ป่าช้าหลังวัดร้าง ตอน กฎของการกักตัวในป่าช้า (Rules of Horror)

.............คุณเคยรู้สึกเช่นนี้ไหมครับ เมื่อได้กลับไปสถานที่คุ้นเคย และผู้คนที่คุ้นเคยได้เปลี่ยนไป  ในยุคโควิด 19 โรคนี้อุบัติขึ้นทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเราไม่เหมือนเดิม เรื่องนี้ป่วยการจะคิดมากครับ เราต้องยอมรับ และเรียนรู้มัน เพื่อจะดำเนินชีวิตต่อไปได้  ขอเกริ่นไว้ก่อนเลยครับว่า รับฟังมาอีกที 

เป็นเรื่องของรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งไปได้แฟนอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน  มีเหตุให้ต้องกักตัว จนได้พบประสบการณ์หลอน  ผมได้เอาเรื่องราวมาเรียบเรียง เสริมแต่งด้วยกฎเกณฑ์ปลีกย่อย  หวังว่าจะได้ความบันเทิงไม่มากก็น้อยนะครับ 
 
คุณณัฐ หรือทิดณัฐ เคยบวชได้หลายพรรษา เป็นพระสายวัดป่า ภายหลังลาสิกขามาใช้ชีวิตทางโลก ทำอาชีพขับรถรับจ้าง วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างสถานีขนส่งกับในตัวจังหวัด  ต่อมาได้พบรักกับหญิงสาว คบหาดูใจจนตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน ที่บ้านพ่อแม่ของเธอ ซึ่งอยู่ในชนบท มีวัด และท้ายวัดคือป่าช้า  สภาพแวดล้อมคล้ายกับตอนที่คุณณัฐตอนบวช คือในป่าช้ายังมีสำนักสงฆ์ ปัจจุบันได้ร้างโดยไม่ทราบสาเหตุ 

ครั้งหนึ่งคุณณัฐได้เข้าไปสำรวจสำนักสงฆ์  ศาลาและกุฏิผุพังตามกาลเวลา เคยมีความคิดจะสร้างบุญใหญ่โดยการบอกบุญหาเงินมาบูรณะ แต่ด้วยหน้าที่การงานจึงได้พักเรื่องนี้ไว้  ต่อมาได้ย้ายมาเช่าบ้านในตัวเมือง  การต้องกักตัวทำให้แฟนสาวเลือกจะอยู่กับพ่อแม่  นานวันเข้า คุณณัฐจะกลับไปเยี่ยมบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยติดเงื่อนไขต้องกักตัว  ในเมื่อผู้โดยสารน้อยลง รายได้ลดลง เศรษฐกิจซบเซา คุณณัฐจึงตัดสินใจจะกลับมาอาศัยบ้านพ่อแม่ของแฟน 

ตู๊ด... ตุ๊ด...

“แอน พี่ใกล้จะถึงหมู่บ้านแล้วนะ พี่ต้องทำอะไรบ้าง”

“มาถึงแล้วเหรอ เออ ๆ มาเกือบค่ำเลย  ให้ขับรถไปที่ศาลาประชาคมเลยนะ จะมี อสม รออยู่ เขาจะแนะนำเอง จะต้องกักตัวที่ไหน”    

คุณณัฐขับรถมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ได้พบกับชายคนหนึ่งสวมชุด PPE เต็มยศมาดักรอ คือผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ได้มาแจ้งให้กักตัวเองเป็นเวลา 14 วันตามมาตรการของสาธารณสุข  คุณณัฐไม่ได้แปลกใจอะไร และยินยอมให้ความร่วมมือ  และเพื่อความสบายใจของลูกบ้าน  แม้ว่าจะฉีดวัคซีนครบแล้วก็ตาม  

เรื่องพื้นที่กักตัว คุณณัฐจะขอใช้วัด พื้นที่กว้างขวาง กุฏิว่างหลายหลัง มีหลวงพ่อเจ้าอาวาสกับเด็กวัดอยู่เพียงสองคน ผู้ใหญ่บ้านได้ปฏิเสธ เพราะได้จัดที่ทางไว้ให้แล้ว เป็นเถียงนาใกล้กับป่าช้า เพราะรู้มาว่าคุณณัฐเคยบวชมาก่อน คงไม่กลัวสถานที่  คุณณัฐคิดว่าไหน ๆ จะได้โอกาสปลีกวิเวก จะขอเข้าใช้พื้นที่ในป่าช้าแบบสมัครใจ  เพราะต้องการจะบำเพ็ญบุญให้กับตัวเองด้วย 

ผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธคำขอของเขา ในเมื่อวัดกับป่าช้าอยู่ติดกัน ให้ไปพักที่เถียงนาข้างป่าช้าจะเป็นการดีที่สุด  คุณณัฐขับรถตามจักรยานยนต์ของผู้ใหญ่บ้าน จากถนนเทคอนกรีตมาสู่ถนนลูกรัง ห่างไกลจากชุมชน สองฟากเต็มไปด้วยป่าละเมาะ รถมาหยุดที่ทางเข้าป่าสุสาน ผู้ใหญ่บ้านชี้ให้ดูเถียงนาที่หมาย ให้จอดรถทิ้งไว้บริเวณนี้ แล้วเดินลัดป่าไปอีกหน่อย จะมีทางเดินไปถึง  

คุณณัฐเข้าใจว่าผู้ใหญ่บ้าน เกรงว่าจะอยู่ไม่ได้  จากคำเล่าลือของชาวบ้าน  บอกว่าวัดกับป่าช้าแห่งนี้น่ากลัว  ที่ผ่านมามีทั้งพระและญาติโยมถูกผีหลอกมาแล้วหลายคน  จนบางคนไม่กล้าผ่านวัดช่วงกลางคืน  ต่างจากสิ่งที่คุณณัฐรับรู้มา  จากที่เคยเข้าไปปฏิบัติธรรม รวมทั้งพักค้างในวัด  ไม่เคยพบเจอสิ่งน่ากลัวตามคำกล่าวอ้าง   

ครั้งหนึ่งเคยเข้าไปสำรวจในป่าช้า พบว่ามีสำนักสงฆ์ร้าง สิ่งก่อสร้างอย่างเช่น ศาลา กุฎิบางส่วนผุพัง จึงขอปรึกษากับเจ้าอาวาส จะขอบอกบุญญาติโยมทำบุญทอดกฐิน เพื่อนำปัจจัยมาบูรณะ โดยตั้งใจว่าจะทำกองบุญสัก 1,000 กอง ๆ ละ 500 บาท เพราะคาดว่าจะใช้งบประมาณในการก่อสร้างราวๆ 5 – 6 แสนบาท  แต่ถูกเจ้าอาวาสารระงับไว้ โดยอ้างช่วงสถานการณ์โควิด 19 โครงการนี้คงต้องพับไว้ก่อนจากพิษเศรษฐกิจ

พื้นที่ป่าช้า 200 ไร่  อุดมไปด้วยต้นยาง และตะเคียน แต่ละต้นขนาดสองคนโอบ กลางวันร่มครึ้ม เงียบเชียบจนวังเวง  แล้วกลางคืนจะน่ากลัวขนาดไหน แต่ไม่ใช่กับคนเคยบวช อยู่วัดป่ามาก่อน  เชิงตะกอนสถานที่ประชุมเพลิงสรีระไร้ลมหายใจตั้งเด่นในลาน ถัดไปหน่อยจะมีทางเดินเล็ก ๆ ข้างทางรกเรื้อ 

คุณณัฐจอดรถทิ้งไว้ทางเข้าป่าช้า กำลังจะเดินลัดไปเถียงนาตามคำสั่ง แต่ได้พบกับเด็กวัด ชื่อ โก๊ะ อายุ 14 ปี เริ่มเป็นหนุ่มรุ่น เคยสนิทกันช่วงมาปฏิบัติธรรม อาสานำทางให้  แต่เด็กพาเดินลึกเข้าไป หลังจากผ่านเชิงตะกอน จะมีทางเดินเล็ก ๆ พบว่าข้างทางมีท่อปูนซีเมนต์ตั้งอยู่เรียงกัน หรือชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่า "ดอยศพ" 

ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่จะมีความเชื่อกันว่า ถ้ามีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือตายโหง ไม่ใช่เสียชีวิตจากป่วยไข้ ญาติจะไม่ฌาปนกิจทันที จะตั้งศพสวดพระอภิธรรมประมาณ 3 คืน จากนั้นก็เก็บศพไว้ 3 ปี จึงจะนำศพออกมาประกอบพิธีฌาปนกิจ

“น้ามาเป็นเขยบ้านนี้ไม่นาน คงยังไม่รู้ เคยมีพระธุดงค์มาอยู่ จะกี่รูปก็อยู่ไม่ได้  ถ้าจะเปลี่ยนใจจะมากักตัวในวัดก็ได้นะครับ ผมจะไปขออนุญาตหลวงพ่อให้”  เจ้าเด็กวัดเอ่ยขึ้น แล้วชี้ไปที่เถียงนากลางทุ่งเขียวขจี มีลำคลองแบ่งพื้นที่ป่าช้ากับทุ่งนา เขาสามารถเดินลัดจากตรงนี้  มีสะพานไม้ไผ่ให้ข้ามไปได้    

คุณณัฐไม่ตอบว่ากระไร  เพียงโบกมือให้เด็กกลับไปได้ ต้องอยู่ห่างเข้าไว้ตามมาตรการเว้นระยะทางสังคม  เรื่องความเฮี้ยนความหลอนของป่าช้าท้ายวัด  ตอนเขาบวชอยู่วัดป่า ยังน่ากลัวกว่าเป็นไหน ๆ ยังอยู่มาได้หลายพรรษา  ศาลาในสำนักสงฆ์แห่งนี้มั่นคงแข็งแรงกว่าเถียงนาโทรม ๆ จะพังมิพังแหล่  เอาไว้พรุ่งนี้เขาค่อยพูดกับผู้ใหญ่บ้านอีกที เรื่องขอเปลี่ยนสถานที่กักตัว 

ตู๊ด... ตุ๊ด...

“แอน พี่มาถึงที่พักแล้วนะ”

น้ำเสียงคนปลายสาย คล้ายจะอ่อนเพลีย แต่ก็ถอนใจได้อย่างโล่งอก

“ดีแล้วล่ะ  รีบเข้าที่พักก่อนค่ำ ฉันนึกห่วงแทบแย่  แถวนั้นยิ่งน่ากลัวอยู่ด้วย”

คุณณัฐพูดคุยทางโทรศัพท์ครู่หนึ่ง  เหมือนจะแก้เหงา จากนั้นจึงหิ้วสัมภาระเดินเพียงลำพังมาถึงศาลาหลังหนึ่ง คล้ายแทรกตัวในแมกไม้ เป็นศาลาปูน ไม่มีฝาด้านข้างเลย ปล่อยโล่ง ๆ เป็นที่ฉันอาหารและทำวัตรด้วย  ส่วนกุฏิของสำนักสงฆ์อยู่ลึกเข้าไปในป่า  แดดยามเย็นยังมองเห็นหลังคากุฏิอยู่รำไร 

ใบไม้หล่นลงมาทับถมตามลาน และในศาลา  ฝุ่นผงหนาเตอะ ต้องออกแรงเก็บกวาด  แม้มีอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่ไม่ได้ต่อไฟฟ้าเข้ามา  หากจะต่อไฟคงไม่สะดวกช่วงนี้ ในเมื่อต้องกักตัว  ขอเพียงกลางคืนมีเทียนไขกับไฟฉายก็อยู่ได้   

พอปัดกวาดเช็ดถูศาลาจนเสร็จ ปูเสื่อกางเต็นท์กับวางข้าวของเครื่องใช้เป็นสัดส่วน ทำให้คุณณัฐหวนคิดถึงสมัยเป็นพระป่า จะต้องทำวัดเช้าเย็น นั่งสมาธิ  เวลายังไม่เย็นมาก เมื่อทำที่หลับที่นอนเสร็จเรียบร้อยเวลา ยังเหลืออีกมาก  คุณณัฐถือไม้กวาดออกไปกวาดลานด้านนอก  เผื่อเอาไว้เป็นพื้นที่เดินจงกรม 

สภาพพื้นที่ไม่ค่อยน่าภิรมย์ เวลากวาดทั้งใบไม้ และฝุ่นผง จะพบเห็นกระดูกคนตายที่ถูกฝังไว้หลายสิบปีโผล่พ้นดินขึ้นมาบ่อย ๆ ไม่คิดแปลกใจ สมัยบวชพระจะมีการนำศพ มาฝังกันเป็นประจำ ในเมื่อวัดกับป่าช้าแทบจะเป็นสถานเดียวกัน  ทันใดนั้นก็มีอีกความคิดเข้ามาแทรก 

คุณณัฐจำช่วงแรกที่มาเป็นเขยบ้านนี้ ยังคำพูดของลุงแก่ ๆ คนหนึ่งได้เล่าไว้ว่า สมัยก่อนป่าครึ้มแห่งนี้มีหมู่บ้านอยู่ ภายหลังโรคห่าลง ทำให้คนตายยกทั้งหมู่บ้าน พระที่มาอยู่ต้องรักความสงบ และ ต้องบำเพ็ญ (ทำสมาธิ) แบบจริงจัง ถึงจะอยู่ได้  เมื่อคิดทบทวน คงเป็นสาเหตุนี้ละมั้ง  พระธุดงค์มาแล้วถึงอยู่ไม่ได้ เพราะมีสิ่งรบกวน  แต่มั่นใจตนเองมาดี และตั้งใจจะกักตัวให้ครบตามมาตรการ ทั้งเพื่อต้องการทำจิตใจให้สงบสร้างบุญบารมีด้วย 

คุณณัฐออกไปสูดอากาศด้านนอกป่าช้า มองหาแหล่งน้ำไปด้วย  ลำคลองที่แบ่งระหว่างนากับเขตป่าช้า น้ำใสไหลตลอดเวลา  ตั้งใจไว้ว่าอีกครู่จะมาอาบน้ำตรงนี้ นั่งห้อยขาตรงสะพานไม้ไผ่ หมู่บ้านรายล้อมรอบห่างออกไป เริ่มเปิดไฟกันแล้ว  บางหลังเปิดเสียงเพลงดังแว่วมา  พาให้รู้สึกคึกคัก พลอยทำให้นึกถึงแฟนไปด้วย  

ทันใดนั้นหางตาของเขามองเห็นเถียงนาหลังเดิม ท่ามกลางต้นข้าวเขียวขจี  ดู ๆ แล้วก็น่าอยู่เหมือนกัน ไว้พรุ่งนี้จะไปดู กักตัว 14 วัน อาจแบ่ง 7 วันไปพักเถียงนาบ้าง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

พอกลับมาที่ศาลา เขาพบกับกระดาษแผ่นหนึ่งแปะไว้ที่เสา จำได้ว่าไม่เคยเห็นกระดาษแผ่นนี้ คงเป็นคู่มือแนะนำพระ หรือฆราวาสที่มาพักอาศัยในสำนักสงฆ์จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เขามองผ่านตาไม่คิดสนใจ เพราะต้องรีบไปเอาเครื่องอาบน้ำ  ภายหลังชำระร่างกายเสร็จ กลับมาเปลี่ยนมาสวมชุดขาว จุดธูปเทียน และสวดมนต์เย็น กว่าจะเสร็จเวลาก็ค่ำมืด

ตู๊ด... ตุ๊ด...

“อะไรกันวะ  สัญญาณโทรศัพท์ไม่มี  เน็ตก็ไม่มี”

คุณณัฐได้แต่สบถอย่างหัวเสียอยู่คนเดียว การติดต่อครั้งสุดท้ายกับแอนอยู่ตรงที่เก็บศพ  ทันใดนั้นลมแรงพัดเข้ามา ทำให้ป่ามีเสียงดังครืน ใบไม้สะบัดดังเกรียวกราว คล้ายมีคนจำนวนมากหัวเราะขึ้นพร้อม  พอลมสงบจะมีเสียงตุ๊กแกในโพรงไม้คล้ายนักร้องนำวงดุริยางค์ ขับกล่อมวิญญาณไพร  

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่