อนิเมะ(Anime) หรือก็คือการ์ตูนจากประเทศญี่ปุ่น เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่เด็กๆ เชื่อว่าหลายๆคนโตมาพร้อมกับอนิเมะในตำนานหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นวันพีช นารูโตะ ดราก้อนบอล หรือเซเลอร์มูน และในตอนนี้ก็มีอนิเมะดังเกิดขึ้นมากมายจนแทบจะดูไม่ทัน แต่ท่ามกลางวงการอนิเมะที่กำลังเฟื่องฟูก็มีปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์หรือการดูของเถื่อนจำนวนมาก โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีการดูเถื่อนมากจนติดอันดับโลกซึ่งการดูของเถื่อนเป็นการทำร้ายอนิเมะอีกทางหนึ่ง
ตอนนี้ช่องทางดูแบบถูกลิขสิทธิ์มีเยอะมากๆ มีทั้งแบบดูฟรีและแบบต้องจ่ายเงิน รับรองได้ว่าถ้าดูทั้งหมดนี้ตาแตกแน่นอน!!! ดูได้ทางไหนบ้างไปดูกันได้เลย
1.Netflix (จ่ายเงิน)

เจ้าใหญ่ของวงการสตรีมมิ่งในตอนนี้ Netflix ซื้อลิขสิทธิ์อนิเมะมาฉายจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าอนิเมะเรื่องดังๆมาฉายในNetflixจนเกือบครบ นอกจากนี้ยังมีอนิเมะอีกหลายเรื่องที่มีฉายเฉพาะใน Netflix ด้วย ถึงจะต้องจ่ายเงินแต่ก็มีอนิเมะให้ดูเยอะจนคุ้มแน่นอน
ข้อด้อยสำคัญของอนิเมะในNetflix คือเรื่องการแปลซับ เพราะอนิเมะที่ฉายในNetflixบางเรื่องจะแปลซับจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย ไม่ได้แปลจากภาษาญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้บางครั้งคนที่ดูอนิเมะมาเยอะๆจะรู้สึกว่าการแปลมันแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
2.AIS PLAY(ฟรี)

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากค่ายเอไอเอส แม้จะใช้ค่ายอื่นที่ไม่ใช่เอไอเอสก็สมัครใช้งานได้ฟรีๆ แถมไม่มีโฆษณามาให้กวนใจ เรียกได้ว่าดูกันไปยาวๆได้เลย
3.iQIYI (อ้ายฉีอี้) (ฟรี+VIP)

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากเมืองจีน iQIYI ไม่ได้เด่นแค่ซีรี่ส์จีนเท่านั้น แต่ยังมีอนิเมะเรื่องดังๆมากมายให้เราได้ดูด้วย นอกจากนี้ไม่ได้มีแค่อนิเมะจากญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีอนิเมะจากจีนด้วย อนิเมะจากญี่ปุ่นส่วนมากจะดูฟรี และอนิเมะบางเรื่องจากจีนต้องสมัครเป็นVIPถึงจะดูได้ และสำหรับใครไม่ชอบให้โฆษณาเด้งขึ้นมาระหว่างดู แนะนำให้สมัครเป็นVIPเลย เพราะจะไม่มีโฆษณามากวนใจ แถมได้ดูอนิเนะเพื่มขึ้นด้วย
4.LINE TV (ฟรี)

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจาก LINE เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆแล้ว LINE TV มีอนิเมะน้อยกว่าเจ้าอื่นก็จริง แต่เรื่องที่นำมาฉากก็เป็นเรื่องดังๆทั้งนั้น เรียกได้ว่าคุณภาพเน้นๆ LINE TVสามารถดูได้แบบฟรี ไม่มีค่าใช้ค่ายใดๆทั้งสิ้น
5.WeTV (ฟรี+VIP)

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากเมืองจีนเหมือนกับ iQIYI WeTV มีซีรี่ส์หลากหลาย มีทั้งซีรี่ส์จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอนิเมะ อนิเมะเรื่องดังๆมากมายไม่แพ้ iQIYI นอกจากนี้ยังมีอนิเมะจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีฉายเฉพาะในWeTVด้วย
6.viu(ฟรี+VIP)

ถ้านึกถึง viu ก็ต้องนึกถึงซีรี่ส์เกาหลีมากมาย แต่ในปีนี้ viu ก็เริ่มเอาอนิเมะดังๆเข้ามาฉายมากขึ้น ตอนนี้ก็มีอนิเมะให้ดูเยอะมาก จำนวนพอ ๆ กับเจ้าอื่นๆเลย
7.POPS (ฟรี)

อนิเมะค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ แต่เรื่องที่เอามาฉายก็เป็นเรื่องที่สนุกๆทั้งนั้น ต้องรอลุ้นว่าจะเอาเรื่องไหนมาฉษยเพิ่มในอนาคต
8.bilibili (ฟรี)

ถ้าถามว่าเจ้าไหนมีอนิเมะให้ดูเยอะที่สุด คำตอบคือ bilibili ที่มีอนิเมะให้ดูเป็นร้อยเรื่อง มีทั้งอนิเมะเรื่องเก่าๆที่ชวนคิดถึง ไปจนถึงเรื่องใหม่ที่กำลังฉายอยู่ จุดเด่นของ bilibili คือมีตอน OVA(ตอนพิเศษ) ให้เราดูด้วยซึ่งมีไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่จะสามารถเอาOVAมาฉายได้ นอกจากนี้ยังไม่มีโฆษณามากวนใจเราด้วย
9.FLIXER (ฟรี+จ่ายเงิน)

อนิเมะเรื่องดังจาก Dex Club Flixer มีทั้งอนิเมะที่สามารถดูได้แบบฟรีๆและต้องเสียเงิน นอกจากอนิเมะแล้ว Flixerยังมีมาสไรเดอร์หลายภาคให้ดูอีกเยอะด้วย
10.TrueID (ฟรี)

แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากค่าย True แม้จะใช้ค่ายอื่นที่ไม่ใช่ True ก็สมัครใช้งานได้ฟรีๆ ส่วนมากเป็นอนิเมะที่จบแล้ว ไม่ค่อยมีเรื่องใหม่ๆนัก แต่เรื่องเก่าๆที่เอามาฉายก็มีให้เราดูแบบจุใจ
11.Muse Thailand (ฟรี)

ช่องดูอนิเมะมาแรงในยูทูป ดำเนิการโดยMuse Communication Co., Ltd มีอนิเมะให้ดูจำนวนมาก อัปเดตทุกวัน มีอนิเมะดังๆให้ดูหลายสิบเรื่อง ทั้งเรื่องเก่าๆ และเรื่องใหม่ฉายพอๆกับญี่ปุ่น และทาง Muse ก็ยังมีอนิเมะที่ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วอีกเยอะซึ่งกำลังทยอยลงให้เราดูในอนาคต
12.Prime Video(จ่ายเงิน)

สำหรับPrime Videoอาจจะไม่ได้มีอนิเมะให้เลือกมากนัก ส่วนมากเป็นเรื่องเก่าๆ ส่วนเรื่องใหม่ๆยังค่อนข้างมีน้องเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ
ช่องต่างประเทศ
1.Muse Asia(ฟรี)

เหมือนกับMuse Thailand แต่Muse Asiaจะฉายก่อน ไม่มีซับไทยนะ มีแต่ซับอักฤษ
2.Ani-One Asia(ฟรี+จ่ายเงิน)

อนิเมะเยอะไม่แพ้Muse Asia มีซับไทยให้อ่านด้วย แต่ซับไทยบางครั้งก็แปลไม่ดีเท่าไร
3.crunchyroll(ฟรี+จ่ายเงิน)

ดูได้เฉพาะบางเรื่องเท่านั้นเพราะข้อกำจัดเรื่องการให้บริการในแต่ละประเทศ มีแต่ซับอังกฤษ
ดูกันให้ตาแตก 12แหล่งดูอนิเมะถูกลิขสิทธิ์ในไทย+3แหล่งต่างประเทศ
ตอนนี้ช่องทางดูแบบถูกลิขสิทธิ์มีเยอะมากๆ มีทั้งแบบดูฟรีและแบบต้องจ่ายเงิน รับรองได้ว่าถ้าดูทั้งหมดนี้ตาแตกแน่นอน!!! ดูได้ทางไหนบ้างไปดูกันได้เลย
1.Netflix (จ่ายเงิน)
เจ้าใหญ่ของวงการสตรีมมิ่งในตอนนี้ Netflix ซื้อลิขสิทธิ์อนิเมะมาฉายจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าอนิเมะเรื่องดังๆมาฉายในNetflixจนเกือบครบ นอกจากนี้ยังมีอนิเมะอีกหลายเรื่องที่มีฉายเฉพาะใน Netflix ด้วย ถึงจะต้องจ่ายเงินแต่ก็มีอนิเมะให้ดูเยอะจนคุ้มแน่นอน
ข้อด้อยสำคัญของอนิเมะในNetflix คือเรื่องการแปลซับ เพราะอนิเมะที่ฉายในNetflixบางเรื่องจะแปลซับจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย ไม่ได้แปลจากภาษาญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้บางครั้งคนที่ดูอนิเมะมาเยอะๆจะรู้สึกว่าการแปลมันแปลกอยู่บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
2.AIS PLAY(ฟรี)
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากค่ายเอไอเอส แม้จะใช้ค่ายอื่นที่ไม่ใช่เอไอเอสก็สมัครใช้งานได้ฟรีๆ แถมไม่มีโฆษณามาให้กวนใจ เรียกได้ว่าดูกันไปยาวๆได้เลย
3.iQIYI (อ้ายฉีอี้) (ฟรี+VIP)
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากเมืองจีน iQIYI ไม่ได้เด่นแค่ซีรี่ส์จีนเท่านั้น แต่ยังมีอนิเมะเรื่องดังๆมากมายให้เราได้ดูด้วย นอกจากนี้ไม่ได้มีแค่อนิเมะจากญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีอนิเมะจากจีนด้วย อนิเมะจากญี่ปุ่นส่วนมากจะดูฟรี และอนิเมะบางเรื่องจากจีนต้องสมัครเป็นVIPถึงจะดูได้ และสำหรับใครไม่ชอบให้โฆษณาเด้งขึ้นมาระหว่างดู แนะนำให้สมัครเป็นVIPเลย เพราะจะไม่มีโฆษณามากวนใจ แถมได้ดูอนิเนะเพื่มขึ้นด้วย
4.LINE TV (ฟรี)
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจาก LINE เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆแล้ว LINE TV มีอนิเมะน้อยกว่าเจ้าอื่นก็จริง แต่เรื่องที่นำมาฉากก็เป็นเรื่องดังๆทั้งนั้น เรียกได้ว่าคุณภาพเน้นๆ LINE TVสามารถดูได้แบบฟรี ไม่มีค่าใช้ค่ายใดๆทั้งสิ้น
5.WeTV (ฟรี+VIP)
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากเมืองจีนเหมือนกับ iQIYI WeTV มีซีรี่ส์หลากหลาย มีทั้งซีรี่ส์จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอนิเมะ อนิเมะเรื่องดังๆมากมายไม่แพ้ iQIYI นอกจากนี้ยังมีอนิเมะจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีฉายเฉพาะในWeTVด้วย
6.viu(ฟรี+VIP)
ถ้านึกถึง viu ก็ต้องนึกถึงซีรี่ส์เกาหลีมากมาย แต่ในปีนี้ viu ก็เริ่มเอาอนิเมะดังๆเข้ามาฉายมากขึ้น ตอนนี้ก็มีอนิเมะให้ดูเยอะมาก จำนวนพอ ๆ กับเจ้าอื่นๆเลย
7.POPS (ฟรี)
อนิเมะค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ แต่เรื่องที่เอามาฉายก็เป็นเรื่องที่สนุกๆทั้งนั้น ต้องรอลุ้นว่าจะเอาเรื่องไหนมาฉษยเพิ่มในอนาคต
8.bilibili (ฟรี)
ถ้าถามว่าเจ้าไหนมีอนิเมะให้ดูเยอะที่สุด คำตอบคือ bilibili ที่มีอนิเมะให้ดูเป็นร้อยเรื่อง มีทั้งอนิเมะเรื่องเก่าๆที่ชวนคิดถึง ไปจนถึงเรื่องใหม่ที่กำลังฉายอยู่ จุดเด่นของ bilibili คือมีตอน OVA(ตอนพิเศษ) ให้เราดูด้วยซึ่งมีไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่จะสามารถเอาOVAมาฉายได้ นอกจากนี้ยังไม่มีโฆษณามากวนใจเราด้วย
9.FLIXER (ฟรี+จ่ายเงิน)
อนิเมะเรื่องดังจาก Dex Club Flixer มีทั้งอนิเมะที่สามารถดูได้แบบฟรีๆและต้องเสียเงิน นอกจากอนิเมะแล้ว Flixerยังมีมาสไรเดอร์หลายภาคให้ดูอีกเยอะด้วย
10.TrueID (ฟรี)
แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากค่าย True แม้จะใช้ค่ายอื่นที่ไม่ใช่ True ก็สมัครใช้งานได้ฟรีๆ ส่วนมากเป็นอนิเมะที่จบแล้ว ไม่ค่อยมีเรื่องใหม่ๆนัก แต่เรื่องเก่าๆที่เอามาฉายก็มีให้เราดูแบบจุใจ
11.Muse Thailand (ฟรี)
ช่องดูอนิเมะมาแรงในยูทูป ดำเนิการโดยMuse Communication Co., Ltd มีอนิเมะให้ดูจำนวนมาก อัปเดตทุกวัน มีอนิเมะดังๆให้ดูหลายสิบเรื่อง ทั้งเรื่องเก่าๆ และเรื่องใหม่ฉายพอๆกับญี่ปุ่น และทาง Muse ก็ยังมีอนิเมะที่ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้วอีกเยอะซึ่งกำลังทยอยลงให้เราดูในอนาคต
12.Prime Video(จ่ายเงิน)
สำหรับPrime Videoอาจจะไม่ได้มีอนิเมะให้เลือกมากนัก ส่วนมากเป็นเรื่องเก่าๆ ส่วนเรื่องใหม่ๆยังค่อนข้างมีน้องเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ
ช่องต่างประเทศ
1.Muse Asia(ฟรี)
เหมือนกับMuse Thailand แต่Muse Asiaจะฉายก่อน ไม่มีซับไทยนะ มีแต่ซับอักฤษ
2.Ani-One Asia(ฟรี+จ่ายเงิน)
อนิเมะเยอะไม่แพ้Muse Asia มีซับไทยให้อ่านด้วย แต่ซับไทยบางครั้งก็แปลไม่ดีเท่าไร
3.crunchyroll(ฟรี+จ่ายเงิน)
ดูได้เฉพาะบางเรื่องเท่านั้นเพราะข้อกำจัดเรื่องการให้บริการในแต่ละประเทศ มีแต่ซับอังกฤษ