เรื่องสั้น : รักสลับร่าง บทที่ 4 ตอน จุดชนวน

กระทู้สนทนา


.

            นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วกับการที่ฉันเป็นออม มีเพื่อนบางคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อฉันสักเท่าไหร่ และ ฉันก็ยังเคลือบแคลงใจ สงสัยว่าทำไมกลุ่มของณิชาถึงไม่ยอมคุยกับฉันหรือออมเลย บางครั้งคุยแต่ก็เหมือนไม่อยากคุยด้วย ดู ๆ ออกไปในทางไม่ชอบออมมากกว่าด้วยซ้ำ ทำไมหรือ!

             ฉันแอบสงสัยเรื่องนี้มาโดยตลอด ออมจะเคยสงสัยกับความสัมพันธ์ของเพื่อนกลุ่มนี้ไหม เหตุผลที่ฉันต้องมาเป็นออมเพราะฉันเชื่อว่า อุบัติเหตุของออมไม่ใช่อุบัติเหตุน่ะสิ ฉันเชื่อว่ามีคนจงใจจะทำให้ออมหายไปจากโลกนี้ แล้วคน ๆ นั้นเป็นใครกัน

             ทำไมฉันถึงคิดว่าอุบัติเหตุของออมไม่ใช่อุบัติเหตุน่ะหรือ เพราะออมชอบโทรมาระบายกับฉัน ก่อนที่จะเกิดเรื่องออมชอบบ่นกับฉัน ว่าทำไมโลกถึงโหดร้ายกับออมนัก

             คิดดูสิออมเป็นคนที่เข้มแข็งมากมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น ไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็นสักครั้ง เพราะออมไม่เคยอ่อนแอ ออมชอบปกป้องทุกคน วันหนึ่งออมมาระบายกับฉัน ร้องไห้กับฉัน แล้วออมต้องเจอกับอะไรที่เจ็บปวดมากแค่ไหน

             หลังจากวันที่ออมโทรมาร้องไห้กับฉัน วันรุ่งขึ้นแม่ก็โทรมาหาพ่อที่บ้าน บอกว่าออมโดนรถชนเป็นตายเท่ากัน อืมม์! ฉันอยากรู้นักใครทำออม ใครทำอะไรให้ออม มันเป็นอุบัติเหตุ หรือ มีคนจงใจให้มันเป็นอุบัติเหตุ หรือ ออมฆ่าตัวตายเอง ฉันต้องรู้ให้ได้

             “พวกแกเชื่อเหรอว่าอี่ออมมันความจำเสื่อมจริง ๆ ” ฉันได้ยินณิชาพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มของตน กลุ่มของณิชาไม่ค่อยคุยกับฉันตั้งแต่ฉันกลับมา ตั้งแต่ออมกลับมาเลย

             พวกนั้นพูดถึงออม! ฉันแอบยืนฟังไม่ให้พวกนั้นรู้ตัว “ฉันว่ามันโกหกว่ะ มีหลายอย่างที่ทำให้ฉันคิดว่าไม่ใช่มัน” ทั้งสามคนคุยกันในห้องเรียน ตอนนี้ยังไม่มีใครมาเรียนเลยสักคน กลุ่มของณิชามาถึงเป็นกลุ่มแรก แล้วก็ตามด้วยฉันมาถึงคนที่สอง

             “ณิชา! แกจะไปอะไรกับมันอีก ฮะ! แค่อี่ออมมันไม่ตายก็เกินพอแล้วมั้ย” ฉันได้ยินเสียงมัดหมี่เถียงกับณิชา ฉันอ้าปากค้างเมื่อได้ยินสิ่งที่มัดหมี่พูด กลุ่มนี้ต้องรู้อะไรดี ๆ เกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุของออมแน่

             “แค่อี่ออมมันความจำเสื่อมฉันก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ถ้ามันตายจริง ๆ ขึ้นมา ฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตอ่ะ” ฉันจำได้ว่าเป็นเสียงของเมย์ เพื่อนในกลุ่มของณิชาอีกคนพูด

             “มัดหมี่ เมย์ พวกแกอย่ากลัวไปเลยน่า ก็มันไม่ตายแล้วไง! แต่ฉันแค่สงสัยว่ามันความจำเสื่อมจริงหรือเปล่า เพราะว่าคนความจำเสื่อมอ่ะ นิสัยกับการกระทำกับบุคลิกมันต้องเปลี่ยนด้วยเหรอ คอยดูนะฉันจะรู้ให้ได้ว่ามันเป็นนีรนันท์หรือมันเป็นใครกันแน่” ฉันทึ่งกับสิ่งที่ได้ยิน อุบัติเหตุของออมไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน ถึงว่าวันก่อนที่ฉันพูดเกี่ยวกับเรื่องความจำ มัดหมี่กับเมย์ถึงดูเลิ่กลั่กชอบกล

             “ณิชา! ฉันว่าแกพอเหอะ แกเลิกยุ่งวุ่นวายกับอี่ออมสักทีเหอะ แค่พวกเราทำให้มันความจำเสื่อมก็เกินพอแล้วมั้ย แกอย่ายุ่งกับมันอีกเลย เพราะแกทำไปเท่าไหร่ ไอ้กัสมันก็ไม่สนใจแกหรอก”

             “อี่เมย์! นี่มืงเป็นเพื่อนใคร มืงเข้าข้างมันเหรอ” ฉันได้ยินณิชาตะหวาดเมย์

             “เปล่าณิชา! กูเป็นเพื่อนมืง กูเข้าข้างมืง แต่กูเตือนมืงด้วยความหวังดี ว่ามืงพอเถอะ! แค่นี้อี่ออมมันก็ไม่ใช่ตัวตนของมันแล้ว กูไม่อยากรู้สึกผิดไปมากกว่านี้ กูกลัวณิชา! “ ฉันได้ยินเมย์ร้องไห้

             “อี่เมย์มืงหยุดร้องได้แล้ว! มืงไม่พูด มัดหมี่ไม่พูด กูไม่พูดใครมันจะรู้ และ พวกมืงคอยดูนะ กูจะพิสูจน์ว่าอี่ออมไม่ใช่อี่ออม” ณิชาพูดเด็ดขาด “เลิกร้องไห้ได้แล้ว”

             ออม! ไม่ต้องห่วงนะ อาร์มจะลากพวกมันมาขอโทษออมให้ได้ ณิชา! มัดหมี่! เมย์! พวกแกต้องชดใช้สิ่งที่พวกแกทำกับพี่สาวของฉัน

             ฉันเจ็บปวดเมื่อนึกถึงออมที่นอนเป็นผักไม่รู้สึกตัว ฉันจะต้องหาหลักฐานมามัดตัวสามคนนี้ให้ได้ อุบัติเหตุของออมไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา สามคนนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ ๆ ฉันเผลอร้องไห้กับสิ่งที่ได้ยิน โดยที่ไม่เห็นว่ามนัสมายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่ตอนไหน

             “ออมเป็นไร ร้องไห้ทำไม มาถึงแล้วทำไมไม่เข้าห้องเรียนล่ะ” มนัสทักทาย ฉันตกใจว่ามนัสมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดไปหรือเปล่า

             “เปล่า! คือเรา! เรา… นัสมาตั้งแต่ตอนไหนเหรอ” ฉันกำลังพยายามนึกหาคำแก้ตัวอยู่

             “เปล่าอะไร! เราเห็นเธอร้องไห้อยู่เนี่ย ยัยขี้แยเอ้ย เราไม่เคยเห็นออมร้องไห้เลยพูดตามตรง เช็ดน้ำตาออกซะ แล้วเข้าไปในห้องเรียนได้แล้ว” มนัสยื่นผ้าซับน้ำตาให้กับฉัน “เราพึ่งเดินออกจากลิฟต์มา เห็นเธอยืนอยู่ก็เลยเดินมาหานี่แหละ เธอแอบฟังอะไรเหรอ” ไม่พูดเพียงเท่านั้น มนัสเดินเข้าไปส่องดู “ณิชากับเพื่อน ๆ หนิ”

             “อือ! เราไม่กล้าเข้าไปอ่ะ เราเห็นว่าณิชาไม่ค่อยชอบคุยกับเรา แล้วอีกอย่างที่เราร้องไห้เพราะเราได้ยินณิชานินทาเราไม่มีไรหรอก” ฉันนึกคำแก้ตัวขึ้นมาได้

             มนัสกระตุกยิ้มมองหน้าฉัน “เธอเปลี่ยนไปจริง ๆ ว่ะออม เพราะว่าที่ผ่านมาออมไม่เคยกลัวณิชา แต่อย่างว่านั่นแหละเธอประสบอุบัติเหตุมา อะไร ๆ มันก็เลยเปลี่ยนไปเนอะ รวมทั้งสมองด้วย” มนัสยกมือทั้งสองข้างมาบีบขมับของฉันเบา ๆ อย่างตลก “แต่ว่าฉันชอบที่เธอเป็นแบบนี้นะ เรียบร้อยพูดเพราะ ออมคนก่อนห้าวเกินไปและ… เข้าห้องเรียนกันเถอะ” มนัสไม่ยอมพูดต่อ แถมยังปัดไปเรื่องอื่นอีก จากนั้นฉันกับมนัสก็เดินเข้าห้องเรียน

             เมื่อฉันเดินเข้ามาในห้องเรียน กลุ่มของณิชาก็สลายตัว เลิกพูดเรื่องนั้นไป ฉันเดินเข้ามาพร้อมจ้องหน้าของณิชา เอาจริง ๆ ฉันอยากจะบีบคอเค้นเอาความจริงจากณิชาวันนี้ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ว่าสิ่งที่ฉันได้ยินมันหมายความว่าอย่างไร พวกณิชากับเพื่อนเกี่ยวอะไรกับออม ทำอะไรให้ออมกันแน่

             “นี่ออมแกมองหน้าฉันทำไม! แกมีปัญหาอะไรกับฉันเหรอ” ณิชาถามฉัน เนื่องจากโดนฉันจ้องหน้านั่นเอง ส่วนเมย์กับมัดหมี่นั่งเงียบไม่พูดอะไร

             “เปล่า! เราแค่เกือบจำอะไรเกี่ยวเธอขึ้นมาได้เท่านั้นเองณิชา หมอบอกว่าความจำเรากำลังจะค่อย ๆ กลับมาแล้ว รออีกไม่นานนะ! ถ้าความจำเรากลับมาเราคงจำพวกแกได้มากขึ้น อ่อ วันก่อนตำรวจก็มาสอบปากคำเราด้วย ถ้าเราจำอะไรได้มากขึ้น เราคงให้ข้อมูลตำรวจได้มากกว่านี้อ่ะ”

             ฉันพูด ณิชานิ่ง ส่วนมัดหมี่กับเมย์เลิ่กลั่กกันใหญ่ ฉันกระตุกยิ้มให้กับอาการลนลานของทั้งสองคน ยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่า ทั้งสามคนมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน และ ฉันก็ทันสังเกตเห็นอาการของใครบางคนด้วย ที่ดูจะตกใจกับสิ่งที่ฉันพูดเช่นกัน

             ไม่ทันที่ฉันจะได้ถามว่าเป็นอะไรเหรอ พวกเพื่อน ๆ ก็กู่กันเข้ามาในห้องเรียน เมญ่ากับเอวามาถึงพอดี ฉันจึงผละไปหาเพื่อน ๆ ของฉัน และ ตามด้วยออกัสเดินเข้าห้องเรียนตามา

             ฉันนิ่งมองหน้าออกัสอย่างรู้สึกผิด ฉันเสียใจที่ทำแบบนี้ ออกัสถึงจะไม่โกรธฉันแล้ว แต่ก็ไม่คุยกับฉันเหมือนก่อนหน้านั้น ปลีกตัวนั่งคนเดียว ทำตัวแปลกแยกไม่สุงสิงกับใคร ๆ ทั้งนั้น

             “กัสเราขอนั่งด้วยได้มั้ย” ออกัสมองหน้าฉันและยังเงียบเช่นเดิม ถึงออกัสจะยืนยันว่าไม่โกรธฉัน แต่ ฉันก็สัมผัสได้ถึงความห่างเหิน ออกัสไม่เหมือนเดิมกับฉันเลย “วันหยุดเราไปโคราชกันอีกมั้ย”

             “ออมหยุดพูด! อย่าพูดเรื่องนั้นเวลาที่อยู่มหาวิทยาลัย หรือ อยู่ที่ไหนก็ตาม ทางที่ดีอย่าพูดเรื่องนี้เลยดีกว่า” ออกัสห้ามฉันพูดอะไรก็ตามที่สื่อถึงออมตัวจริง เพราะกลัวว่าความจะแตกหรือออกัสทำใจไม่ได้ฉันก็ไม่แน่ใจ ออกัสไม่สบตาฉันเหมือนที่ผ่านมา ออกัสเปลี่ยนไป ฉันเข้าใจและรู้สึกผิดที่สุด “เธอไปเล่นกับพวกไอ้นัสกับเอวาเถอะออม เราอยากอยู่คนเดียว”

             “กัส! แต่เราอยากอยู่เป็นเพื่อนกัสนะ เราอยากให้กัสมองเราเหมือนเดิมได้มั้ย” ฉันพูดขอร้อง

             “ออมถ้ามันไม่อยากให้อยู่ใกล้ก็อย่าไปอยู่ใกล้มันเลย กลับมานั่งที่เดิมดีกว่านะ” มนัสเดินมาหาฉันตรงที่ฉันนั่งกับออกัส พยายามฉุดให้ฉันยืนขึ้นลุกกลับไปนั่งที่เดิมให้ได้ ส่วนออกัสก็ไม่สนใจ หันไปมองนอกหน้าต่าง ฉันจำยอมผละออกมากลับมานั่งที่เดิมในที่สุด “ไปคุยอะไรกับไอ้กัสเหรอ” มนัสถามฉันพร้อมจ้องหน้าของฉันด้วย

             “เปล่า! แค่ไปนั่งด้วยเฉย ๆ น่ะ”

             “ถ้าไอ้กัสมันไม่สนใจ ออมก็อย่าไปสนใจมันอีกเลย ปล่อยมันทำตัวแปลกแยก ไม่มีใครคบแบบนั้นต่อไปเถอะ” มนัสพูด สายตาที่มองออกัสช่างน่ากลัวจริง ๆ นี่มนัสกับออกัสไม่ชอบกันรุนแรงขั้นไหนหรือ พูดถึงฉันก็ไม่เคยเห็นทั้งสองคนทะเลาะชกต่อยกันเลย ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของมนัส “เออออมเห็นบอกว่าไปหาหมอมา หมอบอกว่าความจำออมใกล้กลับมาแล้วเหรอ”

             “อือ… เราใกล้จะจำอะไรได้แล้วล่ะ” ฉันตอบ ทว่าฉันเห็นมนัสมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น มนัสเป็นอะไร ไม่อยากให้ออมความจำกลับมางั้นหรือ

             “ตำรวจมาขอสอบปากคำด้วยเหรอ” มนัสถาม ใบหน้าของมนัสยังคงขรึมเช่นเดิม มนัสเป็นอะไร กลัวออมความจำกลับมา เปลี่ยนไปห้าวไปรักออกัสเหรอ เพราะมนัสพึ่งบอกอยู่หยก ๆ ว่าชอบออมคนนี้ คนที่เรียบร้อย พูดเพราะ ชอบฉัน!

             “ใช่! ตำรวจมาหาเรากับแม่ ถามเราว่าจำอะไรได้บ้างหรือยัง เอ่อ… ก็มาถามเรื่องอุบัติเหตุนั่นแหละ สอบถามไปอย่างนั้นเอง มนัสทำไมเหรอ” ฉันถาม ฉันสังเกตว่ามนัสมีสีหน้าเปลี่ยนไป ไม่อยากให้ออมความจำกลับมาขนาดนั้นเลย คงกลัวคู่แข่งอย่างออกัสสินะ

             “เปล่า! เราแค่ถามเฉย ๆ อยากรู้น่ะ ไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย” มนัสตอบ ฉันยิ้มให้ทว่าภายในใจยังคิดถึงเรื่องที่ได้ยินณิชาพูด และ นึกถึงออกัส ฉันปรายตามองออกัสที่นั่งอยู่ห่าง ๆ กลุ่มเพื่อน ไม่สนใจฉันไม่สนใจใครเลย ออกัสคิดอะไรอยู่นะ
            
             “นัส! นัสชอบที่เราเป็นแบบไหนมากกว่า” ฉันถาม ภายในใจก็หวั่น ๆ อยู่เหมือนกัน หากมนัสทราบความจริง มนัสจะให้อภัยฉันได้ไหม ฉันหันมามองหน้าจ้องหน้าเอาความรู้สึกจริง ๆ จากมนัส

             “ถามคำถามนี้อีกแล้วนะ อือ… เมื่อก่อนเธอห้าว ๆ ไม่กลัวใคร ไม่แคร์ใคร ไม่สนใจใครด้วยว่าจะรู้สึกยังไง คิดอะไรก็พูดไปแบบนั้น นิสัยตรง ๆ ของเธอทำให้เพื่อน ๆ ไม่พอใจหลายคนนะ แต่เพื่อน ๆ ก็ไม่ค่อยมีใครถือสาเธอหรอก เพราะรู้นิสัยถาวรเธอดีไงล่ะ และ ก็ชอบหาเรื่องแกล้ง กวนไอ้กัสเสมอ จนเราคิดว่าเธอชอบไอ้กัส เพื่อน ๆ ทุกคนก็คิด แต่ว่าพอดู ๆ อีกที ก็ไม่เห็นเธอไปไหนมาไหนกับมันเลย บางทีเราก็คิดว่าเธอแอบคบกันหรือเปล่า เราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเรามันเป็นได้แค่เพื่อนสนิทของเธอ” มนัสพูดทำเอาฉันหน้าเจื่อนในทันที ออมเป็นแบบไหนกันนะ

             “แล้วเพื่อน ๆ เกลียดออมกันมากมั้ย”

             “เฮ้ยเดี๋ยวก่อนดิ! นี่ถึงเธอจะเป็นแบบนั้น ใช่ว่าเพื่อน ๆ จะเกลียดนะ เธอเป็นเธอแบบนั้นจริงใจดีนะออม เพื่อน ๆ หลายคนก็ชอบ อย่าคิดมากน่า” มนัสยกมือขึ้นมายีผมของฉันเล่น ส่วนออกัสก็ไม่สนใจเลย นอนหมอบไปกับโต๊ะเรียนระหว่างรออาจารย์เข้าสอน

            “แล้วมนัสชอบออมเป็นออมแบบไหน”

           “อือ… เอาจริง ๆ มั้ย เราชอบออมตอนนี้มากกว่า ดูเรียบร้อย หวาน ๆ ดูเป็นผู้หญิง ๆ ขึ้น แต่เราก็ยังอยากให้ออมความจำกลับมานะ และก็ที่สำคัญออมคนนี้ดูสนใจเราดีน่ะ” มนัสพูด ทำเอาเอวากับเมญ่าหมั่นไส้ขึ้นมาดื้อ ๆ และ เรียกรอยยิ้มของฉันกลับมาได้มากมายเลย

             “กัส! ไอ้ออกัส! ไอ้ชีวินโว้ย! แกไม่เห็นหรือไงไอ้มนัสมันกำลังจีบออมน่ะ แกจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอ ระวังไอ้มนัสคาบไปต่อหน้าต่อตานะ” เอวาพูดกึ่งตะโกนบอกออกัส ทว่าออกัสก็เงียบไม่ตอบโต้เอวาใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนคนที่ดูจะไม่ชอบใจที่เอวาพูด เห็นจะเป็นณิชาต่างหาก
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่