พ่อเราคิดว่าคนตจว.ลำบากกว่าเด็กกทม. จริงหรอ?

พ่อเราชอบพูดกรอกหูเราเสมอว่าเด็กตจว.ลำบากอย่างนั้นลำบากอย่างนี้ ซึ้งในความเป็นจริงที่เรามีเพื่อนตจว.นั้นเค้าแถบไม่ลำบากอย่างที่พ่อบอกเลย ฐานะดีกว่าที่บ้านเราด้วยซ้ำค่ะ ละประเด็นที่พ่อเราชอบคือตั้งแต่มีโควิดรายได้มันน้อยลงบ้านเราที่ขายแค่เกมมันอยู่ไม่ได้เท่าเมื่อก่อนเลยเปลี่ยนมาขายกับข้าวค่ะ เปิดร้านที่ตลาดกลางคืน ละเค้าเห็นว่าเราเรียนออนไลน์เลยให้มาช่วยงาน เรื่องช่วยงานเราก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า เปิดร้าน5โมงปิด4ทุ่ม แต่ๆไม่ได้กลับบ้านนะคะ อย่าลืมว่าเรามีร้านเกมอีก พ่อหอบเรากะแม่มานั่งเฝ้าเค้าดูกล้องค่ะ ไหนบางวันต้องไปตลาดซื้อของสดมาขายกับข้าวต่ออีก ซึ่งทำให้เราได้กลับถึงบ้านจริงๆประมาณตี 3 ค่ะ เพราะกว่าจะดูกล้องเสร็จก็ปาไปตี1เกือบๆตี2ละ กลับไปก็ต้องล้างของที่ขายกว่าจะอาบน้ำนอนก็ปาตี 5 ค่ะ บางวัน6โมงเช้าด้วยซ้ำที่ได้นอน แล้วต้องตื่นมาเรียนตอน 9 โมงค่ะแล้วเลิกอีกทีคือตอน 4 โมงเย็น มันทำเราคิดว่าร่างกายคงไม่ไหวแน่ๆ ไหนตอนเรียนก็ต้องเตรียมของขายไปด้วยมันทำเราไม่มีสามธิกับการเรียนสักเลยค่ะ พอเราบอกพ่อ เค้าก็ตอบมาว่าก็ไม่ต้องเรียน... เราเลยบอกว่างันก็ไม่ต้องดูกล้องก็ได้ไปเคลียร์เงินที่ร้านเกมละกลับบ้านจะได้นอนเร็วๆ พอบอกไปอย่างนั้นเค้าก็บอกว่า"ได้อยากเรียนมาก เด่วจะให้เรียน เงินไม่ต้องเอา ออกให้แค่ค่าเทอม เด่วจะหาลูกจ้าง" แล้วก็ด่าว่าคนนั้นคนนี้ลำบากกว่าเรา🥲 เราเลยคิดว่าทำไมชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้งอยากให้คนอื่นเข้าใจตัวเองทั้งที่ตัวเองไม่คิดจะเข้าใจคนอื่น ละตอนเตรียมของตัวเองก็ไม่ได้ช่วยสักอย่าง ตื่นก็สายกว่าทุกคนกลับบ้านมาก็ไม่ทำอะไรเลย อาบน้ำขึ้นฟ้องให้แม่หาข้าวให้ละนอน เราอยากถามค่ะว่ามีทางแก้ปัญหาอะไรไหมค่ะกับความคิดเอาตัวเองเป็นที่ตั้งของพ่อเราน่ะค่ะ 
👉งดคำหยาบนะคะ เน้นช่วยออกความคิดเห็นที่สุภาพ👈🙏 
ปล.เราลืมบอกไปเราอยู่มหาลัยแล้วนะคะอีก2ปีจบค่ะแต่โดนพูดงี้ใส่ เราก็เลยมีความคิดว่าถ้าอยากให้หางานทำขนาดนั้นไม่ให้เรียนปวส.แต่แรกที่ขอไปก็จบแล้ว ไม่งันเราไม่มานั่งเครียดหรอกว่าจะตื่นมาเรียนยังไง ขอบคุณค่ะ🙏
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่