ทะเลาะกับแม่ ครั้งแรกในชีวิตและเป็นการทะเลาะที่หนักที่สุด เราอายุ23ย่าง24(เรียนอยู่กรุงเทพ แต่ช่วงนี้กลับบ้านต่างจังหวัด) เป็นพี่สาวคนโต ((พ่อกับแม่รับราชการ ))ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ที่บ้านเราเลี้ยงเราดีมาก มีกินมีใช้ไม่ลำบาก เรียกว่าสบายเลยดีกว่า แต่ไม่ได้เป็นคนชอบกินชอบดื่มนะ (ไม่เคยเที่ยวผับถ้าร้านนั่งชิวเคย3ครั้ง) ไม่เอาแต่ใจออกจะนิ่งๆตามใจคนอื่นคนอื่นว่าไงก็ว่างั้น เรียกง่ายๆว่าไม่มีความคิด😏 ไม่ให้เราขาดอะไรเลยเรารักครอบครัวเรามากกกกเราให้ความสำคัญกับพวกเค้ามากกว่าอะไร อะไรที่เค้าบอกว่าอย่าไปเลยอย่าทำเลย เราจะแคร์พวกเค้าเราจะไม่ทำ เวลาเราไปไหนเค้าจะไปส่ง แล้วเราเป็นคนติดครอบครัวติดบ้านไง
แต่วันนี้มันเหมือนจุดเปลี่ยน เราทะเลาะกับแม่ แม่เราเป็นคนที่ทุกคนในบ้านต้องฟังอ่ะ เพราะถ้าไปทะเลาะกันต่อ ยาวแน่ๆ เพราะเค้าไม่ยอมใครทุกคนในบ้านเลยจะเงียบ แล้วเราเป็นคน2อารมณ์จะดูง่ายมาก ถ้าอารมณ์ดีคือบ้าบอเลย แต่ถ้าอารมณ์ไม่จอยคือนิ่งๆไม่โวยวาย เฉยๆเคยอารมณ์เสียแล้วไม่พูดกับใครคือไม่พูดเลย3วัน จะเก็บไว้ในใจไม่เคยพูดออกไป แต่เวลาโกรธคือจะโกรธคนเดียวบนห้อง (ก็พวกทำลายข้าวของ ทำร้านตัวเองนิดๆหน่อยๆพอให้ตัวเองมีสติว่าทำอะไรอยู่ แต่ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายไม่ต้องห่วง) ที่บ้านหรือเพื่อนจะไม่มีใครเคยเห็นเราโกรธหรือโวยวาย เพราะเราชอบทำตัว ร่าเริงบ้าบอไปวันๆเหมือนไม่มีไรให้เครียด ที่เคยทำก็ส่วนมากก็แค่นิ่งๆ โกรธอีกหน่อยก็สีหน้าอีกหน่อยก็พูดช้าและมีเหตุผล แบบโกรธแต่เก็กอ่ะ เป็นแบบนี้เสมอ เคยคิดว่าถ้าพูดออกไปเค้าต้องเสียใจ เค้าต้องผิดหวัง เลยเก็บไว้ดีกว่า ตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุ23 ยังไม่เคยทะเลาะไม่เคยเถียงไม่เคยโวยวายไม่เคยแสดงกิริยาแย่แบบนี้มาก่อน
จุดเริ่มต้นคือเราล้างจานอยู่แม่ก็บ่นว่าไอ้ที่วางอยู่ตรงนี้ไปไหน เราเลยบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้เก็บด้วย ทำไมไม่เอาไปวางไว้ตรงที่ดีๆที่หาง่ายละใครจะไปเห็นด้วย แล้วแม่ก็บอกว่าเราเถียง คือการพูดการจาเราตอนนั้นคือนิ่งและน้ำเสียงคือเย็นและเบาสุดๆ มีเหตุผลที่สุดเลยนะ เราก็บอกว่าคุยดีๆ นี่ที่คุยอยู่มีเหตุผลที่สุดแล้ว อย่าพาล นั้นแหละ อะไรอีกไม่รู้อ่ะ เหมือนฟิวขาด เราก็เหมือนคนเก็บกดมานับ20ปีได้ปล่อยอ่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตะคอกนะ เราก็บอกว่าทุกวันนี้ยอมสุดๆแล้วนะ ยอมแล้วนะ แล้วเค้าก็บ่นไม่หยุด มันเหมือนคนที่ฟิวขาดไปแล้วมันก็หนักกว่าเดิม เราปาจานที่ล้างทิ้ง พ่อกับน้องมาห้ามว่าเป็นอะไร( เวลาทะเลาะกันเรากับพ่อกับน้องจะไม่ตอบโต้เลยไม่งั้นไม่จบ ปล่อยให้เคาบ่นไปทำเหมือนไม่ได้ยินให้เค้าระบายออกมาเดียวก็หยุดเอง เป็นแบบนี้มาตลอด) เราก็ผลักน้องออก ทุบแล้วก็เตะประตูตอนนี้คือตะโกนแล้วนะตั้งแต่ปาจานแล้ว ตะโกนอยู่แค่ประโยคเดียว ที่จำได้ว่า ทุกวันนี้คือยอมแล้วนะ ยอมที่สุดแล้วนะ (ในความหมายของเราคือทุดวันนี้เราเชื่อฟังเค้าที่สุดแล้ว เราไม่เคยทำตัวไม่ดีเราทำตัวน่ารักกับเค้าตลอดมาแต่เหมือนเค้าโกรธเลยบอกว่าเรามันไม่ดีชอบเถียงเค้า) แล้วเราก็ขึ้นห้องมาประโยคสุดท้ายที่เราได้ยินจากเค้า เค้าบอกว่ากว่ากูจะเลี้ยงโต
เราเสียใจมากนะที่ทำแบบนั้นกับเค้าแต่เหมือนตอนนั้นเราไม่มีสติเหมือนเราจิตหลุดเหมือนเราควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนคนที่เก็บกดมานานได้ปล่อย เราไม่เคยพูดความในใจกับที่บ้านเลย ถึงแม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหน เราเล่าทุกเรื่องที่เจอนะ แต่ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกว่าต้องการสิ่งนี้ สิ้งนี้ไม่ชอบเลยนะ ไม่เคยพูด เราบอกรักกันนะที่บ้านบอกคิดถึงบอกฝันดี กอดกันทุกครั้งที่เรากลับไปเรียนและกลับมาบ้าน เราเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เราเจอ หรือเรื่องที่เราตัดสินใจให้เค้าทราบถ้าเค้าว่าไม่ดีเราเชื่อฟัง
เรารู้ว่าเราผิดเรารู้ว่าเราควรทำอะไรควรข้อโทษ แต่เราเป็นคนมีอีโก้ แต่เราจะขอโทษแน่ๆแต่มันอาจจะ2-3วันไหมให้ใจเย็น แต่ไม่รู้ต้องพูดว่าอะไร ควรพูดความในใจไหมว่าไม่พอใจว่าต้องการอะไร แต่พูดไปแล้วกลัวเค้าไม่รับฟังแล้วมันจะเป็นเราที่ผิดหวัง
เรารู้เราแย่ที่ตะคอกตะโกนและทะเลาะไปแบบนั้น ตอนนี้รู้สึกแย่มาก แล้วเอาไงดีอ่ะ งงมากเลยตอนนี้ เราจะกลายเป็นลูกเลวๆใช่ไหม เรากลัวเค้าผิดหวังในตัวเราเพราะตลอดมาเราไม่เคยทำให้เค้ารู้สึกแย่
ใครเคยมีประสบการแบบนี้บ้าง จากวันนั้น ความสัพพันในครอบครัวเปลี่ยนไหม เค้ามองคุณยังไง เหมือนเดิมไหม สิ่งที่กลัวที่สุด คือทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
ขอนอกเรื่อง
แล้วเรื่องที่เหมือนเก็บกดและจำฝังใจที่สุดคือตอนจะขึ้นปีหนึ่งก่อนไปมหาลัย (พ่อกับเราเคยเรียนมหาลัยเดียวกัน)เราบอกว่าอยากไปเข้าค่ายไปทำค่ายจังพวกสร้างโรงเรียนอะไรแบบเนี้ย พ่อก็บอกที่มหาลัยเยาะมากกิจกรรมได้ทำแน่นอนถ้ามีก็ไปทำ ( สำหรับเรามันเหมือนคำสัญญาว่าอนุญาตให้ไป )แล้วเราก็จะไปเก็บของพร้อมเดินทาง พน.ละ ก่อนนอนเลยโทรไปบอกซะหน่อยว่าจะไปค่าย เค้าก็บอกว่าห่วงไปกับใคร เราบอกไปคนเดียวเพราะเราอยากไปจริงๆ เราบอกไม่เป็นไรเราไปคนเดียวได้เราอยากไป ตอนแรกก็นึกว่าได้ไปแล้ว สุดท้ายโทรมาเรื่องๆว่าเป็นห่วงอย่าไปเลยมันอันตรายเราก็บอกคนไปเยอะแยะมันเป็นของมหาลัย จ่ายเงินอะไรเรียบร้อยแล้ว เค้าก็บอกห่วงอะเพื่อความสบายใจของเค้าเราก็ไม่ไป แต่เหมือนมันฝังใจมันเหมือนเค้าผิดสัญญาจนตอนนี้จบแล้วยังไม่ได้ไปค่ายเลย เหมือนเราเก็บทุกอย่างไว้ในใจแล้วแบบไม่มีใครรู้ พอมาวันนี้มันเลยเหมือนระเบิด อีกเรื่องที่เราเก็บไปคิดบ่อยสุดคือ เรื่องรถ เรามีใบขับขี่รถยนต์ตั้งแต่จบม.6 เราขอเอารถไปขับเที่ยวกับเพื่อน คือบ้านเรามีรถยนต์4คน ไม่ลำบากหรืออะไรถ้าจะเอาไป(ภายในจังหวัด) แต่เค้าไม่ให้ไป รู้ป่ะเวลาเรานัดเพื่อนเค้ายังต้องไปส่งเราที่บ้านเพื่อนไม่ก็จุดนัดเพื่อนแล้วเค้าจะรอกลับอ่ะ รู้ว่าห่วงแต่ก็มากเกินจนบางครั้งเราอึดอัด แต่ไม่เคยพูดนะ ที่เคยขับไปคนเดียวไกลสุดไม่เกิน10กิโล เค้าจะไม่ให้เราขับรถเลยถ้าพ่อกบแม่ไม่ไปด้วยถ้าไปทำธุระในเมืองอ่ะเราขอขับอะให้ขับแต่จะบอกว่าในเมืองรถเยอะนะขับได้หร๋อ ก็ขับแค่ในจังหวัดไม่เกิน45 กิโลอ่ะ เค้าห่วงจนบางครั้งเราเหมือนเด็กที่ยังไม่โตแต่เรียนจบแล้วอ่ะ พึ่งมาได้ขับเข้าเมืองบ่อยช่วงกลับบ้านรอบนี้เองนะ แต่ก่อนคือได้แค่แถวบ้านไม่เกิน10โล
บ้านใครเป็นแบบนี้บ้าง
ปล.ตอนนี้พึ่งจบอยู่ในช่วงจะรับปริญญาแล้วก็วางแผนจะเรียนต่อแล้วทำงานไปด้วยเลยยังไม่ได้ทำงาน เลยอยู่บ้านยาวหน่อย
อายุ23ทะเลาะกับแม่ครั้งแรกและหนักที่สุด!!!ช่วยด้วยยย!!!
แต่วันนี้มันเหมือนจุดเปลี่ยน เราทะเลาะกับแม่ แม่เราเป็นคนที่ทุกคนในบ้านต้องฟังอ่ะ เพราะถ้าไปทะเลาะกันต่อ ยาวแน่ๆ เพราะเค้าไม่ยอมใครทุกคนในบ้านเลยจะเงียบ แล้วเราเป็นคน2อารมณ์จะดูง่ายมาก ถ้าอารมณ์ดีคือบ้าบอเลย แต่ถ้าอารมณ์ไม่จอยคือนิ่งๆไม่โวยวาย เฉยๆเคยอารมณ์เสียแล้วไม่พูดกับใครคือไม่พูดเลย3วัน จะเก็บไว้ในใจไม่เคยพูดออกไป แต่เวลาโกรธคือจะโกรธคนเดียวบนห้อง (ก็พวกทำลายข้าวของ ทำร้านตัวเองนิดๆหน่อยๆพอให้ตัวเองมีสติว่าทำอะไรอยู่ แต่ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายไม่ต้องห่วง) ที่บ้านหรือเพื่อนจะไม่มีใครเคยเห็นเราโกรธหรือโวยวาย เพราะเราชอบทำตัว ร่าเริงบ้าบอไปวันๆเหมือนไม่มีไรให้เครียด ที่เคยทำก็ส่วนมากก็แค่นิ่งๆ โกรธอีกหน่อยก็สีหน้าอีกหน่อยก็พูดช้าและมีเหตุผล แบบโกรธแต่เก็กอ่ะ เป็นแบบนี้เสมอ เคยคิดว่าถ้าพูดออกไปเค้าต้องเสียใจ เค้าต้องผิดหวัง เลยเก็บไว้ดีกว่า ตั้งแต่เกิดมาจนถึงอายุ23 ยังไม่เคยทะเลาะไม่เคยเถียงไม่เคยโวยวายไม่เคยแสดงกิริยาแย่แบบนี้มาก่อน
จุดเริ่มต้นคือเราล้างจานอยู่แม่ก็บ่นว่าไอ้ที่วางอยู่ตรงนี้ไปไหน เราเลยบอกว่าไม่รู้ ไม่ได้เก็บด้วย ทำไมไม่เอาไปวางไว้ตรงที่ดีๆที่หาง่ายละใครจะไปเห็นด้วย แล้วแม่ก็บอกว่าเราเถียง คือการพูดการจาเราตอนนั้นคือนิ่งและน้ำเสียงคือเย็นและเบาสุดๆ มีเหตุผลที่สุดเลยนะ เราก็บอกว่าคุยดีๆ นี่ที่คุยอยู่มีเหตุผลที่สุดแล้ว อย่าพาล นั้นแหละ อะไรอีกไม่รู้อ่ะ เหมือนฟิวขาด เราก็เหมือนคนเก็บกดมานับ20ปีได้ปล่อยอ่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ตะคอกนะ เราก็บอกว่าทุกวันนี้ยอมสุดๆแล้วนะ ยอมแล้วนะ แล้วเค้าก็บ่นไม่หยุด มันเหมือนคนที่ฟิวขาดไปแล้วมันก็หนักกว่าเดิม เราปาจานที่ล้างทิ้ง พ่อกับน้องมาห้ามว่าเป็นอะไร( เวลาทะเลาะกันเรากับพ่อกับน้องจะไม่ตอบโต้เลยไม่งั้นไม่จบ ปล่อยให้เคาบ่นไปทำเหมือนไม่ได้ยินให้เค้าระบายออกมาเดียวก็หยุดเอง เป็นแบบนี้มาตลอด) เราก็ผลักน้องออก ทุบแล้วก็เตะประตูตอนนี้คือตะโกนแล้วนะตั้งแต่ปาจานแล้ว ตะโกนอยู่แค่ประโยคเดียว ที่จำได้ว่า ทุกวันนี้คือยอมแล้วนะ ยอมที่สุดแล้วนะ (ในความหมายของเราคือทุดวันนี้เราเชื่อฟังเค้าที่สุดแล้ว เราไม่เคยทำตัวไม่ดีเราทำตัวน่ารักกับเค้าตลอดมาแต่เหมือนเค้าโกรธเลยบอกว่าเรามันไม่ดีชอบเถียงเค้า) แล้วเราก็ขึ้นห้องมาประโยคสุดท้ายที่เราได้ยินจากเค้า เค้าบอกว่ากว่ากูจะเลี้ยงโต
เราเสียใจมากนะที่ทำแบบนั้นกับเค้าแต่เหมือนตอนนั้นเราไม่มีสติเหมือนเราจิตหลุดเหมือนเราควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนคนที่เก็บกดมานานได้ปล่อย เราไม่เคยพูดความในใจกับที่บ้านเลย ถึงแม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหน เราเล่าทุกเรื่องที่เจอนะ แต่ไม่ใช่เรื่องความรู้สึกว่าต้องการสิ่งนี้ สิ้งนี้ไม่ชอบเลยนะ ไม่เคยพูด เราบอกรักกันนะที่บ้านบอกคิดถึงบอกฝันดี กอดกันทุกครั้งที่เรากลับไปเรียนและกลับมาบ้าน เราเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เราเจอ หรือเรื่องที่เราตัดสินใจให้เค้าทราบถ้าเค้าว่าไม่ดีเราเชื่อฟัง
เรารู้ว่าเราผิดเรารู้ว่าเราควรทำอะไรควรข้อโทษ แต่เราเป็นคนมีอีโก้ แต่เราจะขอโทษแน่ๆแต่มันอาจจะ2-3วันไหมให้ใจเย็น แต่ไม่รู้ต้องพูดว่าอะไร ควรพูดความในใจไหมว่าไม่พอใจว่าต้องการอะไร แต่พูดไปแล้วกลัวเค้าไม่รับฟังแล้วมันจะเป็นเราที่ผิดหวัง
เรารู้เราแย่ที่ตะคอกตะโกนและทะเลาะไปแบบนั้น ตอนนี้รู้สึกแย่มาก แล้วเอาไงดีอ่ะ งงมากเลยตอนนี้ เราจะกลายเป็นลูกเลวๆใช่ไหม เรากลัวเค้าผิดหวังในตัวเราเพราะตลอดมาเราไม่เคยทำให้เค้ารู้สึกแย่
ใครเคยมีประสบการแบบนี้บ้าง จากวันนั้น ความสัพพันในครอบครัวเปลี่ยนไหม เค้ามองคุณยังไง เหมือนเดิมไหม สิ่งที่กลัวที่สุด คือทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
ขอนอกเรื่อง
แล้วเรื่องที่เหมือนเก็บกดและจำฝังใจที่สุดคือตอนจะขึ้นปีหนึ่งก่อนไปมหาลัย (พ่อกับเราเคยเรียนมหาลัยเดียวกัน)เราบอกว่าอยากไปเข้าค่ายไปทำค่ายจังพวกสร้างโรงเรียนอะไรแบบเนี้ย พ่อก็บอกที่มหาลัยเยาะมากกิจกรรมได้ทำแน่นอนถ้ามีก็ไปทำ ( สำหรับเรามันเหมือนคำสัญญาว่าอนุญาตให้ไป )แล้วเราก็จะไปเก็บของพร้อมเดินทาง พน.ละ ก่อนนอนเลยโทรไปบอกซะหน่อยว่าจะไปค่าย เค้าก็บอกว่าห่วงไปกับใคร เราบอกไปคนเดียวเพราะเราอยากไปจริงๆ เราบอกไม่เป็นไรเราไปคนเดียวได้เราอยากไป ตอนแรกก็นึกว่าได้ไปแล้ว สุดท้ายโทรมาเรื่องๆว่าเป็นห่วงอย่าไปเลยมันอันตรายเราก็บอกคนไปเยอะแยะมันเป็นของมหาลัย จ่ายเงินอะไรเรียบร้อยแล้ว เค้าก็บอกห่วงอะเพื่อความสบายใจของเค้าเราก็ไม่ไป แต่เหมือนมันฝังใจมันเหมือนเค้าผิดสัญญาจนตอนนี้จบแล้วยังไม่ได้ไปค่ายเลย เหมือนเราเก็บทุกอย่างไว้ในใจแล้วแบบไม่มีใครรู้ พอมาวันนี้มันเลยเหมือนระเบิด อีกเรื่องที่เราเก็บไปคิดบ่อยสุดคือ เรื่องรถ เรามีใบขับขี่รถยนต์ตั้งแต่จบม.6 เราขอเอารถไปขับเที่ยวกับเพื่อน คือบ้านเรามีรถยนต์4คน ไม่ลำบากหรืออะไรถ้าจะเอาไป(ภายในจังหวัด) แต่เค้าไม่ให้ไป รู้ป่ะเวลาเรานัดเพื่อนเค้ายังต้องไปส่งเราที่บ้านเพื่อนไม่ก็จุดนัดเพื่อนแล้วเค้าจะรอกลับอ่ะ รู้ว่าห่วงแต่ก็มากเกินจนบางครั้งเราอึดอัด แต่ไม่เคยพูดนะ ที่เคยขับไปคนเดียวไกลสุดไม่เกิน10กิโล เค้าจะไม่ให้เราขับรถเลยถ้าพ่อกบแม่ไม่ไปด้วยถ้าไปทำธุระในเมืองอ่ะเราขอขับอะให้ขับแต่จะบอกว่าในเมืองรถเยอะนะขับได้หร๋อ ก็ขับแค่ในจังหวัดไม่เกิน45 กิโลอ่ะ เค้าห่วงจนบางครั้งเราเหมือนเด็กที่ยังไม่โตแต่เรียนจบแล้วอ่ะ พึ่งมาได้ขับเข้าเมืองบ่อยช่วงกลับบ้านรอบนี้เองนะ แต่ก่อนคือได้แค่แถวบ้านไม่เกิน10โล
บ้านใครเป็นแบบนี้บ้าง
ปล.ตอนนี้พึ่งจบอยู่ในช่วงจะรับปริญญาแล้วก็วางแผนจะเรียนต่อแล้วทำงานไปด้วยเลยยังไม่ได้ทำงาน เลยอยู่บ้านยาวหน่อย