กระทู้นี้มาแชร์วิธีการเเนวทางของตัวเองจากเด็กกศน.มาต่อมหาลัย#Dek64 เริ่มตั้งเเต่0หาข้อมูลทุกอย่างเองหากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
อันดับเเรกคือเด็กกศน.ต่อมหาลัยได้เเน่นอนทุกสาขาอยู่ที่เกณฑ์การรับสมัครและข้อกำหนดของมหาลัย โดยวิธีการเข้ามหาลัยทั่วไป คือ การสอบในระบบกลางเพื่อนำคะแนนไปเทียบกับคนอื่นๆที่ต้องการเข้าสาขาและมอ.เดียวกันกับที่เราเลือก(แบ่งเป็นรอบๆวิธีการแต่ละรอบต้องศึกษาเพิ่มเติมเอานะคะไม่งั้นยาวเเน่ๆรวมไปถึงการสอบgat,pat/วิชาสามัญ/O-netอันนี้ไม่เเน่ใจว่าหลัง64ใช้อยู่ไหม)และมีวิธีอื่นที่ไม่ต้องยื่นคะแนนก็เข้าได้อยู่ค่ะ
กลับมาที่วิธีเข้าจิตวิทยาโดยส่วนตัวเริ่มจากหาก่อนว่า จิตวิทยาคืออะไร? มีสาขาอะไรบ้าง? เปิดสอนในไทยที่ไหนบ้าง? จากนั้นเลือกสาขา/มหาลัยที่ต้องการ(เลือกไว้หลายๆที่) ต่อมาคือไล่ดูเกณฑ์การสมัครแต่ละมหาลัยว่ากำหนดอะไรไว้ในแต่ละปีมีคะแนนคนสมัครมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการเข้ามีตั้งเเต่สมัครสอบทั่วไปจนถึงไม่ต้องสอบ ค่อยๆตัดตัวเลือกไปเรื่อยๆมีเหตุผลอื่นเข้ามาประกอบอีก เช่น ระยะทาง ค่าใช้จ่ายค่าครองชีพ ความสะดวก ฯลฯ
ขอสรุปเป็นข้อๆดังนี้
-วุฒิจบของจิตวิทยามี2อย่างคือ 1.วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ) 2.ศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) แต่ละมอมีวุฒิต่างกันไป เท่าที่ทราบมาไม่ได้มีผลต่อการเรียนหรือทำงานมากขนาดนั้นถ้าไม่ได้เลือกสายที่ต้องสอบใบประกอบวิชาชีพ(คลินิก)
-มหาลัยมีทั้งรัฐเเละเอกชน การเรียนมีภาคปกติเเละภาคพิเศษแล้วเเต่มหาลัยที่เปิดสอน เช่น *ม.รัฐที่เปิดภาคปกติ จุฬา มช มธ มก มน. ม.ศรีนครินทร์ ม.ศิลปากร ม.บูรพา ม.สงขลา ม.มหาสารคาม ม.รามคำแหง (จุฬามีแบบนานาชาติด้วย) *ม.รัฐภาคพิเศษ มก. *ม.เอกชนภาคปกติ ม.เซนต์หลุยส์ ม.เกษมบัณฑิต !!!ใดๆก็ตามข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงและมีบางมอ.ที่ไม่ได้กล่าวถึงโปรดเช็คกับข้อมูลมหาลัยในปีนั้นๆอีกรอบ!!!
-แต่ละมอ.เปิดสอนเเละโดดเด่นเเต่ละสาขาต่างกันไป หากเลือกสาขาได้ตั้งเเต่เเรกจะง่ายต่อการเลือกมอ.หรือหากเลือกไม่ได้ก็มีแบบเรียนไม่ลงลึกเฉพาะสาขา4ปี
-ขอยกตัวอย่างจากตัวเองที่เริ่มหาจากสาขาคลินิกโดยสาขานี้หากทำงานตรงสายต้องสอบใบประกอบวิชาชีพและบุคคลที่จะสอบได้ต้องจบสาขาจิตวิทยาคลิกนิกซึ่งในไทยมหาลัยที่ได้รับการรับรองมี มช. มน. มก. มธ. ม.มหาสารคาม ม.สงขลา ม.เซนหลุย์สเท่ากับมี7ที่จากนั้นดูเกณฑ์แต่ละที่ ปี64มี4รอบ
-รอบเเรกคือPortfolio ไม่ต้องยื่นคะแนนสอบแต่เป็นการโชว์ความสามารถโชว์ผลงานตัวเองแทน(ไม่ได้ยื่นรอบนี้เลยไม่มีข้อมูลให้จริงๆค่ะ)
-รอบ2คือโควต้า มีการใช้คะแนนสอบเข้ามาโดยโควต้าเเต่ละมอ.จะแบ่งย่อยไม่เหมือนกันรวมถึงเกณฑ์กำหนดสมัคร เช่น โควต้าเรียนดี/โควต้านักกีฬา/โควต้าพื้นที่-ผู้สมัครต้องอาศัยอยู่พื้นที่ที่กำหนดอย่าง มน.ต้องอยู่ในภาคเหนือไม่กำหนดแผนการเรียนยื่นคะแนนเป็นตัวตัดสิน มช.ก็มีเหมือนกันเเต่กำหนดแผนการเรียนไว้หรือพื้นที่ที่กำหนดให้ของเราไม่ตรง คุณสมบัติในการสมัครไม่ครบเลยไม่ได้ยื่นของมช. ส่วนตัวรอบ2เลยมีโอกาส1ที่คือ มน.และก็สอบติดที่นี้ มีหลายเหตุผลที่ทำให้มอ.นี้เป็นตัวเลือกดีที่สุดสำหรับเราเลยไม่ไปเสี่ยงต่อรอบ3
*คู่แข่งรอบ2น้อยกว่ารอบ3
-รอบ3Admission ยื่นคะแนนสอบเเข่งกับเด็กทั้งทั้งประเทศที่เลือกมอ.เเละสาขาเดียวกัน มีเกณฑ์และรายละเอียดอื่นๆอีกควรศึกษาเพิ่มเติม
-รอบ4รับตรงอิสระ รอบสุดท้ายต้องลุ้นว่ามีที่เหลือจาก3รอบแรกไหมถ้าเหลือก็ต้องไปแข่งกันอีกตามเกณฑ์ที่กำหนด(ไม่ได้ศึกษารอบนี้จึงไม่มีข้อมูลแต่ละที่ให้)หรือมีกรณีมหาลัยเปิดรับเพิ่มเกินจากที่กำหนดไว้ในปีนั้น
-ม.รามคำแหงสมัครผ่านมอ.ได้เลย ไม่จำกัดจำนวนรับ การเรียนส่วนใหญ่เรียนด้วยตัวเองมีบางวิชาบางกิจกรรมที่ต้องเข้าเรียน
-ม.เซนหลุย์ส มีการยื่นคะแนนในส่วนกลางปกติและรับสมัครโดยตรงกับมหาลัยนอกเหนือจากระบบ
!!!ข้อที่ผิดพลาดควรระวัง!!!
-อ่านเกณฑ์ให้ครบถ้วนชัดเจน
-สมัครสอบให้ครบ(เพราะนี่ลืมสมัครไป1ตัวเลยตัดโอกาสตัวเองในรอบ3ไปด้วย)
-ศึกษา/เตรียมตัว/วางแผนและจัดการทุกอย่างรวมถึงตัวเองให้ดีๆเพราะสามารถเพิ่มโอกาสสอบติดให้ได้จริงๆ
-มีโอกาสลองได้ลอง เสี่ยงได้เสี่ยงถ้ามันจะตันเเล้วจริงๆหรือโอกาสที่จะได้น้อยเเค่ไหนก็ลองดูก่อน
**ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเลือกส่วนตัวที่เลือกจากความต้องการสาขาเดียวจริงๆ(ตอนเลือกมีสาขาอื่นด้วยก็จะดีนะคะจะได้มีทางเลือกเยอะๆปกติคนอื่นก็มีหลายสาขาแต่เรารักเดียวใจเดียวเกินไป!!ฮ่าๆ)และโปรดหาข้อมูลเพิ่มเติมทุกส่วนเนื่องจากเป็นการพูดถึงคร่าวๆไม่ได้ลงรายละเอียดรวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อยครั้ง**
*เนื้อการเรียนกศน.ไม่พอต่อการสอบมหาลัยอย่างมากต้องเรียนเพิ่มหนักจริงๆขนาดเด็กในระบบก็ยังต้องเรียนเพิ่มบางคนเตรียมตัวมาเป็นปีๆ (เราใช้เวลาทั้งหมด7เดือนไม่พอจริงๆค่ะเพราะเนื้อหาที่เอามาสอบเป็นแบบมีพื้นฐานตั้งแต่ม.ต้นเพิ่มระดับความยากขึ้นมาเป็นม.ปลาย4-6แถมมีที่ออกนอกเหนือจากในหลักสูตรอีก)เราที่เนื้อหาไม่เท่าเขาก็ต้องขยันเพิ่มอีกเท่าตัวนะคะการแข่งขันมันสูงมากจริงๆ*
*เราเรียนเสริมกับติวเตอร์ทั้งหมดใหม่ ใครสนใจสอบถามได้นะคะ มีทุกวิชาคิดเป็นรายชั่วโมง*
*การสอบเข้ามหาลัยทำให้เรารู้หลายๆอย่างว่าต้องแลกทั้งเเรงกาย เเรงใจ เงินที่เป็นตัวสำคัญตั้งแต่เราติวยันสมัครสอบ พูดตรงๆเลยว่าถ้าไม่มีเงินซัพพอร์ตจากครอบครัวเราไม่มีทางเข้ามหาลัยได้เเน่ๆ รู้ถึงความเหลื่อมล้ำ ข้อเสียของระบบที่ดูจะสื่อให้เห็นว่าสนใจแต่เงิน รวมไปถึงในระดับสังคมตอนที่มีการเรียกร้องให้เลื่อนสอบและอื่นๆอีกทุกอย่างมันก่อเป็นความกดดัน นี่ยังไม่นับความคาดหวังทั้งตัวเองเเละครอบครัวอาจจะมีป้าข้างบ้านเข้ามาเกี่ยวอีก😂ความกังวลต่างๆ*
*เราอยากจะบอกถึงคนที่กำลังเผชิญหรือเพิ่งเริ่มสถานการณ์อยู่พยายามต่อไปค่ะแม้ว่ามันทรมาณมากจริงๆแต่อยากขอให้คุณได้พักบ้างไม่ว่าคุณจะรู้สึกยังไงก็ตามได้โปรดยอมรับความรู้สึกตอนนั้นและจะแสดงออกก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เครียด เศร้า ท้อ หมดแรงหมดไฟ ยิ้ม หัวเราะ ดีใจหรืออะไรก็เเล้วเเต่แสดงออกมาได้นะคะยิ่งถ้ามีคนที่ไว้ใจได้อยู่ข้างๆยิ่งดีเลยค่ะลองพักมาใช้เวลากับพวกเขาบ้างนะคะ*
***สิ่งเราสื่อทั้งหมดเป็นมุมมองของเด็ก64เพียงคนเดียวโปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ข้อมูลและไม่ได้มีเจตนาไม่ดีส่อเสียดใดๆทั้งสิ้น***
กศน.เรียนต่อจิตวิทยา
อันดับเเรกคือเด็กกศน.ต่อมหาลัยได้เเน่นอนทุกสาขาอยู่ที่เกณฑ์การรับสมัครและข้อกำหนดของมหาลัย โดยวิธีการเข้ามหาลัยทั่วไป คือ การสอบในระบบกลางเพื่อนำคะแนนไปเทียบกับคนอื่นๆที่ต้องการเข้าสาขาและมอ.เดียวกันกับที่เราเลือก(แบ่งเป็นรอบๆวิธีการแต่ละรอบต้องศึกษาเพิ่มเติมเอานะคะไม่งั้นยาวเเน่ๆรวมไปถึงการสอบgat,pat/วิชาสามัญ/O-netอันนี้ไม่เเน่ใจว่าหลัง64ใช้อยู่ไหม)และมีวิธีอื่นที่ไม่ต้องยื่นคะแนนก็เข้าได้อยู่ค่ะ
กลับมาที่วิธีเข้าจิตวิทยาโดยส่วนตัวเริ่มจากหาก่อนว่า จิตวิทยาคืออะไร? มีสาขาอะไรบ้าง? เปิดสอนในไทยที่ไหนบ้าง? จากนั้นเลือกสาขา/มหาลัยที่ต้องการ(เลือกไว้หลายๆที่) ต่อมาคือไล่ดูเกณฑ์การสมัครแต่ละมหาลัยว่ากำหนดอะไรไว้ในแต่ละปีมีคะแนนคนสมัครมากน้อยแค่ไหน ซึ่งการเข้ามีตั้งเเต่สมัครสอบทั่วไปจนถึงไม่ต้องสอบ ค่อยๆตัดตัวเลือกไปเรื่อยๆมีเหตุผลอื่นเข้ามาประกอบอีก เช่น ระยะทาง ค่าใช้จ่ายค่าครองชีพ ความสะดวก ฯลฯ
ขอสรุปเป็นข้อๆดังนี้
-วุฒิจบของจิตวิทยามี2อย่างคือ 1.วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ) 2.ศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) แต่ละมอมีวุฒิต่างกันไป เท่าที่ทราบมาไม่ได้มีผลต่อการเรียนหรือทำงานมากขนาดนั้นถ้าไม่ได้เลือกสายที่ต้องสอบใบประกอบวิชาชีพ(คลินิก)
-มหาลัยมีทั้งรัฐเเละเอกชน การเรียนมีภาคปกติเเละภาคพิเศษแล้วเเต่มหาลัยที่เปิดสอน เช่น *ม.รัฐที่เปิดภาคปกติ จุฬา มช มธ มก มน. ม.ศรีนครินทร์ ม.ศิลปากร ม.บูรพา ม.สงขลา ม.มหาสารคาม ม.รามคำแหง (จุฬามีแบบนานาชาติด้วย) *ม.รัฐภาคพิเศษ มก. *ม.เอกชนภาคปกติ ม.เซนต์หลุยส์ ม.เกษมบัณฑิต !!!ใดๆก็ตามข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงและมีบางมอ.ที่ไม่ได้กล่าวถึงโปรดเช็คกับข้อมูลมหาลัยในปีนั้นๆอีกรอบ!!!
-แต่ละมอ.เปิดสอนเเละโดดเด่นเเต่ละสาขาต่างกันไป หากเลือกสาขาได้ตั้งเเต่เเรกจะง่ายต่อการเลือกมอ.หรือหากเลือกไม่ได้ก็มีแบบเรียนไม่ลงลึกเฉพาะสาขา4ปี
-ขอยกตัวอย่างจากตัวเองที่เริ่มหาจากสาขาคลินิกโดยสาขานี้หากทำงานตรงสายต้องสอบใบประกอบวิชาชีพและบุคคลที่จะสอบได้ต้องจบสาขาจิตวิทยาคลิกนิกซึ่งในไทยมหาลัยที่ได้รับการรับรองมี มช. มน. มก. มธ. ม.มหาสารคาม ม.สงขลา ม.เซนหลุย์สเท่ากับมี7ที่จากนั้นดูเกณฑ์แต่ละที่ ปี64มี4รอบ
-รอบเเรกคือPortfolio ไม่ต้องยื่นคะแนนสอบแต่เป็นการโชว์ความสามารถโชว์ผลงานตัวเองแทน(ไม่ได้ยื่นรอบนี้เลยไม่มีข้อมูลให้จริงๆค่ะ)
-รอบ2คือโควต้า มีการใช้คะแนนสอบเข้ามาโดยโควต้าเเต่ละมอ.จะแบ่งย่อยไม่เหมือนกันรวมถึงเกณฑ์กำหนดสมัคร เช่น โควต้าเรียนดี/โควต้านักกีฬา/โควต้าพื้นที่-ผู้สมัครต้องอาศัยอยู่พื้นที่ที่กำหนดอย่าง มน.ต้องอยู่ในภาคเหนือไม่กำหนดแผนการเรียนยื่นคะแนนเป็นตัวตัดสิน มช.ก็มีเหมือนกันเเต่กำหนดแผนการเรียนไว้หรือพื้นที่ที่กำหนดให้ของเราไม่ตรง คุณสมบัติในการสมัครไม่ครบเลยไม่ได้ยื่นของมช. ส่วนตัวรอบ2เลยมีโอกาส1ที่คือ มน.และก็สอบติดที่นี้ มีหลายเหตุผลที่ทำให้มอ.นี้เป็นตัวเลือกดีที่สุดสำหรับเราเลยไม่ไปเสี่ยงต่อรอบ3
*คู่แข่งรอบ2น้อยกว่ารอบ3
-รอบ3Admission ยื่นคะแนนสอบเเข่งกับเด็กทั้งทั้งประเทศที่เลือกมอ.เเละสาขาเดียวกัน มีเกณฑ์และรายละเอียดอื่นๆอีกควรศึกษาเพิ่มเติม
-รอบ4รับตรงอิสระ รอบสุดท้ายต้องลุ้นว่ามีที่เหลือจาก3รอบแรกไหมถ้าเหลือก็ต้องไปแข่งกันอีกตามเกณฑ์ที่กำหนด(ไม่ได้ศึกษารอบนี้จึงไม่มีข้อมูลแต่ละที่ให้)หรือมีกรณีมหาลัยเปิดรับเพิ่มเกินจากที่กำหนดไว้ในปีนั้น
-ม.รามคำแหงสมัครผ่านมอ.ได้เลย ไม่จำกัดจำนวนรับ การเรียนส่วนใหญ่เรียนด้วยตัวเองมีบางวิชาบางกิจกรรมที่ต้องเข้าเรียน
-ม.เซนหลุย์ส มีการยื่นคะแนนในส่วนกลางปกติและรับสมัครโดยตรงกับมหาลัยนอกเหนือจากระบบ
!!!ข้อที่ผิดพลาดควรระวัง!!!
-อ่านเกณฑ์ให้ครบถ้วนชัดเจน
-สมัครสอบให้ครบ(เพราะนี่ลืมสมัครไป1ตัวเลยตัดโอกาสตัวเองในรอบ3ไปด้วย)
-ศึกษา/เตรียมตัว/วางแผนและจัดการทุกอย่างรวมถึงตัวเองให้ดีๆเพราะสามารถเพิ่มโอกาสสอบติดให้ได้จริงๆ
-มีโอกาสลองได้ลอง เสี่ยงได้เสี่ยงถ้ามันจะตันเเล้วจริงๆหรือโอกาสที่จะได้น้อยเเค่ไหนก็ลองดูก่อน
**ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเลือกส่วนตัวที่เลือกจากความต้องการสาขาเดียวจริงๆ(ตอนเลือกมีสาขาอื่นด้วยก็จะดีนะคะจะได้มีทางเลือกเยอะๆปกติคนอื่นก็มีหลายสาขาแต่เรารักเดียวใจเดียวเกินไป!!ฮ่าๆ)และโปรดหาข้อมูลเพิ่มเติมทุกส่วนเนื่องจากเป็นการพูดถึงคร่าวๆไม่ได้ลงรายละเอียดรวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบ่อยครั้ง**
*เนื้อการเรียนกศน.ไม่พอต่อการสอบมหาลัยอย่างมากต้องเรียนเพิ่มหนักจริงๆขนาดเด็กในระบบก็ยังต้องเรียนเพิ่มบางคนเตรียมตัวมาเป็นปีๆ (เราใช้เวลาทั้งหมด7เดือนไม่พอจริงๆค่ะเพราะเนื้อหาที่เอามาสอบเป็นแบบมีพื้นฐานตั้งแต่ม.ต้นเพิ่มระดับความยากขึ้นมาเป็นม.ปลาย4-6แถมมีที่ออกนอกเหนือจากในหลักสูตรอีก)เราที่เนื้อหาไม่เท่าเขาก็ต้องขยันเพิ่มอีกเท่าตัวนะคะการแข่งขันมันสูงมากจริงๆ*
*เราเรียนเสริมกับติวเตอร์ทั้งหมดใหม่ ใครสนใจสอบถามได้นะคะ มีทุกวิชาคิดเป็นรายชั่วโมง*
*การสอบเข้ามหาลัยทำให้เรารู้หลายๆอย่างว่าต้องแลกทั้งเเรงกาย เเรงใจ เงินที่เป็นตัวสำคัญตั้งแต่เราติวยันสมัครสอบ พูดตรงๆเลยว่าถ้าไม่มีเงินซัพพอร์ตจากครอบครัวเราไม่มีทางเข้ามหาลัยได้เเน่ๆ รู้ถึงความเหลื่อมล้ำ ข้อเสียของระบบที่ดูจะสื่อให้เห็นว่าสนใจแต่เงิน รวมไปถึงในระดับสังคมตอนที่มีการเรียกร้องให้เลื่อนสอบและอื่นๆอีกทุกอย่างมันก่อเป็นความกดดัน นี่ยังไม่นับความคาดหวังทั้งตัวเองเเละครอบครัวอาจจะมีป้าข้างบ้านเข้ามาเกี่ยวอีก😂ความกังวลต่างๆ*
*เราอยากจะบอกถึงคนที่กำลังเผชิญหรือเพิ่งเริ่มสถานการณ์อยู่พยายามต่อไปค่ะแม้ว่ามันทรมาณมากจริงๆแต่อยากขอให้คุณได้พักบ้างไม่ว่าคุณจะรู้สึกยังไงก็ตามได้โปรดยอมรับความรู้สึกตอนนั้นและจะแสดงออกก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เครียด เศร้า ท้อ หมดแรงหมดไฟ ยิ้ม หัวเราะ ดีใจหรืออะไรก็เเล้วเเต่แสดงออกมาได้นะคะยิ่งถ้ามีคนที่ไว้ใจได้อยู่ข้างๆยิ่งดีเลยค่ะลองพักมาใช้เวลากับพวกเขาบ้างนะคะ*
***สิ่งเราสื่อทั้งหมดเป็นมุมมองของเด็ก64เพียงคนเดียวโปรดใช้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ข้อมูลและไม่ได้มีเจตนาไม่ดีส่อเสียดใดๆทั้งสิ้น***