เรื่องที่ 1
มีเรื่องเล่าจากเพื่อน ที่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง มีหน้าที่คือทำงานเอกสารและประสานงานทั่วไป หัวหน้างานเป็นผู้หญิง เพื่อนทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าได้เป็นอย่างดี ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่การทำงานของเพื่อน แต่อยู่ที่หัวหน้า
โดยเรื่องที่จะเล่าก็คือ หัวหน้าเป็นคนที่ชอบใช้งานลูกน้องในส่ิงที่บางทีก็เกินหน้าที่ของลูกน้องที่ควรจะทำ ว่าง่ายๆคือ การใช้งานในเรื่องส่วนตัว ที่บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว คือ การให้เตรียมอาหาร สำหรับจะกินกลางวัน การไหว้วานให้ช่วยซื้ออาหารหรือเตรียมอาหารให้ ในบางครั้งที่หัวหน้าไม่ว่าง ในฐานะลูกน้องก็อาจจะช่วยเหลือได้ แต่การต้องจัดเตรียมกับข้าวที่หัวหน้านำมาจากบ้าน ใส่จานและนำไปอุ่น พร้อมทั้งนำทุกอย่างมาเสิร์ฟให้บนโต๊ะ ต้องทำแบบนี้เกือบทุกครั้ง แบบนี้สมควรหรือไม่
ขั้นตอนคือ ต้องนำอาหารจากในถุงที่แช่เย็นมาจากบ้าน จัดใส่จาน นำเข้าอุ่นในไมโครเวพในห้องครัว จากนั้นก็จะนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะทำงาน พร้อมรับประทาน แบบนี้เป็นหน้าที่ของลูกน้องที่ต้องทำทุกครั้งหรือไม่
นอกจากเตรียมอาหารให้หัวหน้าผู้เป็นแม่แล้ว ยังต้องเตรียมสำหรับลูกของหัวหน้าที่เป็นเด็กอีกด้วย
อาหารที่นำมาก็จะแตกต่างกันไป แล้วแต่ที่บ้านจัดเตรียมมาให้ แต่ในบางครั้งก็จะเป็นอาหารที่มีหมูเป็นส่วนประกอบ ทำไมการมีหมูอยู่ในอาหารถึงมีความสำคัญ เหตุผลก็เพราะ เพื่อนที่ถูกใช้ให้นำอาหารไปอุ่น นับถือศาสนาอิสลาม แบบนี้สมควรหรือไม่
ตอนแรกเพื่อนไม่กล้าบอก ก็นำอาหารเข้าไปในครัวและเรียกคนอื่นมาช่วยอุ่นอาหารให้ จนวันหนึ่งคนที่มาช่วยอุ่นไปคุยกับหัวหน้าให้ว่า ด้วยความที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่สะดวกที่จะจัดเตรียมและอุ่นอาหารที่เป็นหมูได้
จากวันนั้นที่มีคนช่วยพูดกับหัวหน้าให้ ก็เหมือนจะช่วยได้ คือ เมื่อมีอาหารที่มีหมูก็จะไม่เรียกเพื่อนไปอุ่น แต่จะเรียกลูกน้องอีกคนไปอุ่นแทน ซึ่งก็ยังไม่อุ่นเองอยู่ดี และเมื่อจะให้เพื่อนอิสลามอุ่นอาหาร จะบอกเลยว่าไม่มีหมู
แต่พอผ่านมา ก็เรียกเพื่อนไปจัดเตรียมอุ่นอาหารให้ และรู้ว่าอาหารที่เตรียมมาคือ ไข่พะโล้ ที่มีทั้งไข่ หมูสามชั้นและเต้าหู้ แต่ก็ยังเรียกเพื่อนที่เป็นอิสลามไปอุ่นและบอกว่า อุ่นแต่ไข่ 1 ใบพอนะ และให้อุ่นข้าวนิดเดียวพอ จากข้าวที่นำมาเต็มกล่อง เพราะกลัวว่าจะกินไม่หมดและเหลือ
ถามจริงๆนะว่า อุ่นแต่ไข่ก็จริง แต่ถุงพะโล้ทั้งถุงที่มีทั้งไข่ หมูและเต้าหู้ ถ้าต้องนำไข่ออกมาอุ่น จะต้องจับถุงและมือเปื้อนนำ้พะโล้หมูไหม
แต่เพื่อนก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่เรียกเพื่อนที่เป็นลูกน้องอีกคนมาช่วยอุ่นให้ และเพื่อนคนที่ช่วยอุ่นก็เดินไปให้และบอกหัวหน้าว่า อาหารมันมีหมู เพื่อนอิสลามอุ่นไม่ได้ แต่สิ่งที่หัวหน้าตอบกลับมา คือ เธอก็อุ่นให้ชั้นซิ ขอบใจที่อุ่นมาให้
เรื่องราวการอุ่นอาหารของพะโล้หมู ยังไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อ นั่งทำงานไปซักพัก เพื่อนคนที่อุ่นพะโล้หมู ถูกเรียกอีกครั้งเพื่อให้นำไข่ที่เหลืออีกใบในถุงไปอุ่นเพิ่ม เพราะบอกว่า ลูกแย่งกินไข่ไป ตัวเองยังไม่ได้กินเลย เพื่อนจึงต้องเดินไปอุ่นอีกครั้ง โดยใส่ไข่ หมู และเต้าหู้เพิ่มมาในถ้วยและนำไปอุ่นที่ห้องครัว แต่เมื่อเดินเอาพะโล้ที่อุ่นมาให้ที่โต๊ะทำงาน หัวหน้าก็บอกว่า ให้นำข้าวที่เหลือในกล่อง ที่ตอนแรกบอกเอานิดเดียว ให้ไปอุ่นให้เพิ่มอีกเพราะแบ่งให้ลูกกิน เลยกินไม่พอ เพื่อนก็ต้องเดินนำข้าวไปอุ่นอีกครั้ง
วันนี้เพื่อนที่อุ่นพะโล้หมูต้องเดินอุ่นอาหารอยู่ 3 รอบ อ่านดูแล้วเหมือนถูกแกล้งมั้ย แต่ไม่ได้แกล้งนะ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนและพะโล้หมู
ขอจบเรื่องที่ 1 ไว้เพียงเท่านี้ก่อน ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากจะแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่าน และช่วยบอกหน่อยว่า เป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่
การกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่
มีเรื่องเล่าจากเพื่อน ที่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง มีหน้าที่คือทำงานเอกสารและประสานงานทั่วไป หัวหน้างานเป็นผู้หญิง เพื่อนทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าได้เป็นอย่างดี ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่การทำงานของเพื่อน แต่อยู่ที่หัวหน้า
โดยเรื่องที่จะเล่าก็คือ หัวหน้าเป็นคนที่ชอบใช้งานลูกน้องในส่ิงที่บางทีก็เกินหน้าที่ของลูกน้องที่ควรจะทำ ว่าง่ายๆคือ การใช้งานในเรื่องส่วนตัว ที่บอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว คือ การให้เตรียมอาหาร สำหรับจะกินกลางวัน การไหว้วานให้ช่วยซื้ออาหารหรือเตรียมอาหารให้ ในบางครั้งที่หัวหน้าไม่ว่าง ในฐานะลูกน้องก็อาจจะช่วยเหลือได้ แต่การต้องจัดเตรียมกับข้าวที่หัวหน้านำมาจากบ้าน ใส่จานและนำไปอุ่น พร้อมทั้งนำทุกอย่างมาเสิร์ฟให้บนโต๊ะ ต้องทำแบบนี้เกือบทุกครั้ง แบบนี้สมควรหรือไม่
ขั้นตอนคือ ต้องนำอาหารจากในถุงที่แช่เย็นมาจากบ้าน จัดใส่จาน นำเข้าอุ่นในไมโครเวพในห้องครัว จากนั้นก็จะนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะทำงาน พร้อมรับประทาน แบบนี้เป็นหน้าที่ของลูกน้องที่ต้องทำทุกครั้งหรือไม่
นอกจากเตรียมอาหารให้หัวหน้าผู้เป็นแม่แล้ว ยังต้องเตรียมสำหรับลูกของหัวหน้าที่เป็นเด็กอีกด้วย
อาหารที่นำมาก็จะแตกต่างกันไป แล้วแต่ที่บ้านจัดเตรียมมาให้ แต่ในบางครั้งก็จะเป็นอาหารที่มีหมูเป็นส่วนประกอบ ทำไมการมีหมูอยู่ในอาหารถึงมีความสำคัญ เหตุผลก็เพราะ เพื่อนที่ถูกใช้ให้นำอาหารไปอุ่น นับถือศาสนาอิสลาม แบบนี้สมควรหรือไม่
ตอนแรกเพื่อนไม่กล้าบอก ก็นำอาหารเข้าไปในครัวและเรียกคนอื่นมาช่วยอุ่นอาหารให้ จนวันหนึ่งคนที่มาช่วยอุ่นไปคุยกับหัวหน้าให้ว่า ด้วยความที่นับถือศาสนาอิสลาม ไม่สะดวกที่จะจัดเตรียมและอุ่นอาหารที่เป็นหมูได้
จากวันนั้นที่มีคนช่วยพูดกับหัวหน้าให้ ก็เหมือนจะช่วยได้ คือ เมื่อมีอาหารที่มีหมูก็จะไม่เรียกเพื่อนไปอุ่น แต่จะเรียกลูกน้องอีกคนไปอุ่นแทน ซึ่งก็ยังไม่อุ่นเองอยู่ดี และเมื่อจะให้เพื่อนอิสลามอุ่นอาหาร จะบอกเลยว่าไม่มีหมู
แต่พอผ่านมา ก็เรียกเพื่อนไปจัดเตรียมอุ่นอาหารให้ และรู้ว่าอาหารที่เตรียมมาคือ ไข่พะโล้ ที่มีทั้งไข่ หมูสามชั้นและเต้าหู้ แต่ก็ยังเรียกเพื่อนที่เป็นอิสลามไปอุ่นและบอกว่า อุ่นแต่ไข่ 1 ใบพอนะ และให้อุ่นข้าวนิดเดียวพอ จากข้าวที่นำมาเต็มกล่อง เพราะกลัวว่าจะกินไม่หมดและเหลือ
ถามจริงๆนะว่า อุ่นแต่ไข่ก็จริง แต่ถุงพะโล้ทั้งถุงที่มีทั้งไข่ หมูและเต้าหู้ ถ้าต้องนำไข่ออกมาอุ่น จะต้องจับถุงและมือเปื้อนนำ้พะโล้หมูไหม
แต่เพื่อนก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่เรียกเพื่อนที่เป็นลูกน้องอีกคนมาช่วยอุ่นให้ และเพื่อนคนที่ช่วยอุ่นก็เดินไปให้และบอกหัวหน้าว่า อาหารมันมีหมู เพื่อนอิสลามอุ่นไม่ได้ แต่สิ่งที่หัวหน้าตอบกลับมา คือ เธอก็อุ่นให้ชั้นซิ ขอบใจที่อุ่นมาให้
เรื่องราวการอุ่นอาหารของพะโล้หมู ยังไม่ได้จบแค่นั้นเมื่อ นั่งทำงานไปซักพัก เพื่อนคนที่อุ่นพะโล้หมู ถูกเรียกอีกครั้งเพื่อให้นำไข่ที่เหลืออีกใบในถุงไปอุ่นเพิ่ม เพราะบอกว่า ลูกแย่งกินไข่ไป ตัวเองยังไม่ได้กินเลย เพื่อนจึงต้องเดินไปอุ่นอีกครั้ง โดยใส่ไข่ หมู และเต้าหู้เพิ่มมาในถ้วยและนำไปอุ่นที่ห้องครัว แต่เมื่อเดินเอาพะโล้ที่อุ่นมาให้ที่โต๊ะทำงาน หัวหน้าก็บอกว่า ให้นำข้าวที่เหลือในกล่อง ที่ตอนแรกบอกเอานิดเดียว ให้ไปอุ่นให้เพิ่มอีกเพราะแบ่งให้ลูกกิน เลยกินไม่พอ เพื่อนก็ต้องเดินนำข้าวไปอุ่นอีกครั้ง
วันนี้เพื่อนที่อุ่นพะโล้หมูต้องเดินอุ่นอาหารอยู่ 3 รอบ อ่านดูแล้วเหมือนถูกแกล้งมั้ย แต่ไม่ได้แกล้งนะ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเพื่อนและพะโล้หมู
ขอจบเรื่องที่ 1 ไว้เพียงเท่านี้ก่อน ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากจะแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่าน และช่วยบอกหน่อยว่า เป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่