คัดลอกคำสอนเรื่องปัฏฐาน จำนวน 400 (เล่มกลาง)+ 320 หน้า(เล่มยักษ์สุด) ปัจจุบันเหลือ 170 หน้า ก็จะลงพันธ์ทิพย์จบ

กระทู้สนทนา
- ก็เป็นความตั้งใจทบทวนการเรียนเรื่องคัมภีร์ปัฏฐานอีกครั้ง โดยเอาที่จดไว้มาลอกลงในพันธ์ทิพย์ พร้อมกำกับเวลา เพื่อสะดวกในการติดตามฟังเรื่องยากที่อาจารย์ท่านสอนแบบให้เข้าใจได้ง่ายๆและด้วยปัญญาของอาจารย์ที่จำแม่นมากๆได้สังเคราะห์จากตำราต่างๆประสบการณ์ต่างๆของท่านเอามาสอนในเรื่องคัมภีร์ปัฏฐาน รวมถึงการที่ตัวท่านก็เป็นอาจารย์สอบอารมณ์ให้กับพระ ปุถุชน ที่ฝึกกัมมัฏฐาน โดยเฉพาะวิปัสสนากัมมัฏฐาน
- อนุมานว่า หลายท่าน ก็ได้ไปฟังล่วงหน้าและจบทั้ง 17 บทแล้ว เพราะไม่อยากรอความช้าที่กว่าจะลอกออกมาแต่ละตอนๆ 
- แม้ว่าอาจารย์จะสอนอย่างละเอียด เรียนเรื่องเดียว เหมือนเรียนเรื่องตั้งแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน บัญญัติ และอื่นๆด้วยเลย ก็เหมือนกับผม ตอนที่เรียนเรื่องปฏิจจสมุปบาท ก็จะย้อนไปศึกษาเองฟังเอง เรื่องจิต แล้วก็เลยฟังมาเรื่อยจนกระทั่งต้องมีการจดบันทึกลงสมุด
- สมุดที่จดไว้ทีแรกก็กะว่าไว้อ่านทบทวนตรงที่สงสัยไม่เข้าใจในกาลต่อๆไป แต่ทว่าเมื่อมีการคิดทำบันทึกลงในพันธ์ทิพย์ ก็ทำให้ ได้ฟังอีกรอบหนึ่ง พร้อมทั้งสอบทานที่จดไว้ และค่อยๆพิจารณาพิมพ์ลงกระทู้พันธ์ทิพย์ทีละประเด็น ทีละช่องความคิดเห็น เพื่อสะดวกในการติดตามอ่าน ฟัง และค่อยๆทำความเข้าใจทีละความเห็นในกระทู้ 
- บางครั้งในบันทึกการสอนที่ลงไปแล้วก็สามารถตอบคำถามท่านสมาชิกที่ได้ตั้งกระทู้ขึ้นมา ได้ แต่ผมก็ก๊อปไปแปะตอบให้บ้าง ไม่ได้ไปแปะตอบให้บ้าง 
- เมื่อตัวหนังสือในสมุดจดเรื่องปัฏฐานของผม กลายมาเป็น กระทู้ปัฏฐานในพันธ์ทิพย์ และเป็นคำสอนของอาจารย์ที่จดคำต่อคำ ไม่ใช่คิดเองเขียนเอง เพราะเมื่อศึกษาพระธรรมไปมากๆเข้า กลับไม่กล้าตอบโดยใช้ความคิดตนเอง หรือด้วยความเข้าใจของตนเอง (ปุถุชน) ก็ได้แต่อ้างอิงพระอรรถกถาจารย์ อาศัยพระไตรปิฏกแปลไทยทุกฉบับ และคำสอนของอาจารย์มาตอบ เช่นเรื่อง ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นต้น ก็ต้องอาศัยข้อความในพระไตรปิฎก พระอรรถกถาจารย์ และคำสอนของอาจารย์ที่เผอิญเรียนพอดีมาแปะไว้ 
- ก็ไม่รู้ว่าการคัดลอกลงพันธ์ทิพย์จะจบเมื่อไหร่ เหลืออีกไม่กี่ตอน ซึ่งถ้าทำแบบเอาจริงเอาจัง ไม่ถึงสัปดาห์ก็น่าจะคัดลอกจบหมด แต่ทว่า นิวรณ์เยอะครับ
- ก็เป็นการเรียนพระธรรมนะครับ 
- การเรียนอย่างนี้ เรียนมากก็รู้มาก โดยเฉพาะรู้ว่า ที่พูดกันมากๆว่าเรียนไปทำไม ก็ได้แต่หัวเราะในใจ ว่าดีนะที่ไม่เชื่อพวกที่กล่าวว่าเรียนไปทำไม 
- เวลาฟังใครพูดใครสอนเรื่องธรรมมะ ก็สามารถพิจารณาตามได้ พิจารณาทำความเข้าใจได้เป็นอย่างดี
- เวลาใกล้ตายหากการบันทึกนี้สำเร็จลง แล้วดันคิดได้ตอนใกล้ตาย น่าจะไปเกิดในกามสุคติภูมิ 7 แต่ถ้าดันนึกถึงความชั่วที่ได้ทำไว้ก่อนศึกษาพระธรรม ก็น่าจะไป อบายภูมิ 4 อย่างไม่ยากเย็นและอนุมานได้
- อนุโมทนาสำหรับท่านสมาชิกที่ได้ศึกษาตาม แล้วเกิดขยายผลได้กว้างขวางต่อไป ทุกท่านนะครับ
- ในแง่การศึกษา ในโลก การเรียนมากรู้มาก นั้นก็มีประโยชน์มากๆครับ แต่ปัญญาที่จะนำไปใช้ให้เกิดผลสำเร็จนั้น ก็อยู่ที่แต่ละตัวบุคคลที่สร้างสมความเพียรกันมานะครับ 
- เพียงแค่เรียนแล้วเข้าใจ พยายามรักษาศีล รักษากายวาจาใจ ไม่ให้เกลื่อนกล่น พยายามคิดดีพูดดีทำดี พยายามไตร่ตรองพระธรรมที่ได้เรียนมากับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตจริงในทุกๆวัน เมื่อมีโทสะเกิดบางครั้งโทสะก็ระเบิด แล้วก็มามีสติได้ในกาลหลังๆพิจารณากรรมด้วยวาจาใจที่เกิดจากโทสะนั้น บางทีก็สลดใจ แม้เรียนมามากอย่างนี้แล้ว แต่ด้วยปกตูปนิสสยปัจจัย ความแรงกล้าส่งผล บางครั้งก็ระเบิดเถิดเทิง แต่เรียนแล้วดีหน่อยที่มีความรู้ไตร่ตรองเรื่องราวได้ เพียงแต่คิดได้ในเวลาต่อมา
- คิดๆไป ก็น่าอัศจรรย์ ที่สามารถเรียนแล้วเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น ส่วนหนึ่ง บังเอิญเจอ อาจารย์สอนในยูตู๊บท่านนี้ ไม่รู้จัก ไม่เคยพบ แต่ทำให้เข้าใจเรื่องพระธรรมที่ยากได้อย่างง่ายๆ คงเป็นเพราะตามที่อาจารย์ว่า คือ เรียนมาเยอะแล้วในภพก่อนๆ แม้ภพนี้จะตั้งต้นเชื่อผิดๆมาก่อน แต่ก็ได้เจอพระสัทธรรมที่ตรงทางจนได้แม้จะยามจะแก่แล้วก็ตาม
- สรุป เหลืออีก 170 หน้าในสมุดเล่มใหญ่ก็จะคัดลอกคำสอนเรื่องปัฏฐานของอาจารย์สำเร็จครับ หวังว่าคงไม่ไปเกิดใหม่ก่อนนะครับ ก็จะได้ใช้สำหรับท่านสมาชิกที่สนใจต่อไป นึกแล้วปลื้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่