JJNY : 4in1 “วอล์คกิ้ง สตรีทหรือเมืองร้าง”│"หัวหิน"15วัน ต่างชาติมา56│แจกถุงยังชีพ หวิดโกลาหล│ทอ.ควัก4.6พันล.ซื้อบินรบ

“วอล์คกิ้ง สตรีท หรือ เมืองร้าง” 1 ปี 10 เดือน แสงสีที่หายไปจากพัทยา
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/160608\
 
จากย่านที่ไม่เคยหลับใหล นทท.หลายล้านคนต่อปีต้องมาสัมผัสบรรยากาศสุดคึกคักของ "วอล์คกิ้ง สตรีท พัทยา" วันนี้เป็นเวลากว่า 1 ปี 10 เดือน และยังไม่รู้ว่าความคึกคักของย่านนี้ และเมืองแห่งสีสันต์นี้จะกลับมาอีกเมื่อไหร่
 
คุณดำรงค์เกียรติ พินิจการ เลขาสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ยอมรับว่า ในช่วงแรกที่มีการแพร่ระบาด ผู้ประกอบสถานบันเทิงหลายรายไม่คิดว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อ ประกอบการช่วงหนึ่งประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงเป็นศูนย์ จึงกลับมาเปิดอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ถือว่าสามารถคุ้มกับต้นทุนได้

เมื่อประตูประเทศยังปิด ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก
        
เพราะเกือบ 100% ของนักท่องเที่ยวในพัทยา จ.ชลบุรี คือ ต่างชาติ ทั้งจีน เกาหลี อินเดีย รัสเซีย ยุโรป  ต่อให้เปิดในช่วงเวลานั้นก็ยัง “ขาดทุน”
 
“อย่างผมลองเปิดได้ 10 วันก็ต้องปิด หลังจากนั้นก็ยาวมาเลยจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เปิด กระทบหนักทั้งตัวผู้ประกอบการและลูกจ้างตอนนี้ก็กลับบ้านใครบ้านมัน”
 
จนถึงวันนี้ สถานบันเทิง บาร์เบียร์ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ปิดกิจการไปแล้วยาวนานกว่า 1 ปี 10 เดือน  รายได้จากหลักสิบล้าน กลายเป็น ศูนย์
 
จากก่อนโควิด-19 สถานบันเทิงบางแห่งในเมืองพัทยา มีรายได้มีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน  แต่ตอนนี้คือ ศูนย์ รวมถึงพนักงานเสิร์ฟ มีรายได้จากทิปต่อเดือน ประมาณ 50,000-60,000  บาท ตอนนี้ทุกคนคือ ศูนย์  หลายคน โดนยึดรถ ไม่เงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ฯลฯ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจบาร์เบียร์ ร้านขนาดเล็ก ที่สายป่านไม่ได้ยาวนัก
 
ภาพที่ทีมงาน นิวมีเดีย พีพีทีวี เห็นในระหว่างลงพื้นที่ยามค่ำคืน จากเมืองที่มีแต่แสงสี ดนตรี และความคึกคัก วันนี้ไม่ต่างจาก “เมืองร้าง” บางร้านปิดประกาศปล่อยให้เช่า เซ้ง หรือปล่อยทิ้งไว้เป็นพื้นที่ที่โล่ง
 
บางราย “ปรับตัวได้” หันมาจับกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทย จากธุรกิจกลางคืนมาเปิดธุรกิจกลางวัน 
         
คุณดำรงเกียรติ ยกตัวอย่าง จากตัวเขาเอง เมื่อสถานการณ์เริ่มแรงเกิน 3 เดือน ผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้น เขาเริ่มปรึกษากันในครอบครัว สรุปว่า ต้องยอมพักเบรก อย่าฝืน ในเมื่อลูกค้าเราเป็นต่างชาติ ไม่ใช่คนไทยเราต้องยอมหลับก่อน รอจังหวะปลุก หรือจังหวะฟื้น หรือกลับมาทำ
จึงลงทุนเปิดร้านอาหารพร้อมกิจกรรมเรือตกหมึกกลางทะเล / คาเฟ่ บ่อบัว จับกลุ่มตลาดคนไทย รายได้ไม่เท่าเดิมแต่ก็ยังพอไปได้ ยังจ้างงานลูกน้องบางคนที่ไม่มีที่ไปให้อยู่รอดได้
 
ความหวังเดือนละ 2 หนของคนไทย ความเชื่อ วิจารณญาณ กับเลขอั้น
 
“ เป็นมนุษย์กลางวันเต็มตัว รายได้อาจจะสู้ผับไม่ได้ ธุรกิจกลางวันเราหาได้แสนนึงก็หายไปหลายเท่า แต่ในภาวะแบบนี้ก็ถือว่าดี ยังประคองลูกน้องที่เขาไม่มีบ้านให้กลับ ต้องหากินอยู่พัทยา ก็ยังพอไปได้”
 
 แต่ไม่ใช่ผู้ประกอบการทุกคนจะมีเงินทุน หรือ สายป่านที่ยาวพอ กลุ่มรายย่อย รายเล็ก สุดท้ายต้องยอม “ปิดตัวลงถาวร”
         
 เขามีภาระต้นทุนของเขาเป็นค่าเช่า แล้วทุนเขาน้อยกว่าผู้ประกอบการผับรายใหญ่ ที่มีทุนหรือสายป่านยาวที่จะจ่ายค่าเช่าเลี้ยงร้านไว้ พอปิดมานานเกิน 3-6 เดือนไม่มีรายได้ เขาก็ต้องยอมขนของ ขนทุกอย่าง เพราะเขาไม่มีเงินมาจ่ายค่าเช่ามาจ่ายค่าที่” คุณดำรงเกียรติ สะท้อนภาพให้ชัดขึ้น
 
อัตราค่าเช่าตึกหนึ่งตึกสำหรับการลงทุนบาร์เบียร์ ต้องมีไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท สำหรับเซ้งหรือปล่อยเช่า ขณะที่ค่าเช่ารายเดือนอีกไม่ต่ำกว่า 1-2 แสนบาท แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึง 5 ล้านบาท
 
ในฐานะเลขาสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยาจึงขอเป็นกระบอกเสียง ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย
        
ที่ผ่านมามาตรการต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐหรือธนาคาร เช่น มาตรการสินเชื่อ ได้มีการได้พูดคุยและประชุมกันหลายครั้ง จึงอยากร้องขอผ่านทางหน่วยงานของรัฐ ในเรื่องของสินเชื่อธุรกิจ เพราะที่ผ่านมาธุรกิจประเภทนี้จะถูกประเมินว่ามีความเสี่ยง และไม่ค่อยได้รับการอนุมัติ อย่างน้อยเพื่อเป็นเงินทุนหากวันหนึ่งสามารถกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง
 
อยากให้เอาธุรกิจประเภทเราไปด้วย ผับ บาร์ คาราโอเกะ เราไม่มีรายได้ แต่เรามีสถานที่ มีของ และเรามองว่าเปิดเมืองทุกอย่างยังเป็นไปได้  อยากมีเงินทุนมาต่อเติม ตกแต่ง ปรับปรุงให้มันดี จะได้สอดรับกับมาตรการ ศบค. และมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อรอต้อนรับ นักท่องเที่ยวที่จะกลับมาในอนาคต ก็ฝากเป็นกระบอกเสียง อยากให้มีธนาคารหรือหน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยดูตรงนี้
         
อย่างไรก็ตาม คุณดำรงค์เกียรติ มองว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจสถานบันเทิง ผับ บาร์ จะกลับมาเกิดการแข่งขันสูง เพราะทุกคนเริ่มจากศูนย์หมด ขณะที่ลูกค้าเขาจะมามองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง  
 
แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวได้  เพราะยังเห็นตัวเลขไม่ชัดเจน ยังมองไม่ออก และคาดว่าจะยังเป็นนักท่องเที่ยวที่ลับมาหาครอบครัวมากกว่า เพราะไม่ต้องการกักตัวแล้ว แต่แบบเป็นกลุ่มที่มาเป็นหมู่คณะ เช่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง จีน ยังไม่เห็นชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการก็จะลองวิเคราะห์ดูว่า สัก 14-15 วันหลังเปิดประเทศ จะมีลูกค้ากลุ่มของเรามาไหม ถ้ายังไม่เข้ามาเราก็คงยังไม่เปิด 
นอกจากนั้น ยังฝากถึงรัฐบาลของความชัดเจนโดยเฉพาะ "อนุญาตให้กลับมาเปิดบริการและขายเครื่องดื่มแอลกฮอล์ได้อีกครั้ง"
 
ผมเห็นใจกลุ่มนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการรายเล็ก บาร์เบียร์ ผับแอนด์เรสเตอร์ลอง ผับแบบชิลเอาท์ เพราะถ้าคุณเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว เวลาเขาเข้ามาก็อยากสังสรรค์ ก็อยากให้พิจารณาตรงนั้นดู ยังไม่ต้องผับขนาดใหญ่ เขอเป็นร้านอาหารก่อน ให้เขาได้ลองเปิด ถ้า นักท่องเที่ยวมาแล้วไม่สามารถดื่มได้ ไม่สามารถมานั่งร้านบรรยากาศชิลๆ ได้ เขาก็จะเสียความรู้สึกว่ามาแล้วมาทำไม
 
ซึ่งคำสั่ง ศบค. ล่าสุด เลื่อนจากวันที่ 1 ธ.ค.64 เป็น 16 ม.ค.64 และเฉพาะพื้นที่ สีเหลือง สีฟ้า ซึ่งยังไม่มี “พัทยา ชลบุรี”
         
ขอให้กำหนดชัดๆ มาเลยอย่ามาให้ความหวังหลอกๆ เรา เพราะก่อนหน้าสักอาทิตย์เราต้องเรียกพนักงานและ ต้องใช้เงินทุน ถ้าให้ความหวังแล้วไม่ให้เราเปิดเราเสียหายบางคนก็ อาจเป็นเงินก้อนสุดท้ายของเขาแล้ว
 
คุณดำรงค์เกียรติ  ทิ้งท้ายว่า ผมมองว่าควรแล้วครับ เราอย่ามากลัว เพราะถ้าเรามัวแต่กลัว เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ปรับตัว เพราะถ้าเรามัวกลัว เราตาย มันไม่ได้ตายเพราะโควิดหรอก ตายเพราะไม่มีกิน  จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน คุณดิ้นมาได้ขนาดนี้ ผ่านมาถึงระลอก 4  ทุกคนต้องมีเทคนิคของแต่ละคน ซึ่งทุกคนพร้อมแล้วที่จะกลับมา
         
“โฆษกรัฐบาล” รับ ยังไม่มีแนวทางเยียวยาผับบาร์ หลังเลื่อนเปิด 16 ม.ค.
 
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2564 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำถามเรื่องการเยียวยากลุ่มผู้ประกอบการสถาบันเทิง จากการเลื่อนเปิดจากเดิม 1 ธ.ค. 2564 เป็น 16 ม.ค. 2565 ว่า เบื้องต้น การประกาศเปิด 1 ธ.ค. ไม่ใช่การรับปาก แต่ ศบค. ชุดเล็กและชุดใหญ่ เห็นตรงกันว่าช่วงเวลาที่ปรับเปลี่ยนเหมาะสมและเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทย ส่วนเรื่องเยียวยาอย่างไร ขณะนี้ยังไม่มี แต่ยืนยันจะดูแลภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน 
 


ผิดคาด! "หัวหิน" เปิดเมือง 15 วัน ต่างชาติมาเที่ยวแค่ 56 คน หลังปีนี้ตั้งเป้าไว้ 1 แสนคน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6735178

ผิดคาด! “หัวหิน” เปิดเมือง 15 วัน ต่างชาติมาแค่ 56 คน หลังปีนี้ตั้งเป้าไว้ 1 แสนคน สร้างรายได้ 1.5 พันล้าน คาดเหตุเข้าประเทศมีขั้นตอนมากและเสียค่ากักตัว
 
เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 นายอุดม ศรีมหาโชตะ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน-ชะอำ กล่าวว่า หลังจากเปิดเมืองหัวหินตามวรัฐบาลให้นักท่องเที่ยวชาติเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่กักตัว 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-15 พ.ย. มียอดจองห้องพัก 112 คืน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.หัวหิน จำนวน 56 คน โดย 16 คนอยู่ในพื้นที่บลูโซนห้ามออกนอกพื้นที่ 86 ตารางกิโลเมตร เขตเทศบาลหัวหิน สำหรับ 40 คนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วประเทศ
 
นายอุดม กล่าวต่อว่า คาดว่านักท่องเที่ยวยุโรปจะเริ่มเข้ามาหัวหินช่วงก่อนคริสต์มาส จนถึงต้นปี 2565 คาดว่าจะมีไม่เกิน 25% จากจำนวนนักท่องเที่ยวในสถานการณ์ปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีผลต่อการตัดสินใจในการเดินทางท่องเที่ยวในระยะทางไกลที่มีค่าใช้จ่ายสูง
 
นายอุดม กล่าวอีกว่า จากการประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ อ.หัวหิน น่าจะต่ำกว่าเป้าหมายอย่างชัดเจนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จากที่กำหนดไว้เดิมกว่า 1 แสนคน จะมีรายได้ 1,500 ล้านบาท เนื่องจากประเทศไทยและพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง ขณะที่ขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ Thailand pass มีขั้นตอนที่ยังมีปัญหานักท่องเที่ยวบางส่วนไม่เข้าใจในการกรอกข้อมูล และพบว่าการเดินทางมาไทยแล้วจะกลับออกไปประเทศต้นทางจะเจอมาตรการเข้มงวดด้วยการกักตัว 10-14 วัน เพราะประเทศไทยยังอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
 
นายอุดม กล่าวต่อว่า สำหรับจำนวนตารางเที่ยวบินที่จะเดินทางพานักท่องเที่ยวเข้ามาไทยยังมีไม่มาก และมีมาตรการทางสาธารณสุขในการเดินทางเข้าประเทศและระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน อีกทั้งนักท่องเที่ยวบางกลุ่มยังมองว่าการเดินทางเข้าออกประเทศไทยยังมีขั้นตอนมากและต้องมีการกักตัวอย่างน้อย 1 วันที่มีค่าใช้จ่ายในการกักตัวและทำ RT-PCR Test
 
นายอุดม กล่าวอีกว่า การดึงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่หัวหิน หรือชะอำ ควรจะมีการจัดงาน Travelmart และ Tradeshow โดยเชิญ Travel agent ทั่วโลกมาในพื้นที่เพื่อสร้างการรับรู้ของศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว เป็นการสร้าง Brand Awareness ของหัวหิน-ชะอำ หลังจากนั้นทุกปีต้องมีการจัด Tradeshow หรือ FAM trip ให้ Travel agent หรือ Influencer หรือ Blogger เข้ามาท่องเที่ยว แล้วไปเผยแพร่ในต่างประเทศ
 
“ถือเป็นการกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติให้รับรู้ว่าหัวหิน-ชะอำ มีศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวด้านสุขภาพ Well Hotel Medical & Wellness Tourism ดีกว่าหลายพื้นที่ในประเทศ ที่พยายามจะใช้แนวทางนี้ไปแย่งชิงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่หัวหินมีศักยภาพทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์ทางเลือก อายุรเวช หรือแพทย์ทางเลือกทั้งแผนไทยและแผนจีน” นายอุดม กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่