[CR] การทำเลสิคครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต!! [แบบละเอียดทุกอณูที่พอจะเค้นความจำออกมาได้]

เล่าสู่กันฟัง กับการทำเลสิกครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต (แบบละเอียดทุกอณูยิ่งกว่าซูมดูรูขุมขน)

คำเตือน! : ไม่แนะนำให้อ่านถ้าไม่ว่างหรือไม่ได้สนใจจะทำ เพราะยาวและละเอียดมว้ากกกกกก!!

(จะแบ่งเป็นบันทึกส่วนตัวแบบเวิ่นเว้อ กับ ตรง ♥ เป็นถามตอบสิ่งที่จำเป็นสำหรับเพื่อนๆที่สนใจทำน๊าา ใครจะอ่านแค่ตรง ♥ เลยก็ได้จ้า)
 
สำหรับคำถามว่าน้ำทำกับใคร
=> เสิจหาเพจ เลสิคหมอเปา-หมอสุจินตนา ได้เลยจ้า
(ส่วนทำไมถึงเลือกหมอเปา+ทำไมจากคนที่ไม่เคยคิดจะทำถึงตัดสินใจทำ และอื่นๆ จะอยู่ในรายละเอียดด้านล่างน้า)
 
♥ ที่หลายๆคนถามกันมาว่าค่าสายตาน้ำเท่าไหร่ เดี๋ยวจะมาตอบให้ก่อนนะคะ
=> สายตาสองข้างของน้ำไม่เท่ากัน ข้างขวา สั้น 600 เอียงเกือบ200 / ข้างซ้าย สั้น 500 เอียง ~100

♥ ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องสายตารวมถึงการทำเลสิคนั้นในปัจจุบันมีหลากหลายแบบและหลายวิธีการมาก โดยขึ้นอยู่กับสภาพกระจกตา ความหนา-ความโค้ง ขนาดดวงตา รวมถึงค่าสายตาและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเรา แนะนำเพื่อนๆที่สนใจให้ไปตรวจกับคุณหมอได้เลยค่ะ เพราะเขาจะให้คำแนะนำเราได้ด้วย
สำหรับวิธีที่คุณหมอแนะนำให้น้ำทำคือ FemtoLasik (จะใช้ระยะเวลาพักฟื้นน้อยที่สุด แต่ก็มีข้อจำกัดในการทำเช่นกัน)

ส่วนตัวน้ำเองไม่ได้สายตาสั้นมาตั้งแต่เกิด แต่สั้นเพราะไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตที่แต่ก่อนชอบอ่านหนังสือมากๆ(แน่นอนว่าไม่ใช่หนังสือเรียน) อ่านบนรถบ่อยมาก รวมถึงอ่านในที่มืด แอบแม่ปิดไฟคลุมโปงส่องไฟอ่าน  ทำให้สายตาเริ่มสั้นตั้งแต่ม.ต้น ~150
พอมายุคเล่นเกมก็จ้องคอมรัวๆ ปิดไฟเล่นมือถือ ดูซีรีย์ สตรีมเกมสิบกว่าชม. นอนเล่นเกมและอื่นๆ คือทำทุกอย่างที่พังสายตาตัวเองมาเป็นสิบๆปี จนสายตาสั้นและเอียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงใส่คอนแทคเลนส์สลับแว่นมาประมาณ 10 ปีแล้วเช่นกัน

แต่ถึงอย่างนั้นตัวน้ำเองไม่เคยคิดจะทำเลสิคมาก่อน เพราะรู้สึกว่าการใส่แว่นบ้าง คอนแทคบ้างไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับการใช้ชีวิต แต่แม่กลับคิดไม่เหมือนกัน เพราะคอยเอาโปรโมชั่นมากมายมาเสนออยู่เรื่อยๆ ประกอบกับตอนที่น้ำมีอาการตาพร่าๆ ปวดตา และมีปัญหากับการขับรถกลางคืน จนไปหาหมอตาที่รพ. แล้วหมอก็บอกว่า สายตาสั้นเยอะนะแบบนี้เสี่ยงต่อจอประสาทตา ตาก็เริ่มแห้ง แล้วแถมมีอาการวุ้นในตาเสื่อมแล้ว(อาการเห็นหยากไย่ลอยไปลอยมาในตาน่ะแหละ) ซึ่งหมอก็แนะนำว่าทำเลสิกก็ดีนะ เพราะยิ่งสายตาสั้นเยอะ เรายิ่งต้องเพ่งมากเวลาใช้ตา มันก็ยิ่งอันตราย แถมถ้าใส่คอนแทคเลนส์บ่อยๆก็อาจมีปัญหาเรื่องติดเชื้อได้อีก

ซึ่งหลังจากนั้นก็แม่อีกน่ะแหละ ด้วยความที่เขาเป็นพยาบาลอะเนอะ ก็จะมีเพื่อนร่วมงานเป็นหมอเยอะไปหมด เขาก็ไปพูดคุยกับเพื่อนที่เป็นหมอเฉพาะทางด้านนี้ จนหมอไปหาโปรโมชั่นมาให้และมาแนะนำว่าลองไปตรวจดู
แล้วตอนนั้นก็พอดีกับเหตุการณ์มรสุมชีวิตโหมกระหน่ำเลยลืมไป จนผ่านมาสองเดือน หมอทักมาตามกับแม่ว่า โปรใกล้หมดแล้วนะ แต่ล๊อกคิวรอไว้ให้จะเอายังไง ด้วยความที่แม่เชียร์หมอซะเหลือเกินว่า หมอเปาน่ารักมาก ใจดี ประกอบกับราคาที่ล่อใจ(นี่แหละเหตุผลหลัก) เลยตัดสินใจโอนจองไปก่อน แล้วพยายามเคลียตารางงานให้ลงตัวกับคิวของหมอ ซึ่งจองล่วงหน้าไปเดือนกว่ามาล๊อกกับวันเกิดตัวเองพอดิบพอดี

ทีนี้ก็มาถึงรายละเอียดเรื่องการตรวจก่อนทำกับการเตรียมตัวก่อนทำละน๊าา
สำหรับคนที่สนใจทำ สามารถนัดวันตรวจกับวันทำแยกกันได้ หรือนัดตรวจก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำแบบไหนก็ยังได้ (เพราะบางคนตั้งใจจะทำแบบ Femtolasik แต่พอตรวจแล้วทำไม่ได้ก็มี) แต่ของน้ำด้วยความที่ตารางแน่นจริงจัง เลยจัดตรวจกับทำวันเดียวกันไปเลยจ้าาา

♥ โดยสิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนวันตรวจก็คือ
1.งดใส่คอนแทคเลนส์หนึ่งสัปดาห์
2.ถ้ามีอาการตาแห้ง ให้หยอดน้ำตาเทียมก่อนมาตรวจ 3-4 วัน

♥ แต่ถ้าตั้งใจจะตรวจเช้า แล้วถ้าผ่านก็เข้าห้อง OR ต่อตอนบ่ายแบบน้ำเลยก็ให้เตรียมตัวมาเพิ่มนิดหน่อยคือ
3.อาบน้ำ สระผมให้เรียบร้อย แบบกะว่ากลับไปพร้อมนอนเลย
4.ใส่เสื้อกระดุมหน้าง่ายต่อการถอดแบบไม่ต้องสวมหัว(เตรียมไว้ใส่ซัก2-3วันหลังผ่าก็ดีค่า)
5.รองเท้าเป็นแบบใส่ง่าย ถอดง่าย แตะไปเลยก็ดี (ไม่แนะนำผ้าใบ)
6.วันที่มางดใช้เครื่องสำอางค์ใดๆทั้งบนหน้าและลำตัว (งดสเปรย์/โรลออน/น้ำหอมด้วย)
7.นัดหมายคนหรือแท็กซี่ให้มารับในวันที่ผ่าเสร็จ (หรือจะขนกันมาให้กำลังใจก็ได้นะ)
8.เตรียมแว่นกันแดดเอาไว้ใส่ในวันรุ่งขึ้น
9.นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่มไปเล้ยย

มาถึงวันทำ หมอเปานัดที่แผนกตารพ.เวชธานีแต่เช้า ก็ขึ้นทะเบียนผู้ป่วยแล้วก็รอตรวจสภาพตา ที่จะบอกว่าตรวจเยอะมากกกกกกก!!

รายละเอียดการตรวจ (ส่วนตัวคือรู้สึกว่าดีมากนะ ได้รู้อะไรเพิ่มหลายอย่าง ประทับใจจนท.เทคนิคสองคนมากๆ เป็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ เสียงนุ๊มมนุ่มมม พูดจาดี ใจดี อธิบายดีมาก)

=> เริ่มต้นก็วัดสายตากับเครื่องอัตโนมัติ แล้วก็วัดความดันลูกตา (ที่มีลมมาเป่าๆใส่ตาน่ะแหละ)
=> ตามต่อมาด้วยหมอเรียกชุมนุม ถามถึงสาเหตุที่ทำให้อยากทำ ความคาดหวัง หน้าที่การงาน ไลฟ์สไตล์ เพื่อจะดูว่าการทำแบบไหนเหมาะกับเรา (มีน้องคนนึงที่อายุน้อยกว่า 25 แล้วหมอไม่แนะนำให้ทำเพราะค่าสายตาอาจจะเปลี่ยนอีกได้ ก็เหมือนจะกลับบ้านไปก่อน)
=> จากนั้นก็ไปวัดสายตาแบบหาค่าละเอียด(รอบแรก)ที่คิดว่าเป็นตัวเราที่สุด กับจนท.เทคนิคคนแรก พี่เขาก็ดูแลดีมากกก เหมือนวัดสายตาทั่วไปแต่ละเอียดกว่ามาก สุดท้ายจำได้แค่รู้เพิ่มมาว่าเป็นคนตาซ้ายเด่น  
=> สถานีถัดไป คือเหมือนเข้าห้องทดลอง อุปกรณ์เยอะและน่าสนใจมากกก นำทัวร์โดยจนท.เทคนิคคนที่สอง เขาก็จะอธิบายอย่างละเอียดว่าเครื่องไหนทำอะไร ยังไง (หรือเพราะเราถามก็ไม่รู้ 555) ที่พอจำได้มีวัดความหนา+ความโค้งของกระจกตา (โล่งใจตรงที่พี่เขาบอกยังหนาดีอยู่ น่าจะทำได้) , วัดรูม่านตา อันนี้จำแม่นเพราะพี่เขาบอกว่า รูม่านตาของเรากว้างกว่าคนปกติ (7mm มั๊ง) จะขับรถกลางคืนยากหน่อย , มีเครื่องหาค่าความเพัยนของภาพ หรืออะไรซักอย่าง ที่เหลือคือลืมๆแล้ว
=> พอตรวจเสร็จก็เข้าพบหมอ ไปตามหาค่าสายตาที่ใช่อีกรอบ ขนาดที่ถ้าเราคิดเยอะ ไม่มั่นใจ หมอก็จะหารให้ละเอียดแบบว่าจุดทศนิยม 3 หลักไปเลย
=> หยอดยาขยายม่านตา แล้วหลับรอยาวๆ10-15นาที จากนั้นวนตรวจทุกอย่าง(ยกเว้นห้องทดลองที่เล่าไป) ซ้ำอีกรอบบ
แล้วหมอก็จะเรียกคุยว่าสรุปทำได้ หรือไม่ได้ ต้องทดลองหรือเช็คอะไรเพิ่มมั้ย ถ้าทุกอย่างตกลงเรียบร้อยแล้วก็ ..ไปหาแผนกบัญชี จ่ายเงิน จ่ายยา แล้วพักทานข้าวกลางวัน (ถ้าจ่ายไปก่อนแล้วก็กินอย่างเดียว รอเข้าคลาสสุขศึกษารอบบ่าย ก่อนขึ้นเขียง)

---ละเอียดไปมั้ย 55555 มาๆจะถึงตอนขึ้นเขียงแล้วววว---

♥ ครึ่งชั่วโมงกับสุขศึกษาโดย หมอเปา
=> แนะนำขั้นตอนทุกอย่างที่เราจะต้องเข้าไปเจอในห้องผ่าตัดแบบละเอียด
=> สอนการทำแผล การดูแลตัวเองหลังทำ
=> สอนสิ่งที่ต้องทำหลังผ่าตัดเสร็จ
ช่วงคืนแรก : หลับตาให้มากกกกที่สุด หลับตาตลอดเวลาไปเลยได้ยิ่งดี
ช่วงอาทิตย์แรก : ห้ามโดนน้ำ ห้ามล้างหน้า/สระผม อย่าทำกิจกรรมที่เหงื่อออก หยอดยาทุก 2-4 ชม. หยอดน้ำตาเทียมทุก 1-2 ชม. กระพริบตาบ่อยๆ หลับตาพักบ่อยๆ
**ตอนนอนใส่ที่ครอบตาทุกคืน เพื่อกันมือไปขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว อันนี้สำคัญนะ**
ช่วงเดือนแรก : ใช้ชีวิตปกติได้แล้วแต่ งดแต่งตา อย่าเพิ่งว่ายน้ำ/ดำน้ำ กิจกรรมหนักๆเช่น ต่อยมวยให้เว้นไปก่อน
หลังจากผ่านพ้นเดือนแรกไป ใช้ชีวิตให้เต็มที่ไปเล้ยยย
♥ มีอะไรสงสัยคาใจถาม-ตอบหมอตอนนี้ได้เลยจ้า

มาถึงประสบการณ์ตอนขึ้นเขียง เอ้ย! เตียงผ่าตัดกันบ้าง   
 

ขั้นตอนหลักๆจะแบ่งเป็น ♥
1.หยอดยาชา+ฆ่าเชื้อ แล้วนั่งรอยาวๆ จนยาออกฤทธิ์ (น้ำโดนหยอดยาไป5รอบถ้าจำไม่ผิด)
2.พอสภาพพร้อมก็เข้าห้องผ่า จนท.ก็จะเอาลูกบอลมาบอกให้บีบคลายเครียด (ซึ่งมันช่วยได้จริงๆนะ) แล้วก็พยายามลืมตาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะไหว ท่องในใจว่าเทคเดียวผ่านๆ (เพราะได้ยินว่าพี่คนก่อนหน้าที่ตาเล็กหลายเทคอยู่ 55 ) หมอก็จะเอาเครื่องมือถ่างเปลือกตามาใส่
หลังจากนั้นจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนหลักกับ 2 เครื่องคือ
♥ 3. เครื่องแรกเป็นเลเซอร์เปิดฝากระจกตา หมอจะให้จ้องจุดแดงให้นิ่งที่สุดเป็นเวลาข้างละ 21 วินาที (ส่วนตัวนี่คือขั้นตอนที่เจ็บที่สุดแล้ว มันจะรู้สึกกดไปรอบๆตา จิกลูกบอลวนไปแล้วนับ1-20ในใจ ซึ่งหมอจะคอยนับถอยหลังให้ตลอด)
พอทำครบสองข้าง จากนั้นก็จะย้ายเราไปเครื่องที่สองต่อ ซึ่งเป็นเครื่องเจียระไนค่ากระจกตาให้ตรงกับสายตาปกติที่ควรจะเป็น
♥ 4. เครื่องนี้จะรู้สึกแสงจ้ามากกกก ก็แหกตาจ้องจุดแดงกันต่อ มันจะมีจุดแดงกับเขียว หมอบอกจ้องแดงก็แดงรัวๆ (อารมณ์คนโดนสะกดจิตจริงๆ ณ จุดนั้นน) แล้วมันจะมีความลืมตัว เผลอหรี่ตา พอหมอเตือนก็เบิกเนตรวนไป เครื่องนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาทีมั๊ง แต่จะต้องรอ 3 นาทีระหว่างหมอปิดฝากระจกตากลับเข้ามาด้วย ซึ่งช่วงนี้ที่จำได้คือจะมีน้ำหยอดหล่อลื่นตาแทบตลอดเวลา
5. การเอาที่ถ่างตาออก กับแกะสกอตเทปที่แปะหน้าเราไว้เต็มไปหมด (หมอบอกว่าขั้นตอนนี้อาจเจ็บสุดนะคะ   แต่ส่วนตัวคือ ผ่านขั้นแรกมาได้ก็ชิลละค่ะ)
จบหมดทุกกระบวนการ หมอก็จะพาเราไปส่องไฟตรวจความเรียบร้อย แล้วก็พามาปิดฝาครอบตา ถอดชุดผ่าตัด เรียกรถเข็นมารับกลับบ้านได้จ้าาา
  
สภาพตามนี้เลยครัชชช!!


♥ ย้ำว่าหลับตาให้มากที่สุด ทั้งตอนเดินทาง ตอนกิน ตอนเข้าส้วม และอื่นๆ คือปรือตาได้นะ แต่หลับได้ตอนไหนก็หลับไปเลย
  
♥ ปัญหาส่วนตัวที่รู้สึกใน18ชม.แรกหลังทำคือ จะแสบตาและเคืองตาเป็นช่วงๆ จนน้ำตามันไหลเอง ซึ่งหมอบอกว่าไม่เป็นไร แล้วแต่คน ทีนี้ก็กินอะไรเสร็จ แปรงฟัน ก็นอนหลับไป ค่อยตื่นมาทำแผลเช็ดตาตอนเช้า

♥ สรุปตื่นเช้ามาเจอปัญหาใหญ่คือ ขี้ตาเกรอะกรัง ลืมตาไม่ขึ้น เอาละไงหมอไม่ได้บอก 555 ก็ไม่ต้องซีเรียส ปรือๆตาพอเห็น เอาสำลีราดน้ำเกลือที่หมอให้มา ปาดๆๆให้ขี้ตาพอชุ่มชื้น แล้วค่อยๆแง้ม+แซะมันออก
(ความยากคือ หมอไม่ให้ใช้ก้านสำลีซ้ำ คือปาดรอบเดียวแล้วให้ทิ้งเลย สรุปเช้านั้น กว่าจะลืมตากับเอาขี้ตาออกได้ ก้านสำลีฆ่าเชื้อหมดไปห่อกว่าๆเลยจ้า ซึ่งหมอจะให้มา 2-3 ห่อมั๊ง)

♥ ซึ่งหมอจะนัด Follow Up วันรุ่งขึ้นหลังทำเลยอยู่แล้ว ก็อาบน้ำเอง อะไรเองได้เลย เพราะพอตื่นมา เอาที่ครอบตาออก ตาก็จะมองเห็นชัดเป็นปกติแล้วค่าาา (ขับรถมาเองได้เลยนะ)
 
ภาพนี้ตอนนัดหมอวันรุ่งขึ้น ตาแป๋วแล้ววว ^ ^


‼ ► ทั้งหมดนี้ ค่าเสียหาย Femtolasik ปกติอยู่ที่ 7-9 หมื่น++ ซึ่งทางหมอเปามีโปรโมชั่นอยู่เหลือเพียง 55,000 บาทค่า (น้ำไปทำที่รพ.เวชธานี บริการดีทุกขั้นตอนค่ะ)
เห็นว่ามีโปร PRK เหลือ 29,000 บาทด้วยนะ (จะเป็นการทำเลสิคอีกแบบนึง ที่อาชีพกลุ่มนักบิน ตำรวจ ทหาร ทำกันได้ แต่พักฟื้นนานกว่า) ‼◄

♥ มีเพื่อนถามว่าตาเล็กทำได้มั้ย?
=> ทุกคนเห็นตาน้ำใช่มะ คือตาหมวยๆแบบนี้หมอบอกไม่เล็กนะ แต่ๆๆ วันที่น้ำไปทำมีพี่คนก่อนหน้าที่น้ำรู้สึกว่าตาเขาปกติ แต่หมอบอกตาเล็ก ซึ่งหมอก็จะประเมิณให้โดยการลองใส่เครื่องถ่างตาดูก่อน สรุปคือ ตาเล็กทำได้แต่จะยากกว่านิดนึง อาจหลายเทคหน่อย
 
อันนี้คือถ่ายไว้ตอนก่อนทำค่า
 

ก็จบครบถ้วนเกินกระบวนความสำคัญไปมาก แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับสายรีเสิชข้อมูลก่อนทำแบบเรานะคะ
ไว้เจอกันใหม่รีวิวหน้า ขอให้ทุกคนที่ตัดสินใจทำ มีความสุขกับการใช้ชีวิตด้วยดวงตาคู่เก่าบนโลกใบเดิมที่ชัดเจนกว่าเดิมค่าาา ^____^

ฟินฟิน

ปอลิง. เดี๋ยวจะลงจะรวบรวมปัญหาที่เราเจอ หรือ เคยสงสัย + พยายามหาข้อมูลก่อนทำแล้วหาไม่เจอ + ประสบการณ์ตรงหลังทำมาให้อ่านที่ความเห็นแรกนะคะ
ชื่อสินค้า:   เลสิกไร้ใบมีด (Femto Lasik)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่