง คือ ละ ลด เลิกทำสิ่งที่เป็นพิษภัยอย่างเด็ดขาด เมื่อมันจะเกิด ให้ตั้งสติงดเว้นระมัดระวัง ไม่ทำผิดซ้ำ
คู่แรก E1 คุณ-โทษ ได้แก่ เลือกโหลด load สำนึกคุณแล้วตอบแทนคุณ ดีลีท delete ลบทิ้งเนรคุณทิ่มแทงแว้งกัด ซึ่งทำให้ชีวิตตกต่ำดำมืด
ผู้มีพระคุณเริ่มจาก ธรรมชาติ ศาสดา (ทุกศาสนา) พระศรีอารียเมตไตย พระวิสุทธิอาจารย์ พระโพธิสัตว์ พระพุทธะ พระอรหันต์ เหล่าเฉียนเหริน เฉียนเหริน เตี่ยนฉวนซือ ผู้แนะนำรับรอง พ่อแม่ สถาบันชาติ คุณครู ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู
กั่น เซี่ย เทียน เอิน ซือ เต๋อ
เซี่ย ๆ เหลาหมู่ ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ จูเทียนเสินเซิ่ง ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ หมีเล่อจู่ซือ ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ หนันไห่กู่ฝอ หัวฝอซือจุน เอียฮุ่ยผูซ่า ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ ซือจุน ซือหมู่ ฉือเปย
เซี่ย ๆ เหล่าเฉียนเหริน เฉียนเหริน เตี่ยนฉวนซือ ฉือเปย
เซี่ย ๆ อิ๋นเป่าซือ เซี่ย ๆ ฟู่หมู่ เซี่ย ๆ เก้อเว่ยเอนเหริน
เซี่ย ๆ เฉียนเสียนต้าจ้ง เซี่ย ๆ จื้อจี่จูเซียน
กล่าวซ้ำ ๆ ทุกวัน ทั้งวันเมื่อนึกถึงในยามว่าง จนติดปาก และแปรเปลี่ยนนิสัยความเคยชินที่เพรียบพร้อมสำนึกคุณและตอบแทนคุณอยู่เสมอ เทิดทูนบูชากราบไหว้ผู้มีพระคุณอย่างสนิทใจ ต่างจากเดิมที่ทำแบบตาม ๆ กันไป หรือแบบขอไปที
ส่วนท่านที่ไม่เข้าใจภาษาจีน ขอสรุปรวมว่า เป็นการกราบสำนึกพระคุณทั้งหมด ตั้งแต่พระรัตนไตรถึงผู้อุปถัมภ์ค้ำชู ท่านสามารถสร้าง Mindset ชุดคำพูดขึ้นใช้เองได้ เช่น กราบสำนึกพระคุณฟ้า บารมีพระบรรพจารย์, สวดท่องเจริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ, กราบสำนึกพระคุณ, ขอบพระคุณ เป็นต้น จะสั้นหรือยาวก็ได้ตามใจชอบ ยิ่งครอบคลุม ยิ่งเกิดพลังยิ่งใหญ่ ประเด็นอยู่ที่ ต้องกล่าวซ้ำ ๆ จนติดปาก จนเป็นปกตินิสัย ยิ่งกล่าวซ้ำ ๆ ทำซ้ำ ๆ ยิ่งเกิดปัญญา เพราะว่ามือคือ สมอง learning by doing
พระพุทธคุณ ทำให้เกิดพละกำลังมาก อายุยืนยาว เกิดอำนาจวาสนาสูงส่ง พระธรรมคุณ ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจตามเป็นจริง เกิดปัญญามาก และพระสังฆคุณ ทำให้เกิดโภคทรัพย์เงินทองมากมาย
คู่ที่สอง E2 จริง-ปลอม เลือกโหลด load จริงแท้หรือสัจจะ กล่าวคือ ซื่อตรง (ไม่คดโกง) ศรัทธาจริงใจ พูดแต่ความจริง เมื่อเกิดศรัทธา(ใจ) แล้วตั้งปณิธาน(พูด) และลงมือทำสุดกำลัง เมื่อทั้งใจ วาจา และกาย เรียงเป็นเส้นตรง ทำมุม 180 องศา จึงเกิดพลังสูงสุดเต็มศักยภาพ full potential ดีลีท delete ลบทิ้งสิ่งจอมปลอม พูดปดมดเท็จ จ้วงจาบ หยาบคาย ไร้สาระ ไม่ศรัทธาจริงใจ เมื่อตั้งปณิธานแล้วหลงลืมหรือทำแบบขอไปที รวมทั้งดีลีท delete ลบทิ้งนิสัยล้อเล่น โลเล เหลอะแหละ ไม่แน่นอน อันเป็นพิษภัย ไม่กลับไปทำซ้ำอีก
ถ้าต้องการเห็นปาฏิหาริย์ของสัจจพลัง ให้ศึกษาเพิ่มเติมในวัฏฏกปริตร และสวดท่องรัตนสูตรด้วย เพื่อให้เกิดสวัสดิภาพฉับพลัน
คู่สุดท้าย E3 วินัย-แตกแถว เลือกโหลด load ระเบียบวินัยหรือศีลหรือพุทธระเบียบหรือกฎหมายหรือประเพณีดีงาม ดีลีท delete ลบทิ้งแตกแถวนอกลู่นอกทาง
ได้ข้อสรุป แสงสว่าง ขับไล่ความมืด สำนึกคุณ ขับไล่เนรคุณ สัจจะ ขับไล่ไร้สัจจะ วินัย ขับไล่แตกแถว เมื่อมีแสงสว่าง ความมืดก็หายไป เป็นเช่นนี้เอง คู่อื่น ๆ ก็เช่นกัน
เมื่อฝึกฝนทดลองสักพัก หันกลับมาทบทวนดูว่า ชีวิตความเป็นอยู่ m เปลี่ยนแปลงหรือยัง โดยใช้สมการใหม่ซึ่งกล่าวไว้แล้วดังนี้
m = E1 + E2 + E3
ถ้าเริ่มมีสิ่งดี ๆ ผ่านเข้ามา ก็แสดงว่า เกิดผลดีแล้ว ก็ให้พยายามต่อไป เพื่อความสำเร็จที่ยิ่งกว่าเดิม แต่ถ้ายังย่ำอยู่กับที่ ก็อย่าเพิ่งถอดใจท้อถอย กัดฟันดั้นด้นอดทนทำต่อไป แสดงว่า พลังลบที่เลวร้ายในอดีต มันกำลังส่งผลอยู่ จึงต้องเร่งรีบเพิ่มพลังบวก E ต่าง ๆ ให้มากพอ
การที่ท่านกัดฟันอดทนสู้ แสดงว่าท่านกำลังสะสมพลัง E ตัวใหม่ นั่นคือ E4 ขันติ (ความอดทน) ขับไล่ท้อถอย และ E5 วิริยะ (ความเพียร) ขับไล่ขี้เกียจตัวเป็นขน ได้สมการใหม่คือ
m = E1 + E2 + E3 + E4 + E5
ส่วนคู่อื่น ๆ เช่น เมตตา-โกรธแค้น, มโนธรรม-ไร้สำนึก, ปัญญา-อวิชชา รวมทั้ง จริยะ, ละอายต่อบาป, พี่น้องปรองดอง และจงรักภักดี ก็จะค่อย ๆ เจริญขึ้นอย่างง่ายดาย ต่อเมื่อสามารถสอบผ่าน 3 คู่แรกได้แล้ว แต่ถ้ายังไม่ผ่านโดยเฉพาะคู่แรกสุด คุณ-โทษ เมื่อไปลองพยายามทำอย่างอื่นก่อน กลับไร้ผล แล้วก็กล่าวหา กล่าวโทษว่า "ทำดี ได้ดี มีที่ไหน ทำชั่ว ได้ดี มีถมไป" แบบนี้มีเยอะมาก
การกล่าวซ้ำ ๆ จนติดปาก ตรงกับทฤษฎีการสื่อสารภายในบุคคล Intrapersonal Communication อาศัยคำพูดหรือภาษาแปรเปลี่ยนพฤติกรรมจนสำเร็จตามเป้าประสงค์ หากดูคำว่า inform = inner+form ข้างในหรือซ่อนเร้น รวมกับ ก่อรูปร่าง รวมกันคือ ก่อเกิดรูปร่างขึ้นภายใน นั่นแสดงว่า อะไรที่โหลด load เข้ามาเก็บไว้นั้น ไม่ว่าด้านลบหรือบวก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในตัวเรา จึงทำให้ m หรือชีวิตเป็นสุขหรือทุกข์ตามมา คำสอนของทุกศาสนา จึงจัดได้ว่าเป็น Information อันล้ำค่า ไม่ใช่เป็นแค่ Data หรือข้อมูลดิบ เพราะว่ามีระบบระเบียบรวบรวมเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการศึกษา เมื่อทำความเข้าใจ จึงจะได้ประโยชน์ แต่ต้องรู้จักเลือกเฟ้นที่เหมาะสมกับยุคสมัย ปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์อยู่บ้าง
ภัยธรรมชาติกำลังเกิดขึ้น รุนแรงมากขึ้นและถี่ขึ้น ทั้งที่เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เจริญถึงขีดสุด แต่กลับไม่ตอบโจทย์ สักกี่คนที่มองเห็น สักกี่คนที่เข้าใจ โควิด-19 ยังอยู่อีกยาวไกล วัคซินใหม่ ๆ ตามไม่ทัน วันนี้ (5 ธค.64) สายพันธุ์โอไมครอน Omicron แพร่ระบาดจากแอฟริกาใต้ไปยุโรป จะจบเมื่อใด ไร้คำตอบ สหรัฐฯคุยกับจีนไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนความยากจนขยายวงกว้าง เป็นเพราะผู้คนทั่วโลก ไม่สำนึกคุณยังไม่เท่าไหร่ แต่กลับเนรคุณสุด ๆ
ช่างโชคดีแค่ไหนที่เกิดได้ร่างกายเป็นมนุษย์ ยิ่งกว่านี้ ช่างโชคดีอย่างยิ่งที่เกิดในกัลป์ที่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึง 5 พระองค์ และช่างโชคดีโคตร ๆ ที่เกิดตรงกับการปกโปรด 3 ภพ นี่คือครั้งแรกในรอบที่โลกเกิดดับมาแล้ว 7 ครั้ง ถ้าเกิดเร็วหรือช้ากว่านี้ 50 ปีก็ไม่มีโอกาสแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกโชคดีแค่ 1 หรือ 2 ชั้น ใครบ้างล่ะ ที่มีบรมโชคถึง 3 ชั้น เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ ฤดูกาลผันแปร ใช่ครับนี่คือ ช่วงปลายฝนต้นหนาว ต้องใช้ทั้งเสื้อกันฝนและเสื้อกันหนาว คำสอนของทุกศาสดาบางคำสอนยังมีประโยชน์เหมือนเสื้อกันฝน บางวันยังมีฝนตกอยู่ อย่าทิ้ง ส่วนคำสอนในยุคท้ายปลายกัลป์ ธรรมะลงสู่ครัวเรือน เหมือนเสื้อกันหนาวต้องมีหลายตัว บางวันหนาวน้อย บางวันหนาวมาก จะเอาเสื้อกันฝนใส่แทนเสื้อกันหนาว มันก็ไม่ทำให้หายหนาวได้ ดังนั้นคำสอนยุคใหม่ ต้องเร่งรีบศึกษาให้เข้าใจ เพราะว่าขณะนี้ ไม่เหลือเวลาที่จะใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ได้อีกแล้ว ถ้าพลาดก็หมดโอกาส ตกขบวนรถไฟสุดท้าย อย่างแน่แท้
ไอน์สไตน์ ได้กล่าวว่า ความรู้ ไม่สู้จินตนาการ แต่ ณ วันนี้ ความรู้ ไม่สู้ความเข้าใจ ถ้ารู้จัก แต่ยังไม่เข้าใจ ก็ไร้ประโยชน์ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็อ่านซ้ำ ๆ ทบทวนซ้ำ ๆ สิครับ ขอบพระคุณครับ
ใคร่ขอตั้งคำถาม ท่านผู้รู้ทั้งหลายว่า เมื่อฤดูกาลผันแปร เข้าสู่ยุคท้ายปลายกัลป์ ธรรมะลงปกโปรดพร้อมภัยพิบัติ ท่านมีความคิดเห็นเป็นประการใด กราบขอบพระคุณ ณ โอกาสนี้ครับ
พลังงานศักย์พิเศษ Extra Potential Energy-EPE.
พลังงานศักย์ Potential Energy เป็นความรู้เบื้องต้นของฟิสิกส์ หมายถึงพลังงานที่แฝงอยู่ในวัตถุ ในธรรมชาตินั้น มีพลังงานอีกมากมายที่เรายังไม่รู้จัก พลังงานที่ว่านี้ มีลักษณะคล้ายพลังงานศักย์ที่เราเคยเรียนมาแล้ว แต่ว่า เราต้องโหลด load เอามาเก็บไว้ในตัวเราก่อน ต่อเมื่อมีการสะสมมากพอ จึงจะปล่อยพลังงานออกมาให้เราได้ใช้
เมื่อเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์แล้ว ร่างกายและสมองของเราคือฮาร์ดแวร์ hardware ใช้งานคู่กับซอฟต์แวร์ software หรือแอพพ์ app.ย่อจาก application ขอเรียกพลังงานที่เราโหลด load เอามาเก็บไว้เหล่านี้ว่า
พลังงานศักย์พิเศษ Extra Potential Energy-EPE.
EPE.คือแอพพ์ App.ชนิดหนึ่ง EPE.ทำงานอย่างไร ก็ต้องอาศัยสมการสะท้านยุทธภพของไอน์สไตน์ ซึ่งกล่าวไว้ว่า สสารและพลังงาน คือสิ่งเดียวกัน และเปลี่ยนกลับไปมาได้ แสดงด้วยสมการ
E = mc(กำลัง)2
E คือพลังงาน m คือมวลสาร c คือความเร็วของแสง(ค่าคงที่)
เมื่อใช้ c หารตลอด ทั้งซ้ายและขวา จึงได้สมการ
E/c(กำลัง)2 = m
เมื่อต้องการศึกษา E ดังนั้น E จึงเป็นตัวแปรอิสระ ย้ายไปขวามือ
ส่วน c เป็นค่าคงที่ constant เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ จึงตัดทิ้งไปก่อน
ได้สมการใหม่เพื่อใช้ศึกษา คือ
m = E1 + E2 + E3 +….
m คือชีวิตความเป็นอยู่ทางโลก(วัตถุ) รวมทั้งเงินทอง ตำแหน่งแห่งที่
E คือ EPE.ที่กำลังศึกษาทำความเข้าใจ ซึ่งมีหลายชนิดได้แก่ E1 E2 E3......
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจตรงกันก่อนว่า โลกที่เราอาศัยอยู่เป็น โลกคู่ขนาน parallel world มีมืด-สว่าง หญิง-ชาย ซ้าย-ขวา หน้า-หลัง รวมทั้ง EPE.ก็อยู่ในโลกคู่ขนานด้วย
EPE.มีอยู่คู่กับโลกใบนี้หลายคู่ แต่ขอยกตัวอย่างแค่ 3 คู่ คู่แรกคือ E1 คู่ที่สองคือ E2 และคู่สุดท้ายคือ E3 เพื่อง่ายต่อความเข้าใจ ส่วนคู่อื่น ๆ จะกล่าวไว้ในภาคปฏิบัติ
E1 ได้แก่ คุณ-โทษ
E2 ได้แก่ จริง-ปลอม
E3 ได้แก่ วินัย-แตกแถว
วินัยหรือศีลหรือพุทธระเบียบ E3 ทำให้สถานภาพเดิมคงอยู่แล้วยังเจริญเติบโต ทำให้องค์กรก้าวหน้า สังคมประเทศชาติมั่นคง จักรวาลคงอยู่ยาวนาน
ส่วน ความจริงหรือสัจจะ E2 คือซื่อตรง ไม่คดโกง จริงจัง ไม่ล้อเล่น เหลอะแหละ โลเล (วิธูรบัณฑิตโพธิสัตว์) เป็นพลังทะลุทะลวง พลิกวิกฤตเป็นโอกาส พิชิตวิบากกรรมทั้งปวง
สำหรับ สำนึกคุณแล้วตอบแทนคุณ E1 เป็นการปรับสมดุลชีวิต life balance ทำให้ชีวิตทรงตัว ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ทุกข์ระทมขมขื่น
แม้มีศีลและสัจจะ E3+E2 แต่ถ้าขาดสำนึกคุณฯ E1 ทั้ง E3+E2 ก็จะพลิกผันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง (ไป่ เซี่ยว จิง-คัมภีร์ร้อยกตัญญู) มันเคยเกิดกับตัวผมอย่างจัง จนเข็ดขยาด เมื่อชีวิตเสียศูนย์ แม้พยายามอย่างอื่น ขยันขันแข็งมีผลงานดีปานใดก็ไร้ผล ถ้าทำผิดต่อผู้มีพระคุณเช่น พ่อแม่ มีโทษเทียบเท่าทำผิดต่อพระอรหันต์ (อนันตริยกรรม) ต่อเมื่อชีวิตทรงตัวดีแล้ว อย่างอื่นจึงจะอยู่ได้แล้วปล่อยพลังตามธรรมชาติ พลังบวกในธรรมชาติทั้งหลาย มีสำนึกคุณเป็นพื้นฐานทั้งสิ้น (พุทธวจน) ผมเองมีประสบการณ์ด้านนี้มาก เคยทำผิดพลาดไว้มาก
แม้ว่า พลังอินเตอร์เน็ต สามารถทำลายข้อจำกัดของเวลา สถานที่และบุคคล มันเข้าถึงทุกที่ ทุกเวลา และเข้าหาผู้คนได้หลากหลาย ก็จริง แต่ว่า E หรือ EPE.มีพลังมากกว่านั้นมาก สามารถข้ามมิติ ข้ามภพ ข้ามชาติ ทำให้ผู้คนบนโลกใบนี้แตกต่างกันทั้งภูมิปัญญา อุปนิสัยใจคอ ตำแหน่งแห่งที่ และฐานะเงินทอง เพราะว่า EPE.ที่โหลด load เก็บไว้นั้น มีความแตกต่างกันทั้งประเภทและปริมาณ นั่นเอง
ทั้งหมดที่กล่าวนั้นเป็นหลักการกว้าง ๆ ต่อไปนี้คือการลงมือปฏิบัติในห้องแลบ Lab. ย่อจาก Laboratory โดยใช้สมองและร่างกายเป็นห้อง Lab. แล้วโหลด load สิ่งเป็นประโยชน์ พร้อมทั้งดีลีท delete ลบทิ้งสิ่งเป็นพิษภัย ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก repeat &repeat ทำอย่างเชื่อมั่นศรัทธา (จริงใจ) มีความสุข สนุกเพลิดเพลิน (ฉันทะ) ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่เบื่อหน่าย จนสำเร็จสมบูรณ์ แน่นอน ย่อมใช้เวลาแตกต่างกันอยู่บ้าง บางท่านทำแค่ครั้งสองครั้งก็สำเร็จแล้ว บางท่านใช้เวลานานแรมเดือนแรมปีหรือตลอดชีวิต ตัวผมเองได้เพียรพยายามอยู่หลายปี กว่าจะได้ข้อสรุปต่าง ๆ
การโหลด load คือ นึกถึงคิดถึงซ้ำ ๆ กล่าวถึงซ้ำ ๆ ทำซ้ำ ๆ จนเป็นปกตินิสัย ส่วนดีลีท delete ลบทิ้ง คือ ละ ลด เลิกทำสิ่งที่เป็นพิษภัยอย่างเด็ดขาด เมื่อมันจะเกิด ให้ตั้งสติงดเว้นระมัดระวัง ไม่ทำผิดซ้ำ
คู่แรก E1 คุณ-โทษ ได้แก่ เลือกโหลด load สำนึกคุณแล้วตอบแทนคุณ ดีลีท delete ลบทิ้งเนรคุณทิ่มแทงแว้งกัด ซึ่งทำให้ชีวิตตกต่ำดำมืด
ผู้มีพระคุณเริ่มจาก ธรรมชาติ ศาสดา (ทุกศาสนา) พระศรีอารียเมตไตย พระวิสุทธิอาจารย์ พระโพธิสัตว์ พระพุทธะ พระอรหันต์ เหล่าเฉียนเหริน เฉียนเหริน เตี่ยนฉวนซือ ผู้แนะนำรับรอง พ่อแม่ สถาบันชาติ คุณครู ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู
กั่น เซี่ย เทียน เอิน ซือ เต๋อ
เซี่ย ๆ เหลาหมู่ ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ จูเทียนเสินเซิ่ง ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ หมีเล่อจู่ซือ ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ หนันไห่กู่ฝอ หัวฝอซือจุน เอียฮุ่ยผูซ่า ต้าฉือ ต้าเปย
เซี่ย ๆ ซือจุน ซือหมู่ ฉือเปย
เซี่ย ๆ เหล่าเฉียนเหริน เฉียนเหริน เตี่ยนฉวนซือ ฉือเปย
เซี่ย ๆ อิ๋นเป่าซือ เซี่ย ๆ ฟู่หมู่ เซี่ย ๆ เก้อเว่ยเอนเหริน
เซี่ย ๆ เฉียนเสียนต้าจ้ง เซี่ย ๆ จื้อจี่จูเซียน
กล่าวซ้ำ ๆ ทุกวัน ทั้งวันเมื่อนึกถึงในยามว่าง จนติดปาก และแปรเปลี่ยนนิสัยความเคยชินที่เพรียบพร้อมสำนึกคุณและตอบแทนคุณอยู่เสมอ เทิดทูนบูชากราบไหว้ผู้มีพระคุณอย่างสนิทใจ ต่างจากเดิมที่ทำแบบตาม ๆ กันไป หรือแบบขอไปที
ส่วนท่านที่ไม่เข้าใจภาษาจีน ขอสรุปรวมว่า เป็นการกราบสำนึกพระคุณทั้งหมด ตั้งแต่พระรัตนไตรถึงผู้อุปถัมภ์ค้ำชู ท่านสามารถสร้าง Mindset ชุดคำพูดขึ้นใช้เองได้ เช่น กราบสำนึกพระคุณฟ้า บารมีพระบรรพจารย์, สวดท่องเจริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ, กราบสำนึกพระคุณ, ขอบพระคุณ เป็นต้น จะสั้นหรือยาวก็ได้ตามใจชอบ ยิ่งครอบคลุม ยิ่งเกิดพลังยิ่งใหญ่ ประเด็นอยู่ที่ ต้องกล่าวซ้ำ ๆ จนติดปาก จนเป็นปกตินิสัย ยิ่งกล่าวซ้ำ ๆ ทำซ้ำ ๆ ยิ่งเกิดปัญญา เพราะว่ามือคือ สมอง learning by doing
พระพุทธคุณ ทำให้เกิดพละกำลังมาก อายุยืนยาว เกิดอำนาจวาสนาสูงส่ง พระธรรมคุณ ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจตามเป็นจริง เกิดปัญญามาก และพระสังฆคุณ ทำให้เกิดโภคทรัพย์เงินทองมากมาย
คู่ที่สอง E2 จริง-ปลอม เลือกโหลด load จริงแท้หรือสัจจะ กล่าวคือ ซื่อตรง (ไม่คดโกง) ศรัทธาจริงใจ พูดแต่ความจริง เมื่อเกิดศรัทธา(ใจ) แล้วตั้งปณิธาน(พูด) และลงมือทำสุดกำลัง เมื่อทั้งใจ วาจา และกาย เรียงเป็นเส้นตรง ทำมุม 180 องศา จึงเกิดพลังสูงสุดเต็มศักยภาพ full potential ดีลีท delete ลบทิ้งสิ่งจอมปลอม พูดปดมดเท็จ จ้วงจาบ หยาบคาย ไร้สาระ ไม่ศรัทธาจริงใจ เมื่อตั้งปณิธานแล้วหลงลืมหรือทำแบบขอไปที รวมทั้งดีลีท delete ลบทิ้งนิสัยล้อเล่น โลเล เหลอะแหละ ไม่แน่นอน อันเป็นพิษภัย ไม่กลับไปทำซ้ำอีก
ถ้าต้องการเห็นปาฏิหาริย์ของสัจจพลัง ให้ศึกษาเพิ่มเติมในวัฏฏกปริตร และสวดท่องรัตนสูตรด้วย เพื่อให้เกิดสวัสดิภาพฉับพลัน
คู่สุดท้าย E3 วินัย-แตกแถว เลือกโหลด load ระเบียบวินัยหรือศีลหรือพุทธระเบียบหรือกฎหมายหรือประเพณีดีงาม ดีลีท delete ลบทิ้งแตกแถวนอกลู่นอกทาง
ได้ข้อสรุป แสงสว่าง ขับไล่ความมืด สำนึกคุณ ขับไล่เนรคุณ สัจจะ ขับไล่ไร้สัจจะ วินัย ขับไล่แตกแถว เมื่อมีแสงสว่าง ความมืดก็หายไป เป็นเช่นนี้เอง คู่อื่น ๆ ก็เช่นกัน
เมื่อฝึกฝนทดลองสักพัก หันกลับมาทบทวนดูว่า ชีวิตความเป็นอยู่ m เปลี่ยนแปลงหรือยัง โดยใช้สมการใหม่ซึ่งกล่าวไว้แล้วดังนี้
m = E1 + E2 + E3
ถ้าเริ่มมีสิ่งดี ๆ ผ่านเข้ามา ก็แสดงว่า เกิดผลดีแล้ว ก็ให้พยายามต่อไป เพื่อความสำเร็จที่ยิ่งกว่าเดิม แต่ถ้ายังย่ำอยู่กับที่ ก็อย่าเพิ่งถอดใจท้อถอย กัดฟันดั้นด้นอดทนทำต่อไป แสดงว่า พลังลบที่เลวร้ายในอดีต มันกำลังส่งผลอยู่ จึงต้องเร่งรีบเพิ่มพลังบวก E ต่าง ๆ ให้มากพอ
การที่ท่านกัดฟันอดทนสู้ แสดงว่าท่านกำลังสะสมพลัง E ตัวใหม่ นั่นคือ E4 ขันติ (ความอดทน) ขับไล่ท้อถอย และ E5 วิริยะ (ความเพียร) ขับไล่ขี้เกียจตัวเป็นขน ได้สมการใหม่คือ
m = E1 + E2 + E3 + E4 + E5
ส่วนคู่อื่น ๆ เช่น เมตตา-โกรธแค้น, มโนธรรม-ไร้สำนึก, ปัญญา-อวิชชา รวมทั้ง จริยะ, ละอายต่อบาป, พี่น้องปรองดอง และจงรักภักดี ก็จะค่อย ๆ เจริญขึ้นอย่างง่ายดาย ต่อเมื่อสามารถสอบผ่าน 3 คู่แรกได้แล้ว แต่ถ้ายังไม่ผ่านโดยเฉพาะคู่แรกสุด คุณ-โทษ เมื่อไปลองพยายามทำอย่างอื่นก่อน กลับไร้ผล แล้วก็กล่าวหา กล่าวโทษว่า "ทำดี ได้ดี มีที่ไหน ทำชั่ว ได้ดี มีถมไป" แบบนี้มีเยอะมาก
การกล่าวซ้ำ ๆ จนติดปาก ตรงกับทฤษฎีการสื่อสารภายในบุคคล Intrapersonal Communication อาศัยคำพูดหรือภาษาแปรเปลี่ยนพฤติกรรมจนสำเร็จตามเป้าประสงค์ หากดูคำว่า inform = inner+form ข้างในหรือซ่อนเร้น รวมกับ ก่อรูปร่าง รวมกันคือ ก่อเกิดรูปร่างขึ้นภายใน นั่นแสดงว่า อะไรที่โหลด load เข้ามาเก็บไว้นั้น ไม่ว่าด้านลบหรือบวก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในตัวเรา จึงทำให้ m หรือชีวิตเป็นสุขหรือทุกข์ตามมา คำสอนของทุกศาสนา จึงจัดได้ว่าเป็น Information อันล้ำค่า ไม่ใช่เป็นแค่ Data หรือข้อมูลดิบ เพราะว่ามีระบบระเบียบรวบรวมเป็นหมวดหมู่ ง่ายต่อการศึกษา เมื่อทำความเข้าใจ จึงจะได้ประโยชน์ แต่ต้องรู้จักเลือกเฟ้นที่เหมาะสมกับยุคสมัย ปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์อยู่บ้าง
ภัยธรรมชาติกำลังเกิดขึ้น รุนแรงมากขึ้นและถี่ขึ้น ทั้งที่เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์เจริญถึงขีดสุด แต่กลับไม่ตอบโจทย์ สักกี่คนที่มองเห็น สักกี่คนที่เข้าใจ โควิด-19 ยังอยู่อีกยาวไกล วัคซินใหม่ ๆ ตามไม่ทัน วันนี้ (5 ธค.64) สายพันธุ์โอไมครอน Omicron แพร่ระบาดจากแอฟริกาใต้ไปยุโรป จะจบเมื่อใด ไร้คำตอบ สหรัฐฯคุยกับจีนไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนความยากจนขยายวงกว้าง เป็นเพราะผู้คนทั่วโลก ไม่สำนึกคุณยังไม่เท่าไหร่ แต่กลับเนรคุณสุด ๆ
ช่างโชคดีแค่ไหนที่เกิดได้ร่างกายเป็นมนุษย์ ยิ่งกว่านี้ ช่างโชคดีอย่างยิ่งที่เกิดในกัลป์ที่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึง 5 พระองค์ และช่างโชคดีโคตร ๆ ที่เกิดตรงกับการปกโปรด 3 ภพ นี่คือครั้งแรกในรอบที่โลกเกิดดับมาแล้ว 7 ครั้ง ถ้าเกิดเร็วหรือช้ากว่านี้ 50 ปีก็ไม่มีโอกาสแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ในโลกโชคดีแค่ 1 หรือ 2 ชั้น ใครบ้างล่ะ ที่มีบรมโชคถึง 3 ชั้น เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี ลมเปลี่ยนทิศ ฤดูกาลผันแปร ใช่ครับนี่คือ ช่วงปลายฝนต้นหนาว ต้องใช้ทั้งเสื้อกันฝนและเสื้อกันหนาว คำสอนของทุกศาสดาบางคำสอนยังมีประโยชน์เหมือนเสื้อกันฝน บางวันยังมีฝนตกอยู่ อย่าทิ้ง ส่วนคำสอนในยุคท้ายปลายกัลป์ ธรรมะลงสู่ครัวเรือน เหมือนเสื้อกันหนาวต้องมีหลายตัว บางวันหนาวน้อย บางวันหนาวมาก จะเอาเสื้อกันฝนใส่แทนเสื้อกันหนาว มันก็ไม่ทำให้หายหนาวได้ ดังนั้นคำสอนยุคใหม่ ต้องเร่งรีบศึกษาให้เข้าใจ เพราะว่าขณะนี้ ไม่เหลือเวลาที่จะใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ได้อีกแล้ว ถ้าพลาดก็หมดโอกาส ตกขบวนรถไฟสุดท้าย อย่างแน่แท้
ไอน์สไตน์ ได้กล่าวว่า ความรู้ ไม่สู้จินตนาการ แต่ ณ วันนี้ ความรู้ ไม่สู้ความเข้าใจ ถ้ารู้จัก แต่ยังไม่เข้าใจ ก็ไร้ประโยชน์ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็อ่านซ้ำ ๆ ทบทวนซ้ำ ๆ สิครับ ขอบพระคุณครับ