วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องการอยู่กับ HIV มาประมาณ 4 ปี ให้ฟังครับ


รูปตอนไปตรวจ HIV ที่นิรนามครับ คือตอนที่รู้ว่าต้องตรวจก็ถ่ายไว้เลย เพราะคิดว่าวันหนึ่งต้องได้มาเล่าแน่นอนครับ เพี้ยนเพลีย


สวัสดีครับผมเป็นผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV นะครับ โดยถ้านับว่าเวลาตั้งแต่ตรวจเจอจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาประมาณ 4 ครับ กระทู้นี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่อยากมาเล่า เรื่องราว ความคิด และสิ่งต่าง ๆ ที่ผมได้เจอมานะครับ

ต้องของบอกก่อนนะครับว่า ผมมีแฟนคนเดียวทั้งมาทั้งชีวิต เป็นคู่ ชาย-ชาย โดยผมคบกับแฟนมาตั้งแต่ผมอยู่ ม.4 แฟนอยู่ ม.3 จนตอนนี้ผมเรียนตบ และทำงานมาได้ซักพักแล้วครับ รวมเวลาที่คบกันน่าจะ 10-11 ปีแล้วละครับ

ติดมาจากไหน ???
ตัวผมติด HIV มาจากแฟนที่คบกันนี้ละครับ โดย วันเกิดที่จะไปตรวจ แฟนโทรมาแบบเสียงเครียด ๆ บอกให้ไปตรวจเลือด หมอบอกผลเลือดมีปัญหา ซึ่งตอนนั้นผมก็แปลกใจแล้วเพราะ แฟนกลัวเข็ม ไม่เคยบริจาคเลือดโทรมาแบบนี้ก็น่าสงสัยแล้วครับ

วันที่ 15 / 11 / /2560 ผมเลยไปตรวจเลือดที่คลินิกนิรนามครับ
โดยขั้นตอนการตรวจเลือดก็คือเรา ก็ทำการลงทะเบียนผ่านตู้อัตโนมัติแล้วจะได้บัตรคิวมา โดยเค้าจะให้เราเลือกด้วยนะครับ ว่าจะพบหมอก่อนตรวจ หรือตรวจแล้วพบหมอ
ตอนนั้นผมกลัวมากเลยเลือก พบหมอก่อนครับเพื่อปรึกษษก่อน ผมก็เล่าให้หมอฟังว่าแฟนโทรมาแบบนี้เลยมาตรวจครับ หมอบอกยังไงก็ต้องลองตรวจก่อนคิดไปเองยังไงก็ไม่รู้ว่าติดไหม สุดท้ายผมก็ได้ตรวจเลือดครับซึ่ง ตอนนี้ผมก็นั่งรอซักพักแล้วไม่นานก็เข้าไปพบหมอ หมอเดินมาตบไหล่ผมบอกว่า เราติดเชื้อ HIV แต่อาจตรวจผิดก็ได้ขอตรวจเลือดอีกรอบนะ เพื่อยืนยันผล ซึ่งผมก็ได้เข้าตรวจเลือดอีกรอบโดยคราวนี้ ผลก็ยังบวกเหมือนเดิม

ตอนนี้ใจผมตกไปตาตุ่มเลยครับ แต่ไม่ร้องไห้อะไนะครับ แต่ในหัวผมตอนนั้นคิดว่า เดี๋ยววันนี้จะลาออกงานแล้ว จะกลับบ้าน ไปนอนรอความตาย เพราะในความคิดเราโรคนี้ไม่มียารักษานี้หว่า ติดแล้วตายแน่ ๆ นี้คือสิ่งที่คิดเลยครับ


ภาพผลตรวจยืนยันรอบ 2 ครับ

ขั้นตอนต่อมาเมื่อรู้ว่าเราติด HIV หมอก็ให้เราไปทำการเอกเซเรย์ปอด และรอรับยาครับ โดยยาได้มาประมาณ 30 วันครับ และหมอบอกให้เราไปเข้ารับการรักษาต่อ ที่โรงพยาบาลที่เรามีสิทธิ โดยตอนนั้นผมมีสิทธิประกันสังคมอยู่โรงพยาบาลเลิดสินครับ ซึ่งให้เราไปเมื่อไหร่ก็ได้ ขอแค่ก่อนที่ยาเราจะหมดเพื่อไม่ให้ขาดยาครับ

พออกมาจากคลินิกนิรนามตอนนั้นผมโกรธแฟนมากครับ ถึงขั้นด่าเค้ารุนแรงมาก ผมบอกเสียมากที่คบกับเค้า ผมไม่เคยนอกใจ ไม่เคยมีอะไรกับคนอื่นนอกจากเค้า มีแฟนคนเดียวมาตลอด แล้วนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นหรอ

พอคุยกับแฟนเสร็จตอนนั้นผมตัดสินใจโทรบอกที่บ้านเลยครับ โดยผมโทรบอกแม่ผมทันที ผมบอกแม่ไปเลยว่า ผมไปตรวจเลือดมาแล้วหมอบอกผลเลือดมีปัญหา แม่ผมร้องไห้ แม่บอกผมว่า คิดไว้แล้วคนอย่างผมพวกชอบผู้ชายยังไงเดี๋ยวก็เป็นโรคนี้ แม่ว่าแล้วก็ร้องไห้ แล้ววางโทรศัพท์ไปเลย มาคิดๆดูแล้วรู้สึกว่าตอนนั้นไม่น่าบอกแม่เลยครับ รู้สึกว่าไม่ได้คำปลอบใจ หรือมีประโยชน์อะไรเลย

ต่อมาคนที่ผมโทรหาต่อไปคือหัวหน้างานครับ ผมบอกหัวหน้างานผมว่าพี่ ผมมาตรวจเลือดครับ เลือดผมบวกนะ พี่โอเคไหมครับ ถ้าไม่โอเคบอกผมนะครับ เดี๋ยวผมจะลาออกให้ ซึ่งตอนนั้นผมโชคดีนะครับ หัวหน้างานเข้าใจผมและก็ไม่ได้ว่าผม หรือว่ารังเกียจอะไรผม

วันแรกที่กินยาผมโทรหาแฟนแล้วบอกว่า พรุ่งนี้โทรปลุกด้วย กลัวไม่ตื่น เนื่องจากผมไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตและที่หมอบอก ยา HIV มันผลข้างเคียงเยอะ เมาหัวรุนแรงบ้าง เหมือนกินเหล้าหนัก ๆ ผื่นขึ้น ใจเต้น อะไรแบบนี้ครับ ผมลองกลัวมาก ๆ
โดยสิ่งที่ผมเจอในวันแรกของการกินยาต้าน (ต่อไปขอเรื่องว่ายาต้าน แทนยา HIV นะครับ) คือเมาหัวมากครับ เหมือนคนกินเหล้ากินเบียร์มาหนัก ๆ นอกจากนั้นไม่มีอะไรครับ ถือว่าโชคดีมากครับ

วันต่อมาแฟนผมโทรมาบอกว่าให้ไปคลินิกนิรนามอีกรอบ บอกว่า หมออยากเจอผมกับแฟนพร้อมกัน ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าแฟนผมอยากให้ผมพูดคุยกับหมออีกคนเพื่อปรึกษาครับ โดยเมื่อมาถึงผมก็ได้ผมบอกอีกคน หมอบอกว่าเล่ามาสิตอนนี้เราคิดยังไง ผมบอกว่าตอนนี้ผมจะลาออกจากงานกลับบ้านไปรอความตาย จะบอกพ่อแม่ จะบอกที่ทำงาน แล้วกลับไปอยู่บ้าน เพราะยังไงผมก็ไม่รอดแน่ครับ แต่สิ่งที่บอกท่านนี้บอกผมนั้นมันทำให้ผมฉุดคิดได้ครับ โดยหมอบอกว่า ผมก็ยังเป็นผม HIV ไม่ได้เปลี่ยนอะไรผม สิ่งที่ผมต้องทำก็แค่กินยาทุกวัน มีชีวิคได้เหมือนคนปกติ ผมจะกินเหล้า กินเบียร์ จะปาร์ตี้อะไรก็ได้ เหมือนเดิมทุกอย่าง ผมยังเป็นผมคนเดิม พ่อแม่ เพื่อน ที่ทำงานไม่ต้องบอกหรอกเรื่องนี้ไม่สำคัญเลย (ขอโทษหมอด้วยครับที่ตอนนั้นผมไม่ฟัง ผมบอกหมดแล้วครับ) ซึ่งคำพูดหมอท่านนี้ดีมากมันทำให้ผมคิดอะไรได้บางอย่างเลยครับ

ติดแล้วทำตัวยังไงบ้าง ??
โอเคครับผมจะไม่บอกว่าผมไม่เครียด หรือเสียใจนะครับ แต่พอเวลาผ่าน ไปทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้นครับ
ผมคิดว่าทุกคนหรือแม้แต่ผมเอง เราได้เสพสื่อต่าง ๆ บอกว่าให้ป้องกัน HIV ด้วยวิธีต่าง ๆ มามากมายแต่ไม่เคยมีใครบอกเลยว่า ติดแล้วทำยังไงต่อ นั้นแหละครับคือสิ่งที่ผมเจอ ตอนนั้นผมเข้าใจว่าติด HIV คือตายแน่นอน หมดอนาคตแต่ความจริงแล้วมันไม่จริงเลยครับ

ผมตัดสินใจบอกเรื่อง HIV ของผมกับเพื่อนในที่ทำงานที่สนิทครับ เพราะผมรู้สึกอยากมีคนที่เราสามารถบอกได้ทุกอย่างซึ่ง ผมโชคดีมากครับ เพื่อน ๆ ที่ผมบอกไปไม่มีใครรังเกียจผมเลย
นอกจากนี้ก่อนผมลาออกจากงานที่นี้เพื่อกลับมาอยู่บ้าน (เหตุผลคือเครียดกับงาน ไม่เกี่ยวกับ HIV นะครับ) ผมได้ตั้งสัมมนาเล็ก ๆ ในออฟฟิศเล่าประสบการ์ณเจอ HIV ของผม การดูแลตัวเอง เล่าแบบหมดเปลือกถามได้ทุกอย่าง ซึ่งเป็นอะไรที่ผมภูมิใจมากนะครับ เพราะมันเป็นการให้ความรู้ในเรื่องที่ทุกคนคิดว่าไกลตัว แต่ความจริงแล้วใกล้มาก ๆ คนที่เราเดินผ่านอาจมีเชื้อนี้อยู่ก็ได้ครับ

ดูแลตัวเองอย่างไร ???
อย่างที่ผมบอกไปนะครับ เป็น  HIV ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวมากไปกว่าจากยอมรับจากสังคมเลยครับ การดูแลรักษานั้นหลักๆ เลยมีแค่การ กินยาให้ตรงเวลา แค่นี้เลยครับ ไม่มีข้อห้ามอะไรเป็นพิเศษนะครับ สามารถสังสรรค์ สามารถกินดื่ม ออกกำลังกาย ทำงานได้ปกติเลยครับ
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการไม่รับเชื้อเพิ่มนะครับ สำหรับตัวเชื้อ HIV นั้นถ้าเรากินยาตลอดไม่ขาด ไม่เลท บอกได้เลยว่าทั้งชีวิตนี้เชื้อจะไม่ดื้อยาเลยครับ เว้นแต่เราจะโชคร้ายได้รับเชื้อดื้อยามาแต่แรก หรือการที่เราไปมีอะไรกับคนอื่น ทำให้ได้เชื้อเพิ่มเรื่อย ๆ อันนี้จะอันตรายมากครับ
สำหรับผมแล้วพอรู้ตัวเองติด HIV มีช่วงหนึ่งปล่อยตัวเลยครับ ผมตอนนั้นคิดว่าตัวเองจะ อ้วนตี้ให้อุดมสมบูรณ์ไปเลย 5555 ซึ่งไม่ดีเลยครับ มาลดตอนหลังละเหนื่อยมากครับ

ปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง ???
ตอนนี้ผมก็อยู่กับ HIV มา 4 ปีแล้วครับ ตอนนี้ผมกลับมาทำงานที่บริษัทแถวบ้านแล้วครับ จากที่เคยทำงานกรุงเทพ ไม่ได้รู้สึกว่ายุ่งยากหรือมีปัญหาอะไรเลยครับ ผลข้างเคียงของยาก็ยังมีนะครับ แต่หลัง ๆ เบาลงมากแล้ว การหางานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยครับ อาจเพราะสายงานของผมทำงานเทคโนโลยีด้วยเลยไม่มีปัญหาอะไร แต่จากที่ทำงานมา 4-5 ที่ก็ไม่มีที่ไหนขอผลตรวจสุขภาพนะครับ เพราะแบบนี้น่าจะสบายใจได้แล้วครับ นอกจากนี้ผมมองว่าประเทศไทยดีอย่างหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการรักษา HIV ผมตั้งแต่ติด HIV มายังไม่เคยต้องออกเงินออกในการรักษาเลยครับ ตั้งแต่ตรวจจนอยู่ในระบบการรักษา

สรุปนะครับกลัวเนื้อหายาวเกินไป
- ตอนนี้ผมก็มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีครับ การปฏิบัติตัวเหมือนคนปกติทุกอย่าง เพิ่มเติมคือทานยา 22.00 วันละเม็ดทุกวัน
- การมีแฟนคนเดียวก็เสี่ยงได้ครับ เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าไปทำอะไรมาบ้าง เราจำเป็นต้องไว้ใจเค้าสุด ๆ เลยนะครับ
- แฟนที่ทำให้ผมติดเชื้อยังคบกันอยู่นะครับ เพราะเค้าดูแลผมดีมาก ผมก็หายโกรธแล้วด้วยแต่บางครั้งก็จะพูดกัดเค้าด้วยเรื่องนี้หน่อยครับ
- กับพ่อแม่ก็พอรู้ว่าผมติด ก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเลยครับ ไม่กล้ากินข้าวหรือกินน้ำร่วมกับผมด้วย ไม่เคยถามอาการหรือการดูแลของผมเลย แอบน้อยใจนะครับ แบบนี้ไม่บอกดีกว่าครับ แต่ก็เอาที่เค้าสบายใจครับ
- การรู้และติดตามค่า VL และค่า CD4 เป็นเรื่องสำคัญของคนเป็น HIV

ค่า CD4 ครับ ทุกครั้งที่ไปหาหมอจะถ่ายเก็บไว้ตลอดครับ เพื่อดูว่าเราดูแลตัวเองดีไหม

- มีหลายคนที่รู้ว่า ผมมีเชื้อ HIV นะครับ ทั้งเพื่อนที่ทำงานเก่า เพื่อนสนิท พ่อแม่ โดยผมก็เลือกบอกคนที่ไว้ในใจนั้นละครับ
- ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกว่า HIV เป็นเงื่อนไขในการหาแฟน หรือการเข้าสังคมหรืออะไรต่ออะไรเลยครับ มันไม่สำคัญเลยว่าใครยอมรับเราครับ มันสำคัญที่เรายอมรับตัวเราเองหรือเปล่า
- กับ HIV มันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะมากครับ ผมได้รู้จักกับหมอที่สภากาชาดที่ทำงานอย่างหนักเพื่อผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ผมได้รู้จักเพื่อนที่เป็น HIV ด้วยกันซึ่งทุกคนใช้ชีวิตมีความสุขดีครับ นอกจากนี้ผมยังแอบให้คำปรึกษาคนที่มีปัญหาคล้าย ๆ ผมอยู่เรื่อย ๆ ครับ
- HIV ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ ยาต้านก็มีคุณภาพที่ดีมาก เราใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติเลยครับ สิ่งที่น่ากลัวคือใจคนที่ชอบดูถูกคนอื่นครับ

สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับ ผมจะพยายามเข้ามาแก้ไขเนื้อหาเผื่อมีข้อมูลอะไรตกหล่นให้นะครับ
และ ผมไม่ได้ตั้งกระทู้นี้เพื่ออย่างได้กำลังใจนะครับ เพราะผมไม่ได้รู้สึกเลยว่า HIV มันทำให้คุณค่าในตัวผมลดลงหรืออะไรนะครับ ผมยังเป็นผมเหมือนเดิม คนเดิมเพิ่มเติมกินวิตามินสี่ทุ่มครับ

แต่ประเด็นหลักคือผมอยากแชร์เรื่องของผมเป็นความรู้ให้กับคนที่อาจเจอปัญหาอย่างผม นะครับ มันไม่ค่อยมีคนมาบอกเรานะครับว่าตรวจเจอแล้วทำยังไงต่อ มีแต่บอกให้ป้องกันอย่างเดียวนะครับ


เพี้ยนขอบคุณ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่