จากโควิด + ศก.ตกต่ำ + ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง
ผมเรียนเอกญี่ปุ่น แต่มีความสนใจด้านภาษาเกาหลี ภาษาจีน เเละภาษาอังกฤษ(บริทิช)
สนใจในงานการศุกษา งานห้างและงานโรงพยาบาล ความสนใจในการสร้างโมเดล หรือวางแผนออกแบบ อะไรใหม่ๆ (หลายครั้งคือ หลุดโลก เป็นไปไม่ได้)
ปัญหาหนักใจในตอนนี้ คคือ
ผมไม่อยากเป็นเหมือนพ่อกับแม่ ในเรื่องหน้าที่การงานครับ พ่อแม่ผม เมื่อ 10-15 ปีก่อนเป็นพนักงานเอกชน แม่ผมเป็นพนง.ของทีวีช่องใหญ่พ่อเคยมีลุ่มดอนนิดๆ เเต่ก็มีเงินใช้พอควร แต่เมื่อปี 62 เเม่ถูกจ้างออก และพ่อผมก็ถูกให้ออก มา 2 ครั้ง ทำให้บ้านเราใช้เงินเดือนชนเดือน เงินหายไปครึ่ง เกือบขัดสน จนพ่อได้งานที่พอช่วยได้ (ปัจจุบันแม่แกก็ไม่กล้าออกจากเซฟโซนของเขาครับ) ผมเกือบจะไม่ได้ไปเที่ยวกับญาติ (ป้าทำรัฐวิสาหกิจ เกษียณจึงมีเงินใช้) และเกือบจะพลาดโอกาสในเรื่องไอแพด แต่มียายมาช่วยไว้ (ยายทำงานบ.เอกชนจนเกษียณ แต่เงินออม ทรัพย์สินเยอะพอควร ท่านยึดถือคติทวด หิวก็กิน ไม่หิวไม่กิน ต้องแยกออกว่ามันหิว หรือ อยากกิน ) และถ้าไปทำงาน ผมก็ไม่แน่ใจว่า ภาษาญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นจะไม่เป็นที่นิยมไหม ผมว่า มันต้องมีสักวัน ที่ บทบาทของญี่ปุ่นน้อยลง เหมือนกับภาษาฝรั่งเศส
ผมในฐานะที่จบใหม่ บอกจากใจว่า
1. ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป พ่อผมเขาอยากให้เป็นข้าราชการ รับราชการ เพื่อที่จะไม่ต้องมาลุ่มๆดอนๆ แต่ผมเองคือ เจอกับความราชการมาเยอะ แต่ก็เทียบกับเอกชนที่สั่นคลอนเมื่อตอนผมอายุเพิ่มขึ้น หรือมีเหตุที่ทำให้ PERFOMANCE ของผมลดลง หรือวิกฤตการณ์ที่ทำให้ ศก.ไม่เติบโต
2. ผมอยากวางแผนการเงิน ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน รักษาโรค ถ้าเกิดขึนในอนาคต และ ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และออมเงินไว้ใช้ หารายได้เสริม CRYPTO หรือ FOREX กองทุนต่างๆ แต่ขาดความรู้
3. ผมไม่พร้อมที่จะแบกครอบครัวในตอนนี้ ถ้าต้องเอาเงินมาทำเป็นกองกลาง กงสี อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน (ผมขอโทษถ้าวิถีคิดนี้อาจจะแย่สักนิด แต่ผมเเค่อยากตั้งตัวให้ได้ก่อน) ที่ทำได้ในอนาคต อีก 6-7 เดือนที่จะถึงนี้ คือจุนเจือเงินบางส่วนให้เขา
ผมได้วางแพลนในอนาคตไว้ (ผมไม่คิดที่จะมีครอบครัว เพราะผมไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ผมเองถือว่า เรื่องเพศคือ 0)
1. เดินทางไป ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ปีละ 1 ครั้ง
2. เดินทางระยะสั้น 2 ครั้ง
3. ทำประกันสุขภาพเผื่อฉุกเฉิน เพราะผมมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคเบาหวาน หรือความดัน เพราะเป็นมาจากพ่อ (ตรงนี้ต้องลดละเลิกการตามใจปาก แต่ก็อาจจะสาย)
4. ออมเงิน ลงทุน ทางหุ้น หรือกองทุน
5. ค่าฟิตเนส และการกิน การเดินทาง ที่เหมาะสม ไม่แพง
6. ค่าอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเรียน และทำงาน
7. ทำงานเพิ่ม หารายได้เสริม และไม่กู้เงิน หรือเป็นหนี้บัตรเคดิต
ผมจึงมาถามผู้ที่สามารถวางแผนชีวิต หรือชีวิตมั่นคงว่า
1. ผมควรเลือกเส้นทางไหน ระหว่าง เอกชน ราชการ หรือการทำงานที่ต่างประเทศ (ผมไม่มีหัวคิดทางด้านธุรกิจ แต่ต้องเรียนถ้าคิดจะทำธุรกิจส่วนตัวในอนาคต) ผมเป็นคนที่อยากออกมาจากเซฟโซน ผมมักคิดว่า ชีวิตคนมันคือ ความเสี่ยง ความเสี่ยงคือ ความท้าทาย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ผมก็หวั่นๆกลัวๆ
2. การวางแผนการเงิน ของผม การที่จะหารายได้เพิ่ม หรือการออมเงิน ควรจะไปในทิศทางไหน และมีตัวเลือกอื่นไหมครับ
อาจจะเวิ่นเว้อตามนิสัยเด็กใกล้จบใหม่นะครับ แต่มันถึงเวลา ที่ผมควรจะเลิกเรื่อยเปื่อย เพื่ออนาคตของตัวผมเอง
ขอบคุณครับ
(เด็กจะจบใหม่วางแผนการเงิน) ผมกังวลถึงอนาคต ไม่อยากเป็นเหมือนพ่อแม่ ............... เรื่องการงานการเงิน
ผมเรียนเอกญี่ปุ่น แต่มีความสนใจด้านภาษาเกาหลี ภาษาจีน เเละภาษาอังกฤษ(บริทิช)
สนใจในงานการศุกษา งานห้างและงานโรงพยาบาล ความสนใจในการสร้างโมเดล หรือวางแผนออกแบบ อะไรใหม่ๆ (หลายครั้งคือ หลุดโลก เป็นไปไม่ได้)
ปัญหาหนักใจในตอนนี้ คคือ ผมไม่อยากเป็นเหมือนพ่อกับแม่ ในเรื่องหน้าที่การงานครับ พ่อแม่ผม เมื่อ 10-15 ปีก่อนเป็นพนักงานเอกชน แม่ผมเป็นพนง.ของทีวีช่องใหญ่พ่อเคยมีลุ่มดอนนิดๆ เเต่ก็มีเงินใช้พอควร แต่เมื่อปี 62 เเม่ถูกจ้างออก และพ่อผมก็ถูกให้ออก มา 2 ครั้ง ทำให้บ้านเราใช้เงินเดือนชนเดือน เงินหายไปครึ่ง เกือบขัดสน จนพ่อได้งานที่พอช่วยได้ (ปัจจุบันแม่แกก็ไม่กล้าออกจากเซฟโซนของเขาครับ) ผมเกือบจะไม่ได้ไปเที่ยวกับญาติ (ป้าทำรัฐวิสาหกิจ เกษียณจึงมีเงินใช้) และเกือบจะพลาดโอกาสในเรื่องไอแพด แต่มียายมาช่วยไว้ (ยายทำงานบ.เอกชนจนเกษียณ แต่เงินออม ทรัพย์สินเยอะพอควร ท่านยึดถือคติทวด หิวก็กิน ไม่หิวไม่กิน ต้องแยกออกว่ามันหิว หรือ อยากกิน ) และถ้าไปทำงาน ผมก็ไม่แน่ใจว่า ภาษาญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นจะไม่เป็นที่นิยมไหม ผมว่า มันต้องมีสักวัน ที่ บทบาทของญี่ปุ่นน้อยลง เหมือนกับภาษาฝรั่งเศส
ผมในฐานะที่จบใหม่ บอกจากใจว่า
1. ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป พ่อผมเขาอยากให้เป็นข้าราชการ รับราชการ เพื่อที่จะไม่ต้องมาลุ่มๆดอนๆ แต่ผมเองคือ เจอกับความราชการมาเยอะ แต่ก็เทียบกับเอกชนที่สั่นคลอนเมื่อตอนผมอายุเพิ่มขึ้น หรือมีเหตุที่ทำให้ PERFOMANCE ของผมลดลง หรือวิกฤตการณ์ที่ทำให้ ศก.ไม่เติบโต
2. ผมอยากวางแผนการเงิน ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน รักษาโรค ถ้าเกิดขึนในอนาคต และ ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และออมเงินไว้ใช้ หารายได้เสริม CRYPTO หรือ FOREX กองทุนต่างๆ แต่ขาดความรู้
3. ผมไม่พร้อมที่จะแบกครอบครัวในตอนนี้ ถ้าต้องเอาเงินมาทำเป็นกองกลาง กงสี อิ่มด้วยกัน อดด้วยกัน (ผมขอโทษถ้าวิถีคิดนี้อาจจะแย่สักนิด แต่ผมเเค่อยากตั้งตัวให้ได้ก่อน) ที่ทำได้ในอนาคต อีก 6-7 เดือนที่จะถึงนี้ คือจุนเจือเงินบางส่วนให้เขา
ผมได้วางแพลนในอนาคตไว้ (ผมไม่คิดที่จะมีครอบครัว เพราะผมไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ผมเองถือว่า เรื่องเพศคือ 0)
1. เดินทางไป ญี่ปุ่น หรือเกาหลี ปีละ 1 ครั้ง
2. เดินทางระยะสั้น 2 ครั้ง
3. ทำประกันสุขภาพเผื่อฉุกเฉิน เพราะผมมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคเบาหวาน หรือความดัน เพราะเป็นมาจากพ่อ (ตรงนี้ต้องลดละเลิกการตามใจปาก แต่ก็อาจจะสาย)
4. ออมเงิน ลงทุน ทางหุ้น หรือกองทุน
5. ค่าฟิตเนส และการกิน การเดินทาง ที่เหมาะสม ไม่แพง
6. ค่าอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการเรียน และทำงาน
7. ทำงานเพิ่ม หารายได้เสริม และไม่กู้เงิน หรือเป็นหนี้บัตรเคดิต
ผมจึงมาถามผู้ที่สามารถวางแผนชีวิต หรือชีวิตมั่นคงว่า
1. ผมควรเลือกเส้นทางไหน ระหว่าง เอกชน ราชการ หรือการทำงานที่ต่างประเทศ (ผมไม่มีหัวคิดทางด้านธุรกิจ แต่ต้องเรียนถ้าคิดจะทำธุรกิจส่วนตัวในอนาคต) ผมเป็นคนที่อยากออกมาจากเซฟโซน ผมมักคิดว่า ชีวิตคนมันคือ ความเสี่ยง ความเสี่ยงคือ ความท้าทาย แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ผมก็หวั่นๆกลัวๆ
2. การวางแผนการเงิน ของผม การที่จะหารายได้เพิ่ม หรือการออมเงิน ควรจะไปในทิศทางไหน และมีตัวเลือกอื่นไหมครับ
อาจจะเวิ่นเว้อตามนิสัยเด็กใกล้จบใหม่นะครับ แต่มันถึงเวลา ที่ผมควรจะเลิกเรื่อยเปื่อย เพื่ออนาคตของตัวผมเอง
ขอบคุณครับ