JJNY : ติดเชื้อ6,901 เสียชีวิต55│หุ้นเจ้าสัวยังทรุดQ3ขาดทุน-กำไรหาย│รุมจวก“อนุทิน”│ชี้คว่ำแก้รธน.อาจทำม็อบเคลื่อนไหวแรง

โควิดติดเชื้อเพิ่ม6,901ราย หายป่วย7,556ราย เสียชีวิต55
https://www.dailynews.co.th/news/487174/
 
 
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ พบเสียชีวิตเพิ่มอีก 55 ราย ขณะที่พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 6,901 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,015,262 ราย 

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 18 พ.ย. 64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 6,901 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 6,757 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 144 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มีจำนวน 2,015,262 ราย หายป่วยกลับบ้าน 7,556 ราย หายป่วยสะสม 1,905,773 ราย กำลังรักษา 90,672 ราย
 
โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 55 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มียอดสะสมสูงถึง 20,254 ราย
 


หุ้นเจ้าสัวยังทรุดไตรมาส3/64 ขาดทุน-กำไรหายยกกลุ่ม
https://www.bangkokbiznews.com/business/972250

เอฟเฟคจากโควิดที่รุนแรงในไทยพาเหรดออกมาให้เห็นในรูปแบบกำไรไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ตอกย้ำได้ดีว่ามีผลกระทบมากแค่ไหนเพราะแม้แต่ธุรกิจที่เป็นทุนใหญ่ ครอบคลุมตลาดในอันดับ 1 มีศักยภาพในการทำกำไรมากที่สุด “ กลุ่มซีพี” ฉายาหุ้นเจ้าสัวใหญ่ของไทย กลายเป็นทรุดหนักแทบยกกลุ่ม

หุ้นใหญ่ที่ทำเอานักลงทุนสุดเซอร์ไพรส์ผลประกอบการคือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ที่ประกาศผลขาดทุนหนัก 5,374 ล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และยังลดลง 172% จากไตรมาสก่อน และทำให้ในรอบ 9 เดือน กำไรอยู่ที่ 6,308 ล้านบาท ลดลงถึง 67.83% ซึ่งถือว่าเป็นการพลิกขาดทุนครั้งแรกในรอบ 14 ปี
 
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ CPF ประกอบธุรกิจอาหารที่จำเป็นต่อการบริโภคขาดทุนหนัก ตามการชี้แจงของบริษัทราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวลดลงประมาณ 20 % สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น 5 % เทียบจากระยะเวลาเดียวกันปีก่อน และจากปัจจัยดังกล่าว ยังส่งผลให้มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพลดลง 3,583 ล้านบาท จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน การรับรู้ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนลดลง 3,294 ล้านบาท จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามผลการดําเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน และผลการดําเนินงานของบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่ลดลง
 
ตามมาด้วยธุรกิจสื่อสารอันดับ 2 ของไทย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE รายงานพลิกขาดทุน 602 ล้านบาท ลดลง 678 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจาก 2 ธุรกิจคือ ทรูมูฟ เอช ที่มีรายได้ลดลงจากสถานการณ์โควิดที่มีผลต่อกำลังซื้อ
 
นอกจากนี้ยังมีภาวะการแข่งขันตลาดเติมเงินที่ยังคงมีการแข่งขันที่สูง และแข่งขันกันดึงลูกค้าด้วยแพ็คเกจความเร็วคงที่แต่ปริมาณดาต้าไม่จำกัด (fixed-speed unlimited data) สำหรับกลุ่มราคาระดับล่าง ด้านทรูวิชั่นเจอ OTT และแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ามาชิงฐานคนดู จนกระทบรายได้
 
สวนทางกับธุรกิจทรูออนไลน์หรือบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต กลับได้รับอานิสงส์ดีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นและมีฐานรายใหม่ 135,000 ราย เป็นลูกค้า 4.5 ล้านราย หนุนรายได้ในส่วนนี้เติบโต 9.5 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 2.2 % จากไตรมาสก่อน และไตรมาสดังกล่าว TRUE มีการบันทึกกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในกองทุน DIF ประมาณ 1.5 พันล้านบาท หากไม่รวมรายการนี้ผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น 57% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน
 
ด้านธุรกิจค้าปลีกทั้ง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO แม้จะไม่ทำเซอร์ไพรส์หนักให้นักลงทุนด้วยการพลิกขาดทุน เพราะยังมีกำไรแต่เติบโตลดลง โดย CPALL มีกำไร 1,493 ล้านบาท ลดลง 62.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ MAKRO มีกำไร 1,571 ล้านบาท แทบจะไม่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน
 
กลุ่มค้าปลีก ถือว่ามีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นไม่น้อย จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าจากการเปิดประเทศ และคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กำลังซื้อกลับมา แต่ที่สำคัญคือ การจัดโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกที่ให้ MAKRO เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน “เทสโก้โลตัส” แทน CPF และ CPALL ผ่านการเพิ่มทุนในมูลค่าที่ลดลง แต่ได้กระแสเงินสดเข้าทั้ง 2 บริษัท และเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นไปในตัวจนปรับตัวขึ้นมาแล้ว 12.45% และ 24.05 % ตามลำดับ
หากประเมินจากตัวเลขผลประกอบการคือ ว่าไตรมาส 3 กำไรในกลุ่มรับแรงกระแทกจากโควิดหนักที่สุด แต่หากดูในแง่ราคาหุ้นกลับพบว่า มีเพียง CPF ที่ราคาหุ้นทิศทางขาลง เนื่องจากอิงกับต้นทุนคอมมูนิตี้ที่เป็นทิศทางขาขึ้น เช่น กากถั่วเหลือ ข้าวโพด และยังมีปัจจัยต่างประเทศการกลับมาล็อกดาวน์ในจีนปัจจัยกดดัน
 
สวนทางกับอีก3 บริษัท โดยเฉพาะราคาหุ้น TRUE ที่บวกขึ้นมาแล้ว จากต้นปีจนถึงปัจจุบันเกือบ 20% แม้จะพลิกกลับมาขาดทุนในไตรมาสดังกล่าว แต่กระแสข่าวการซุ่มเจรจาซื้อหุ้นโอเปอเรเตอร์ เบอร์ 3 ในตลาดยังคุกรุ่นออกมาต่อเนื่องและเป็นตัวผลักดันทำให้ราคาหุ้นบวกด้วยเช่นเดียวกัน
 


รุมจวก “อนุทิน”หลังลั่นไม่บังคับฉีดวัคซีน แต่ใครไม่ฉีด อาจเข้าร้าน- สมัครงาน​ ไม่ได้
https://www.dailynews.co.th/news/487211/

ชาวโลกออนไลน์รุมจวก “อนุทิน”หลังลั่น! ไม่บังคับฉีดวัคซีน แต่สุดท้ายจะเป็นกติกาสังคมที่ทุกคนต้องทำ หากไม่ฉีดอาจไม่สามารถเข้าใช้บริการในร้านต่างๆ หรือสมัครงานได้

เมื่อวันที่ 18 พ.ย.โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความที่ทาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์วานนี้ ( 18 พ.ย.)ถึงกรณีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของประชาชนว่า  การฉีดวัคซีนวันนี้เราฉีดได้กว่า 70% ซึ่งเป็นระดับที่จะสร้างความปลอดภัยได้ แต่ก็ไม่ได้หยุดฉีดยังมีการเดินหน้าฉีด ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมาย 100 ล้านโด๊ส ในปีนี้ 100% อย่างไรก็ตาม ในส่วนแผนการฉีดที่เหลือจากนี้ไปจนถึงเป้าหมายนั้นคงไม่ได้จะไปออกมาตรการบังคับ หรือต้องไปสร้างแรงจูงใจอะไร แต่ใช้เรื่องของจิตสำนึกในการสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง และความปลอดภัยให้กับสังคมโดยรวม ซึ่งเรื่องนี้สังคมก็จะเป็นคนกำหนดเอง เช่น หากคนที่ฉีดวัคซีนครบไปนั่งรับประทานอาหารในร้านค้าแห่งหนึ่ง แล้วมีคนไม่ฉีดวัคซีนไปใช้บริการด้วย ทางร้านอาจจะจัดที่นั่งให้เฉพาะ หรือเขาก็อาจจะปฏิเสธไม่ให้บริการ หรือแม้แต่การสมัครงาน จากนี้อาจจะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการรับหรือไม่รับเข้าทำงานก็ได้

“วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้คนเราคบค้าสมาคมด้วยเกิดความสบายใจ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่กระทรวงทำคือการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คนมาฉีดวัคซีน และในส่วนของผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง พื้นที่ห่างไกล เราก็มีการจัดรถโมบายไปฉีดให้ เรื่องการของจูงใจ หรือให้รางวัลเพื่อให้ฉีดวัคซีนคงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เราต้องแคร์ตัวเอง แคร์คนรอบข้าง การให้รางวัลตัวเองคือการฉีดวัคซีน” นายอนุทิน กล่าว
 
โดยชาวโลกออนไลน์เห็นว่า การจำกัดสิทธิไม่ให้ประชาชนที่ได้ฉีดวัคซีนโควิด ได้รับการบริการต่างๆ รวมถึงแม้แต่การสมัครงาน เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่ติดโควิด พร้อมกับตั้งคำถามว่า หากฉีดวัคซีนแล้วแพ้ถึงขั้นพิการและเสียชีวิต นายอนุทินจะรับผิดชอบหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่