สวัสดีจ้า กลับมาอีกครั้งกับทริปของผม ครั้งนี้เป็นการไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กับ 2 จังหวัดเมืองรองของไทยอย่าง อุทัยธานี และสุโขทัย ทริปนี้อาจไม่สมบุกสมบันมาก เนื่องจากต้องไปกับครอบครัว ที่มี ผู้สูงอายุไปด้วย 3 คน แต่บอกเลยว่าท่านใจสู้ทั้งนั้น แต่เราก็ยังหาความลำบากเล็กๆ มาฝากท่าน เลขมีการติด Hashtag ให้ทริปนี้ว่า #แกงบวชคนแก่ 555+ หยอก
วันที่ไป : 19 - 21 พฤศจิกายน 2564
ค่าใช้จ่าย : 4 - 5 พันบาทต่อคน รวมน้ำมันรถ
.... พร้อมยังล่ะ .... พร้อมก็มา
วันที่ 19 พฤศจิกา (เดินทางแต่เช้า ลุยกันยันเย็น)
ทริปนี้ผมออกเดินทางตั้งแต่ตี 5 นิด ๆ เพื่อที่จะได้เก็บที่เที่ยวสำคัญๆ ของอุทัยฯ ให้เยอะๆ เพราะมีมากเหลือเกิน โดยผมขับรถส่วนตัวไปถึงประมาณ 8 โมง เช้า แบบยังไม่ได้กินข้าว มาถึงก็มารอเข้าชม "วัดท่าซุง (จันทาราม) วัดที่มีขนาดใหญ่มาก และมีศาสนสถานที่วิจิตรมากมาย
ผมเริ่มเข้าไปไหว้พระในนี้ก่อนนะครับ บอกเลยว่า มาตรการป้องกันโควิดเข้มมาก ต้องโชว์การฉีดวัคซีนทั้ง 2 ครั้งให้ดู สแกนแอปไทยชนะ และสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเข้าชม และสักการะ บอกเลยว่า อุทัยธานีจัดการเรื่องนี้ได้เยี่ยมมากก ชื่นชม
อาคารนี้เรียกว่า ปราสาททองคำ ตกแต่งด้วยทองคำเกือบทั้งหลัง ซึ่งเป็นการสร้างถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเสวยราชย์เป็นปีที่ 50
เป็นไฮไลท์ของวัดนี้อีก 1 ที่ วิหารแก้ว 100 เมตร เป็นวิหารที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณะภาพ ภายในสร้างด้วยโมเสกสีขาว และใสเหมือนแก้ว เวลาเข้าไปเหมือนอยู่ในเหมืองคริสคัล แบบไหนแบบนั้น ภายในประดิษฐานกระพุทธรูปจำลองพระพุทธชินราช
สำหรับใครที่เดินทางไปแล้วเจอป้ายว่า วิหารแก้ว 100 เมตร อย่าบ๊องเหมือนผมนะ คือที่นี่ชื่อ วิหารแก้ว 100 เมตร ตอนผมอ่านป้าย ก็นึกว่าอีก 100 เมตรถึง ปรากฎขับมาได้สัก 50 เมตร ก็เจอป้ายนี้อีก ก็งงนะ ว่าเอ๊ะ เมื่อกี้ก็บอก 100 เมตร มันยังไงกันนะ 555+ มาถึงบางอ้อตอนอยู่หน้าวิหารว่านี่เป็นชื่อของวิหารจ้า
เสร็จจากวัดท่าซุง เรามาต่อที่วัดสังกัสรัตนคีรี ซึ่งเป็นวัดที่อยู่บนภูเขาภายในตัวเมืองอุทัยธานี ด้านหน้ามีบันไดพญานาค ที่จะพานักท่องเที่ยวขึ้นไปสักการะพระด้านบน อ่อ สำหรับใครที่ได้แวะไป ฝากนับขั้นบันไดหน่อยนะ เรากับคนที่ไปด้วยกัน เถียงจำนวนกันไม่จบสักที 555+
เมื่อขึ้นไปด้านบนก็จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองอุทัยธานีแบบมุมกว้างได้ แหม่ะ เห็นแบบนี้ไม่เล็กนะคร้าบ บอกเลยย พอเสร็จจากนี้ก็ไปกินข้าวที่ตรอกโรงยาครับ ยังไม่มีอะไรมากมาย เลยจะขอพาไปที่เที่ยวต่อไปก่อนนน
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวต้องไปก็คือ บ้านชายเขา หรือที่คนในพื้นที่เคลมว่าเป็น "สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย" ซึ่งถ้าดูจากภาพก็สวยดีนะ แต่เอาจริง ผมไม่เคยไปสวิตเซอร์แลนด์ เลยไม่รู้ว่าเหมือนไม๊ แต่จะมีอยู่ไม่กี่ช่วงถนนที่ได้ภาพกว้างแบบนี้นะครับ ขับลึกเข้าไปจะเริ่มเจอสายไฟ เสาไฟ ซึ่งไม่รู้ว่าที่สวิตเขามีแบบนี้หรือเปล่า ฮาาาา
อ้อ ถ้าใครมีโดรนแนะนำเลยว่าควรพกไปที่ไหน แต่เราไม่มี ได้แค่จากภาคพื้นดินไปก่อนนะฮะ 555+ อีกอย่าง แนะนำไปเย็นหรือเช้าจัดๆ นะ เราไปตอนเที่ยง บอกเลยว่า ร้อนตับแหกกกกก
ถัดจากสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ก็มาต่อที่ หุบป่าตาด อีกหนึ่ง unseen ที่น่าไป ลักษณะจะเป็นหุบที่ล้อมรอบด้วยเขา ทำให้ภายในไม่ถูกรบกวนโดยมลภาวะด้านนอกมากนัก ทำให้มีต้นไม้ใหญ่มากมาย รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่หาดูได้แค่ที่นี่ คือ "กิ้งกือมังกรสีชมพู" น้องจะอยู่ตามพื้นนะ ดูดีๆ ล่ะ ระวังอย่าเหยียบ นอกจากนี้ภายในหุบจะมีหินขนาดใหญ่ ไว้ให้แอคท่าถ่ายรูปอย่างเยอะ เรียกได้ว่า ถ้ามีตากล้องไปด้วย ก็อยู่ได้เป็นชั่วโมง อ่อแล้วพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นี่เป็นที่ถ่ายทำละครเรื่อง "นาคี" ด้วยนะเอออ
หลังจากออกมาจากหุบป่าตาดก็เจอวิวแบบนี้ตลอดทาง ต้นข้าวเขียวๆ เขาเตี้ยๆ และทางตรงแด่ว สวยงามมาก
มาต่อกันที่ สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของวันนี้ "ฝายกันน้ำปางสวรรค์" ดูภายนอกก็เหมือนฝายกันน้ำธรรมดาแหล่ะ แต่ถ้ายอมเปียกหน่อย ลงเดินเข้าไปก็จะได้พบกับ ซีนที่น้ำตกลงมา ถ่ายรูปได้สวยมากเลย แต่ระวังหน่อยก็ดีนะ เพราะมีบริเวณที่มีตะไคร่เกาะมาก ทำให้อาจจะลื่นล้มได้ เพราะงั้นเราควรเกาะด้านข้างฝายไปดีฟ่าจ๊ะ
รูปนี้บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่เปิดสปีดชัตเตอร์ต่ำๆ ให้มันฟุ้งๆ เหมือนเวลาถ่ายน้ำตก บอกตรงๆเลย ทำไม่เป็น และทุกภาพที่ถ่ายมานี้ ถ่ายด้วยมือถือ ซึ่งก็ทำไม่เป็นอยู่ดี 5555
หมายเหตุ มื้ออาหารเย็นที่ไปกิน คือร้านเลื่องชื่ออย่าง "เจ๊ดาปลาลวก" โอโหร้านนี้แจ่มมากก อาหารอร่อย ถูก แต่ต้องกะเวลาดีๆ ช่วงพีคๆ คนเยอะมาก นี่โชคดีว่าไปตอนคนน้อยละ
วันที่ 20 พฤศจิกา (สะสมแต้มบุญ มุ่งหน้าขึ้นเหนือ สู่สุโขทัย)
ช่วงเช้าได้มีโอกาสขับรถเข้าไปตลาดริมน้ำสะแกกรังเพื่อใส่บาตรริมน้ำ ซึ่งขอบอกเลยว่าประทับใจมาก บรรยากาศอบอุ่น อาหารอร่อย อากาศเย็นนิสนิสสสส 555+ ใครอยากได้ปลาสดๆ ราคาถูกๆ หรือไม่ก็พวกผักหญ้า ซื้อกลับกรุงเทพบอกเลยว่าที่นี่ราคาน่ารักมากก
หลังจากใส่บาตรเสร็จเราก็กลับมาที่รีสอรท์ แพคของเดินทางสู่จังหวัดสุโขทัยกัน ซึ่งไปถึงก็หิวข้าวกลางวันพอดี จึงไปโดนที่ร้านไม้กลางกรุง ร้านอาหารเล็กๆ (หรือเปล่า) แต่อาหารโคตรดี เรา และครอบครัว กินกันไปคนละ 2 อย่าง แน่นพุงไปหมด ปรากฏว่าเช็คบิลออกมา ถูกกว่าที่คิดดดด
เมนูแนะนำ ... ทุกอย่างแหล่ะ ลองสั่งมากินสักอย่างสองอย่าง จะรู้เองว่าอร่อย แต่สำหรับความคิดเรา ยกเว้น ปากหม้ออัญชัญนี่แหล่ะ ที่หวานไปนิสสส แต่อาจจะเป็นรสชาติของคนจังหวัดสุโขทัยกะได้ เลยไม่อยากตัดสินว่าไม่อร่อย
หลังจากกินเสร็จ เราก็ไปเข้าที่พัก ชื่อ Foresto ดีนะ ดีมากเลยแหล่ะ สะอาดสะอ้าน ก่อนเข้าพักตรวจเอกสารโควิดเยอะมาก ถือว่าดีเลย
เสร็จจากเก็บของ เราก็ไปไหว้ ศาลพระแม่ย่า และแว้บไป ทุ่งทะเลหลวง แต่ fail จ๊ะ เพราะไปหลัง 4 โมง เขาไม่ให้เอารถเข้า ซึ่งญาติเราคงเดินเข้าไปไม่ไหว เลยขับวนๆ รอบๆ เก็บภาพเอา สวยเหมือนกันนะ
เสร็จจากตรงนี้เรา แว้บไปตลาดนัดตรงวัดราชธานี และมีโอกาสได้ไปร่วมงานลอยกระทงของสุโขทัยพอดี โชคดีจ๊าดดด เค้าจัดเป็นวันสุดท้ายพอดี และได้ดูงานที่เลิศขนาดนี้
งานลอยกระทงปีนี้ ยิ่งใหญ่มาก ทางจังหวัดมีการจัดไฟตามโบราณสถานแบบจัดเต็ม รวมถึงการวางเทียนประดับเป็นหมื่นดวงเลย เราดูแล้วทึ่งมาก ตอนเดินเข้างานแอบได้ยินกลุ่มข้างหลังร้องว่า "ซุโก้ยยยย" รู้เลยนะครับ ว่าเป็นคนญี่ปุ่นน เค้ายังทึ่งในงานบ้านเราเลย น่าภูมิใจแทนจังหวัดมากก
ในงานมียิงพลุด้วยนะ แต่คือกล้องมือถือเราสามารถแค่นี้จริงๆ 555+ แต่ของจริงสวยมากกก พอเสร็จตรงนี้ก็กลับไปพักผ่อนแบบอิ่มเอม เตรียมตัวพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า เพราะเราจะไป "ดอยเขามุ้ง"
วันที่ 21 พฤศจิกา (ตามล่าทะเลหมอก แต่เช้าตรู๋)
เราออกเดินทางตอนตี 5 จาก foresto มุ่งหน้า อ.ศรีสัชนาลัย สู่ดอยเขามุ้ง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างทางจะแอบเห็นหมอก ที่ภาคพื้นดินประปราย พอไปถึงที่นัด (ที่วัดปลายนา ซึ่งหายากมาก ไม่ขึ้นใน GPS แนะนำให้กดไปที่ โรงเรียนบ้านตึก อะไรแบบนี้ มันอยู่ไม่ห่างมาก) การเดินทางขึ้นดอยมี 2 แบบใหญ่ๆ คือ รถไถนา หรือ รถแต๊กๆๆๆๆ จะใช้เวลา 30 นาที แต่จะได้ฟีลสัสๆ ส่วนผมเลือกแบบ 2 คือ รถโฟร์วีล เพราะมีคนสูงอายุมา ไม่อยากให้กระแทกเยอะ
ข้างบนไม่ได้ใหญ่มาก แค่เดินเล่นได้ 15 นาที ก็รอบละ มีคนไปกางเต๊นท์ข้างบนเหมือนกัน เขาคิดคนละ 50 บาท เอง โดยพี่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าช่วงเช้า หมอกจะหนาแน่นมาก แต่เราไปสาย เลยเห็นแค่นี้ แต่ก็เอาเหอะ แค่นี้ก็โอเคแล้วว
หลังจากนี้ก็กลับมาเก็บของที่รีสอรท์ เตรียมตัวกลับบ้าน สิ่งนึงที่ได้จากทริปนี้เลย พบว่าชีวิตเรามีเรื่องให้ด้นสดมากกกเหลือเกิน 555 แค่ปล่อยให้ประสบการณ์พาไปบ้าง ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าบางก็ดี
เอาล่ะครับ วันนี้ก็หมดแค่นี้ก่อนนะครับ จริงๆ แล้วมีเรื่องที่ไม่คาดฝัน และตื่นเต้นช่วงที่อยู่ที่อุทัยอยู่หน่อย แต่ไม่ได้พิมพ์ไปเพราะกลัวจะยาว แต่ถ้าใครอยากรู้ลองทักส่วนตัวมากถามดูก็ได้ครับบบ วันนี้ไปก่อนนะ กด ไลค์ กด Share เป็นกำลังใจให้ด้วยเน้ออออ
[CR] เปิดใจให้ 2 เมืองรอง อุทัยธานี - สุโขทัย เมืองไม่ใหญ่ แต่ไปไม่เบื่อ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้