อันนี้เป็นบทวิเคราะห์บทสรุปเนื้อเรื่องของ “ร่างทรง” ในแบบที่ผมคิดนะครับ ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ปลายเปิดกว้างมาก ก็อาจจะมีหลายท่านไม่เห็นด้วย แต่ยังไงก็ลองอ่านเป็นอีกมุมนึงแล้วกันนะครับ
(บทความ มีการเปิดเผยเนื้อหาทั้งหมดของเรื่อง “ร่างทรง”)
หลังจากที่เราดูหนังจนจบ เราจะพบกว่าจุดเฉลยปมของเรื่องคือ ตุ๊กตาสาปแช่งตระกูล ยะสันเทียะ ที่หนังเฉลยว่า นี้คือจุดเริ่มต้นของความสยดสยองทั้งหมด
เรามาเริ่มวิเคราะห์ไปที่ละส่วนละกันนะครับ
ตุ๊กตาสาปแช่ง
ถ้าสังเกตุที่ตุ๊กตาตัวนี้ จะเห็นว่าไม่ได้เก่าแก่มากมายนัก สีของตัวหนังสือก็ยังอ่านได้ชัดเจน คาดการณ์ว่าน่าจะถูกทำขึ้นไม่เกิน 20 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่ง คนที่ทำขึ้นจะต้องรู้อยู่แล้วว่า ณ เวลานั้น ตระกูลยะสันเทียะ ดองอยู่กับตระกูลของย่าบาหยัน ซึ่งมันจะเป็นเรื่องยากมาก ที่จะสาปแช่งตระกูลที่มีย่าบาหยันคุ้มครองอยู่ และส่วนที่สำคัญคือ ตุ๊กตาแบบนี้ชาวบ้นธรรมดาไม่สามารถทำได้แน่ๆ หรือทำเองก็ไม่มีพลัง ดังนั้นตุ๊กตาคำสาปนี้ จะต้องถูกทำขึ้นจากหมอผี สำนักใด สำนักนึง
ดังนั้นแผนการของคนทำตุ๊กตาสาปแช่งนี้ คือจะต้องทำลาย คนที่เป็นร่างทรงย่าบาหยันให้ได้ก่อน ซึ่งนั้นก็คือป้านิ่ม
ป้านิ่มเปรียบเสมือนผู้มีบุญ ในหนังเราจะเห็นภาพป้านิ่มตอนสาวๆ ที่มีการตัดผมสั้น ซึ่งคาดเดาได้ว่าอาจจะมีลักษณะของทอมบอย โดยผมคาดเดาว่าป้านิ่ม คือสาวบริสุทธิ์ที่ถือศีล ดังนั้นพลังและบุญบารมีของป้านิ่มที่เกิดจากตัวเอง และเกิดจากย่าบาหยัน จึงสูงมาก ยากที่มนต์ดำใดๆ จะทำลาย
แผนการของคนสร้างตุ๊กตาสาปแช่ง คือต้องการให้ย่าบาหยันออกจากร่างป้านิ่ม และไปเข้าสู่ร่างอื่นที่มีพลังกน้อยกว่าป้านิ่ม นั้นก็คือป้าน้อย แต่จะทำยังไงให้ป้านิ่มเสื่อมศรัทธาในย่าบาหยัน และทำยังไงให้ป้าน้อยเริ่มเคารพย่าบาหยันมากขึ้น นั้นก็คือ มิ้งนั้นเอง
มิ้งถูกใช่เป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนแรก เพื่อทำให้ป้าน้อยยอมเชื่อเรื่องแบบนี้ และยอมรับย่าบาหยันเข้าตัว และคุณสมบัติของมิ้ง ก็เหมาะสมที่จะใช้เป็นเหยื่อในเรื่องนี้ เพราะบ้านของป้าน้อยและมิ้ง ค่อนข้างที่จะไม่สนิทกันเลย จากที่มานิตย์ได้บอกว่าว่า ป้าน้อยและป้านิ่มระหรองระแหงกัน ทำให้ป้านิ่มไม่สามารถคอยดูแลสอดส่องลูกหลานในตระกูลในพ้นจากสิ่งไม่ดีได้ มิ้งเลยเป็นเหมือนเด็กสาวใจแตก และมีพลังทางสายเลือดที่สามารถรับร่างจากสิ่งเหนือธรรมชาติได้
คนสร้างตุ๊กตาสาปแช่ง จึงเริ่มส่งปีศาจเข้าไปหามิ้ง ปีศาจตัวแรก คือหมาดำที่ตายบนถนน ที่ป้านิ่มเห็นตอนกำลังขับรถไปงานศพ ตามความเชื่อคนอีสาน หมาดำคือ ร่างสิงของผี หรือ ปีศาจ ไม่ใช่แค่ระดับสัมพเวสีทั่วๆ ไป แต่เป็นผี ปีศาจที่มีอำนาจสูง ผมคาดว่า ปีศาจหมาดำตัวนี้แหละ คือตัวหลักที่สิงอยู่ในร่างของมิ้งตลอดเวลา
หลังจากงานศพ มิ้งก็เริ่มมีอาการแปลกๆ เป็นเพราะมิ้งถูกผี ปีศาจคอยรังควานให้ทำสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ จนถึงฉากที่มิ้งหมดแรงหมดหวังนั่งมอง แมลงติดหยดน้ำบนโต๊ะอาหาร แล้วร้องไห้ออกมา และกลับบ้านไปกรีดข้อมือตัวเอง นี้คือแผนแรกของคนทำตุ๊กตาคำสาปที่สำเร็จ การที่มิ้งกรีดข้อมือนั้น ทำให้วิญญาณของมิ้งเองได้ออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว ร่างของมิ้งที่ฟื้นขึ้นมาคือปีศาจหมาดำเข้าสิงเต็มที่
หลังฉากที่ป้าน้อย พามิ้งไปรับขันธ์มั่วๆ หลังจากที่ป้านิ่มมาขัดขวาง มิ้งได้หยิบกล้องไปตีหัวป้าน้อยทันที นั้นก็เพื่อทำให้ป้าน้อยเริ่มหวาดกลัวในสิ่งลี้ลับ
การที่มิ้งหายตัวไปเกือบๆ เดือนหลังจากนั้น ก็เป็นแผนอีกเช่นกัน เพราะหลังจากที่มิ้งหายไป ป้านิ่มก็ต้องไปทำพิธีเพื่อตามหามิ้ง เป็นเวลาเกือบเดือน ซึ่งนั้นก็ตรงกับที่คนทำตุ๊กตาคำสาปต้องการ เพราะการที่ป้านิ่มไม่มีสมาธิต่อย่าบาหยัน ต้องเอาเวลาไปตามหามิ้ง ทำให้ไม่มีจิตว่างสื่อสารกับย่าบาหยัน จุดสุดท้ายมิ้งก็แอบไปตัดคอรูปปั้นย่าบาหยันจนขาด ซึ่งกล้องจากรถแท็กซี่เอง เป็นจุดที่บอกว่าระหว่างมิ้งหายไป มิ้งไม่ได้นอนเฉยๆ ในโรงงานร่าง แต่มีการเดินทางไปมาตลอด
หลังจากที่เจอมิ้งแล้ว ป้านิ่มก็พบว่ารูปปั้นย่าบาหยันถูกตัดจนขาด เป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของตัวป้านิ่มเอง และต่อมาฉากที่มิ้งฉีกเสื้อ ก็เป็นการเล่นเกมส์จิตวิทยา เพื่อทำลายความเชื่อของป้านิ่ม เช่นการบอกว่าป้าน้อยเป็นคนวางแผนให้ป้านิ่มเป็นร่างทรง หรือการถามป้านิ่มว่า “ก็ลองทายสิว่ากูเป็นใคร”
การทำแบบนี้ ทำให้ป้านิ่มเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในพลังของตัวเอง หรือไม่มั่นใจจริงๆ แล้วพลักงของย่าบาหยันแข็งเกร่งพอที่จะช่วยเหลือได้จริงๆ เหรอ เพราะการที่เป็นร่างทรงมาหลายปีของป้านิ่ม ได้ช่วยเหลือคนไปมากมาย แต่ทำไมลูกหลานย่าเองถูกผีสิง กลับไม่สามารถไล่ออกไปได้ ป้านิ่มถึงขั้นต้องเอ่ยปากว่า ต้องหาคนมาช่วย
แต่สุดท้ายป้านิ่มก็ไม่ได้อยู่ถึงวันทำพิธี การตายของป้านิ่ม มีได้ 2 ประเด็น 1. เป็นโรคไหลตาย เพราะตอนสาวๆ ป้านิ่มเองก็เคยเป็นลม ตามที่ป้าน้อยบอก เหตุผลที่ไหลตายก็เพราะพอป้านิ่มหมดความเชื่อในตัวย่าบาหยัน ก็เหมือนไม่มีอะไรคอยค้ำจุนตัวเอง อาการป่วยเก่าๆ ก็เลยกลับมา 2. ถูกพลังของ คนทำตุ๊กตาคำสาปเล่นงาน เพราะเมื่อป้านิ่มไม่นับถือย่าบาหยันแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะกำจัดทิ้ง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด นั้นก็ถือว่าแผนของคนทำตุ๊กตาคำสาป สำเร็จไปแล้ว 1 ขั้น
ขอเล่าข้ามมาถึงตอนที่พิธีถูกขัดขวาง การที่มิ้งในห้องต้องขัดขวางพิธีเพราะ วิญญาณที่สันติเอาลงหม้อไปนั้นเป็นเพียงพวกสัมพเวสีทั่วๆ ไปเท่านั้น วิญญาณปีศาจหมาดำที่อยู่ในตัวมิ้งยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะสันติเองก็ไม่ใช่หมอผีที่เก่งกาจอะไรมากมาย และเคยทำพิธีใหญ่แบบนี้เป็นครั้งแรกด้วย พอพิธีถูกทำร้าย ลูกศิษย์ของสันติทั้งหมดก็ถูกผีต่างๆ เข้าสิงเป็นเพราะ คนเล่นของ สักยันต์นั้น ก็เปรียบเสมือนตัวเองพร้อมรับเอาของไม่ดีเข้าสู่ร่างกายได้ ต่างกับทีมงานตากล้อง ที่เป็นคนรุ่นใหม่ไม่มีการเล่น ไม่มีการสักยันต์ ทำให้พวกเขาไม่ถูกผีเข้า
สุดท้ายป้าน้อยที่หมดสติไปเพราะพิธีกรรม ฟื้นขึ้นมาและรับรู้ได้แล้วว่า ย่าเข้าตัวเองจึงพยายามที่จะต่อสู้กับปีศาจที่อยู่ในร่างของมิ้ง แต่ด้วยความที่ป้าเองก็ไม่มีคนมีบุญอะไร และเพิ่งได้รับย่าบาหยันเข้ามาเป็นครั้งแรก จึงยังไม่สามารถต่อสู้กับปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวมิ้งได้ และอ่อนไหวต่อลูกสาวตัวเองทำให้สวดต่อไม่ได้อีก
ปีศาจที่อยู่ในตัวมิ้งจึง ถือโอกาสบีบคอ และเข้าสู่เป้าหมายสุดท้ายของแผนการนี้ คือการที่มิ้งเริ่มสวดได้ และวิญญาณในโรงงานร้างสวดตอบรับ และนี้คือเป้าหมายสูงสุดของคนทำตุ๊กตาคำสาป เพราะมันต้องการทำลายย่าบาหยันที่อยู่ในตัวของป้าน้อย พร้อมกับสร้างปีศาจตัวใหม่ ขึ้นมาเป็นร่างทรงแทนย่าบาหยันนั้นเอง
จุดจบของเรื่องนี้ ถ้ามิ้งไม่ตายรอดไปจากการถูกไฟเผา มิ้งจะกลายเป็นร่างทรงย่าบาหยันคนใหม่ แต่สิ่งที่อยู่ในร่างไม่ใช่ย่าบาหยันอีกต่อไป แต่เป็นวิญญาณปีศาจหมาดำที่ คนทำตุ๊กตาคำสาปส่งมา หรืออาจจะมีการเปิดสำนักร่างทรงใหม่ขึ้นมาในหมู่บ้าน
จึงสรุปได้ว่า คนที่ทำตุ๊กตาคำสาป ต้องการที่จะดึงความเชื่อของป้านิ่มให้ต่ำลง เพื่อให่ย่าบาหยันออกจากร่าง และเพิ่มความเชื่อของป้าน้อยให้มากขึ้น เพื่อให้ย่าบาหยันเข้าไปยังร่างป้าน้อย เพราะป้านิ่มเป็นเหมือนคนมีบุญต่อสุ้ลำบาก ถ้าย่าอยู่ในร่างป้าน้อย การทำลายย่าจะง่ายกว่า โดยใช้มิ้งเป็นเครื่องมือทำให้สองคนนี้ เข้ามาสู่เหตุการณ์ทั้งหมด
เหตุผลที่ผมมองว่าเป็นการต่อสู้กันของคนเล่นของและย่าบาหยัน เพราะถ้าเราย้อนไปดูหนังเรื่อง The wailing ของ นาฮงจิน คนแต่งบทเรื่องนี้เวอร์ชั่นแรก เขาก็ยึดติดกับการต่อสู้ทางพิธีกรรมสองฝ่าย และเขาเชื่อในเรื่องของปีศาจอยู่มากๆ จึงเป็นไปได้ที่เอากลิ่นของ The wailing มาใส่ใน “ร่างทรง” แต่เพียงไม่บอกว่า อีกฝ่ายที่คนทำตุ๊กตาคำสาป คือใครเท่านั้นเอง
แก่นของหนังเรื่องนี้คือ คำว่า “สติ๊กเกอร์ท้ายรถ” การท้าทายความเชื่อของคนดู คนดูถูกหลอกให้เชื่อว่า ย่าบาหยันเป็นวิญญาณผีดีมาโดยตลอด แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ ย่าบาหยัน จริงๆ ก็เป็นแค่ผีเท่านั้น แต่ถูกความเชื่อของคนในหมู่บ้านบอกว่าเป็นผีดี
ถ้าเราสังเกตุตั้งแต่ช่วงต้นของหนัง จะมีฉากที่ป้านิ่มทำพิธีบูชาย่าบาหยัน โดยการ รำถือดาบ แล้วตรงหน้าป้าก็มีคนแก่นั่งคุกเข่า ซึ่งการถือดาบรำ แล้วมีคนนั่งคุกเข่าแบบนี้ มันเหมือนการตัดคอเลย
ซึ่งในความฝันของมิ้ง ที่บอกเล่าว่าเห็นคน กำลังถือดาบตัดหัวคนอื่นอยู่ ซึ่งประเมินได้ว่านั้นคือต้นตระกูลฝั่งพ่อ
ทำให้เราอาจจะคิดได้ว่า จริงๆ แล้ว ย่าบาหยัน คือต้นตระกูล ยะสันเทีย นั้นเอง แต่ด้วยความที่ไม่มีใครรู้ว่า ย่าบาหยันเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อไร
ในสังคมชนบทต่างจังหวัด การที่ลูกหลานย้ายบ้านออกไปจนลืมสายตระกูล แล้วกลับมาแต่งงานกันเอง นี้ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ
การที่หนังเล่าเรื่อง แม็คและมิ้งให้ฟัง มันไม่ใช่แค่การบอกว่า พี่น้องได้กันเองเท่านั้น
แต่หนังจะสื่อว่า การที่สองตระกูลนี้มาแต่งกัน พ่อ-แม่ ของมิ้ง นั้นคือการได้กันในเครือญาติ
และการที่หุ่นย่าบาหยันถูกตัดคอ นั้นก็เพราะผีฝั่งตรงข้ามที่อาฆาตตระกูลนี้ สิงมิ้งให้ไปตัด เพื่อต้องการสื่อว่า พวกมันต้องการล้างแค้นย่า เหมือนกับที่ย่าเคยตัดคอพวกเขา
เพราะเรื่องนี้ตัวร้ายที่ฆ่าทุกคน คือวิญญาณที่อาฆาตตระกูลยะสันเทีย
ส่วนตัวเชื่อว่า ย่าบาหยัน ก็คือ ต้นตระกูล ยะสันเทีย นั้นเอง ย่าไม่ใช่ผีที่ฆ่าทุกคนในเรื่อง แต่เป็นต้นเหตุของการถูกอาฆาตจนทุกคนต้องตาย
ตีความเนื้อหาและจุดสังเกตุของ "ร่างทรง"
(บทความ มีการเปิดเผยเนื้อหาทั้งหมดของเรื่อง “ร่างทรง”)
หลังจากที่เราดูหนังจนจบ เราจะพบกว่าจุดเฉลยปมของเรื่องคือ ตุ๊กตาสาปแช่งตระกูล ยะสันเทียะ ที่หนังเฉลยว่า นี้คือจุดเริ่มต้นของความสยดสยองทั้งหมด
เรามาเริ่มวิเคราะห์ไปที่ละส่วนละกันนะครับ
ตุ๊กตาสาปแช่ง
ถ้าสังเกตุที่ตุ๊กตาตัวนี้ จะเห็นว่าไม่ได้เก่าแก่มากมายนัก สีของตัวหนังสือก็ยังอ่านได้ชัดเจน คาดการณ์ว่าน่าจะถูกทำขึ้นไม่เกิน 20 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่ง คนที่ทำขึ้นจะต้องรู้อยู่แล้วว่า ณ เวลานั้น ตระกูลยะสันเทียะ ดองอยู่กับตระกูลของย่าบาหยัน ซึ่งมันจะเป็นเรื่องยากมาก ที่จะสาปแช่งตระกูลที่มีย่าบาหยันคุ้มครองอยู่ และส่วนที่สำคัญคือ ตุ๊กตาแบบนี้ชาวบ้นธรรมดาไม่สามารถทำได้แน่ๆ หรือทำเองก็ไม่มีพลัง ดังนั้นตุ๊กตาคำสาปนี้ จะต้องถูกทำขึ้นจากหมอผี สำนักใด สำนักนึง
ดังนั้นแผนการของคนทำตุ๊กตาสาปแช่งนี้ คือจะต้องทำลาย คนที่เป็นร่างทรงย่าบาหยันให้ได้ก่อน ซึ่งนั้นก็คือป้านิ่ม
ป้านิ่มเปรียบเสมือนผู้มีบุญ ในหนังเราจะเห็นภาพป้านิ่มตอนสาวๆ ที่มีการตัดผมสั้น ซึ่งคาดเดาได้ว่าอาจจะมีลักษณะของทอมบอย โดยผมคาดเดาว่าป้านิ่ม คือสาวบริสุทธิ์ที่ถือศีล ดังนั้นพลังและบุญบารมีของป้านิ่มที่เกิดจากตัวเอง และเกิดจากย่าบาหยัน จึงสูงมาก ยากที่มนต์ดำใดๆ จะทำลาย
แผนการของคนสร้างตุ๊กตาสาปแช่ง คือต้องการให้ย่าบาหยันออกจากร่างป้านิ่ม และไปเข้าสู่ร่างอื่นที่มีพลังกน้อยกว่าป้านิ่ม นั้นก็คือป้าน้อย แต่จะทำยังไงให้ป้านิ่มเสื่อมศรัทธาในย่าบาหยัน และทำยังไงให้ป้าน้อยเริ่มเคารพย่าบาหยันมากขึ้น นั้นก็คือ มิ้งนั้นเอง
มิ้งถูกใช่เป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนแรก เพื่อทำให้ป้าน้อยยอมเชื่อเรื่องแบบนี้ และยอมรับย่าบาหยันเข้าตัว และคุณสมบัติของมิ้ง ก็เหมาะสมที่จะใช้เป็นเหยื่อในเรื่องนี้ เพราะบ้านของป้าน้อยและมิ้ง ค่อนข้างที่จะไม่สนิทกันเลย จากที่มานิตย์ได้บอกว่าว่า ป้าน้อยและป้านิ่มระหรองระแหงกัน ทำให้ป้านิ่มไม่สามารถคอยดูแลสอดส่องลูกหลานในตระกูลในพ้นจากสิ่งไม่ดีได้ มิ้งเลยเป็นเหมือนเด็กสาวใจแตก และมีพลังทางสายเลือดที่สามารถรับร่างจากสิ่งเหนือธรรมชาติได้
คนสร้างตุ๊กตาสาปแช่ง จึงเริ่มส่งปีศาจเข้าไปหามิ้ง ปีศาจตัวแรก คือหมาดำที่ตายบนถนน ที่ป้านิ่มเห็นตอนกำลังขับรถไปงานศพ ตามความเชื่อคนอีสาน หมาดำคือ ร่างสิงของผี หรือ ปีศาจ ไม่ใช่แค่ระดับสัมพเวสีทั่วๆ ไป แต่เป็นผี ปีศาจที่มีอำนาจสูง ผมคาดว่า ปีศาจหมาดำตัวนี้แหละ คือตัวหลักที่สิงอยู่ในร่างของมิ้งตลอดเวลา
หลังจากงานศพ มิ้งก็เริ่มมีอาการแปลกๆ เป็นเพราะมิ้งถูกผี ปีศาจคอยรังควานให้ทำสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ จนถึงฉากที่มิ้งหมดแรงหมดหวังนั่งมอง แมลงติดหยดน้ำบนโต๊ะอาหาร แล้วร้องไห้ออกมา และกลับบ้านไปกรีดข้อมือตัวเอง นี้คือแผนแรกของคนทำตุ๊กตาคำสาปที่สำเร็จ การที่มิ้งกรีดข้อมือนั้น ทำให้วิญญาณของมิ้งเองได้ออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว ร่างของมิ้งที่ฟื้นขึ้นมาคือปีศาจหมาดำเข้าสิงเต็มที่
หลังฉากที่ป้าน้อย พามิ้งไปรับขันธ์มั่วๆ หลังจากที่ป้านิ่มมาขัดขวาง มิ้งได้หยิบกล้องไปตีหัวป้าน้อยทันที นั้นก็เพื่อทำให้ป้าน้อยเริ่มหวาดกลัวในสิ่งลี้ลับ
การที่มิ้งหายตัวไปเกือบๆ เดือนหลังจากนั้น ก็เป็นแผนอีกเช่นกัน เพราะหลังจากที่มิ้งหายไป ป้านิ่มก็ต้องไปทำพิธีเพื่อตามหามิ้ง เป็นเวลาเกือบเดือน ซึ่งนั้นก็ตรงกับที่คนทำตุ๊กตาคำสาปต้องการ เพราะการที่ป้านิ่มไม่มีสมาธิต่อย่าบาหยัน ต้องเอาเวลาไปตามหามิ้ง ทำให้ไม่มีจิตว่างสื่อสารกับย่าบาหยัน จุดสุดท้ายมิ้งก็แอบไปตัดคอรูปปั้นย่าบาหยันจนขาด ซึ่งกล้องจากรถแท็กซี่เอง เป็นจุดที่บอกว่าระหว่างมิ้งหายไป มิ้งไม่ได้นอนเฉยๆ ในโรงงานร่าง แต่มีการเดินทางไปมาตลอด
หลังจากที่เจอมิ้งแล้ว ป้านิ่มก็พบว่ารูปปั้นย่าบาหยันถูกตัดจนขาด เป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของตัวป้านิ่มเอง และต่อมาฉากที่มิ้งฉีกเสื้อ ก็เป็นการเล่นเกมส์จิตวิทยา เพื่อทำลายความเชื่อของป้านิ่ม เช่นการบอกว่าป้าน้อยเป็นคนวางแผนให้ป้านิ่มเป็นร่างทรง หรือการถามป้านิ่มว่า “ก็ลองทายสิว่ากูเป็นใคร”
การทำแบบนี้ ทำให้ป้านิ่มเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในพลังของตัวเอง หรือไม่มั่นใจจริงๆ แล้วพลักงของย่าบาหยันแข็งเกร่งพอที่จะช่วยเหลือได้จริงๆ เหรอ เพราะการที่เป็นร่างทรงมาหลายปีของป้านิ่ม ได้ช่วยเหลือคนไปมากมาย แต่ทำไมลูกหลานย่าเองถูกผีสิง กลับไม่สามารถไล่ออกไปได้ ป้านิ่มถึงขั้นต้องเอ่ยปากว่า ต้องหาคนมาช่วย
แต่สุดท้ายป้านิ่มก็ไม่ได้อยู่ถึงวันทำพิธี การตายของป้านิ่ม มีได้ 2 ประเด็น 1. เป็นโรคไหลตาย เพราะตอนสาวๆ ป้านิ่มเองก็เคยเป็นลม ตามที่ป้าน้อยบอก เหตุผลที่ไหลตายก็เพราะพอป้านิ่มหมดความเชื่อในตัวย่าบาหยัน ก็เหมือนไม่มีอะไรคอยค้ำจุนตัวเอง อาการป่วยเก่าๆ ก็เลยกลับมา 2. ถูกพลังของ คนทำตุ๊กตาคำสาปเล่นงาน เพราะเมื่อป้านิ่มไม่นับถือย่าบาหยันแล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะกำจัดทิ้ง แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด นั้นก็ถือว่าแผนของคนทำตุ๊กตาคำสาป สำเร็จไปแล้ว 1 ขั้น
ขอเล่าข้ามมาถึงตอนที่พิธีถูกขัดขวาง การที่มิ้งในห้องต้องขัดขวางพิธีเพราะ วิญญาณที่สันติเอาลงหม้อไปนั้นเป็นเพียงพวกสัมพเวสีทั่วๆ ไปเท่านั้น วิญญาณปีศาจหมาดำที่อยู่ในตัวมิ้งยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะสันติเองก็ไม่ใช่หมอผีที่เก่งกาจอะไรมากมาย และเคยทำพิธีใหญ่แบบนี้เป็นครั้งแรกด้วย พอพิธีถูกทำร้าย ลูกศิษย์ของสันติทั้งหมดก็ถูกผีต่างๆ เข้าสิงเป็นเพราะ คนเล่นของ สักยันต์นั้น ก็เปรียบเสมือนตัวเองพร้อมรับเอาของไม่ดีเข้าสู่ร่างกายได้ ต่างกับทีมงานตากล้อง ที่เป็นคนรุ่นใหม่ไม่มีการเล่น ไม่มีการสักยันต์ ทำให้พวกเขาไม่ถูกผีเข้า
สุดท้ายป้าน้อยที่หมดสติไปเพราะพิธีกรรม ฟื้นขึ้นมาและรับรู้ได้แล้วว่า ย่าเข้าตัวเองจึงพยายามที่จะต่อสู้กับปีศาจที่อยู่ในร่างของมิ้ง แต่ด้วยความที่ป้าเองก็ไม่มีคนมีบุญอะไร และเพิ่งได้รับย่าบาหยันเข้ามาเป็นครั้งแรก จึงยังไม่สามารถต่อสู้กับปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวมิ้งได้ และอ่อนไหวต่อลูกสาวตัวเองทำให้สวดต่อไม่ได้อีก
ปีศาจที่อยู่ในตัวมิ้งจึง ถือโอกาสบีบคอ และเข้าสู่เป้าหมายสุดท้ายของแผนการนี้ คือการที่มิ้งเริ่มสวดได้ และวิญญาณในโรงงานร้างสวดตอบรับ และนี้คือเป้าหมายสูงสุดของคนทำตุ๊กตาคำสาป เพราะมันต้องการทำลายย่าบาหยันที่อยู่ในตัวของป้าน้อย พร้อมกับสร้างปีศาจตัวใหม่ ขึ้นมาเป็นร่างทรงแทนย่าบาหยันนั้นเอง
จุดจบของเรื่องนี้ ถ้ามิ้งไม่ตายรอดไปจากการถูกไฟเผา มิ้งจะกลายเป็นร่างทรงย่าบาหยันคนใหม่ แต่สิ่งที่อยู่ในร่างไม่ใช่ย่าบาหยันอีกต่อไป แต่เป็นวิญญาณปีศาจหมาดำที่ คนทำตุ๊กตาคำสาปส่งมา หรืออาจจะมีการเปิดสำนักร่างทรงใหม่ขึ้นมาในหมู่บ้าน
จึงสรุปได้ว่า คนที่ทำตุ๊กตาคำสาป ต้องการที่จะดึงความเชื่อของป้านิ่มให้ต่ำลง เพื่อให่ย่าบาหยันออกจากร่าง และเพิ่มความเชื่อของป้าน้อยให้มากขึ้น เพื่อให้ย่าบาหยันเข้าไปยังร่างป้าน้อย เพราะป้านิ่มเป็นเหมือนคนมีบุญต่อสุ้ลำบาก ถ้าย่าอยู่ในร่างป้าน้อย การทำลายย่าจะง่ายกว่า โดยใช้มิ้งเป็นเครื่องมือทำให้สองคนนี้ เข้ามาสู่เหตุการณ์ทั้งหมด
เหตุผลที่ผมมองว่าเป็นการต่อสู้กันของคนเล่นของและย่าบาหยัน เพราะถ้าเราย้อนไปดูหนังเรื่อง The wailing ของ นาฮงจิน คนแต่งบทเรื่องนี้เวอร์ชั่นแรก เขาก็ยึดติดกับการต่อสู้ทางพิธีกรรมสองฝ่าย และเขาเชื่อในเรื่องของปีศาจอยู่มากๆ จึงเป็นไปได้ที่เอากลิ่นของ The wailing มาใส่ใน “ร่างทรง” แต่เพียงไม่บอกว่า อีกฝ่ายที่คนทำตุ๊กตาคำสาป คือใครเท่านั้นเอง
แก่นของหนังเรื่องนี้คือ คำว่า “สติ๊กเกอร์ท้ายรถ” การท้าทายความเชื่อของคนดู คนดูถูกหลอกให้เชื่อว่า ย่าบาหยันเป็นวิญญาณผีดีมาโดยตลอด แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ ย่าบาหยัน จริงๆ ก็เป็นแค่ผีเท่านั้น แต่ถูกความเชื่อของคนในหมู่บ้านบอกว่าเป็นผีดี
ถ้าเราสังเกตุตั้งแต่ช่วงต้นของหนัง จะมีฉากที่ป้านิ่มทำพิธีบูชาย่าบาหยัน โดยการ รำถือดาบ แล้วตรงหน้าป้าก็มีคนแก่นั่งคุกเข่า ซึ่งการถือดาบรำ แล้วมีคนนั่งคุกเข่าแบบนี้ มันเหมือนการตัดคอเลย
ซึ่งในความฝันของมิ้ง ที่บอกเล่าว่าเห็นคน กำลังถือดาบตัดหัวคนอื่นอยู่ ซึ่งประเมินได้ว่านั้นคือต้นตระกูลฝั่งพ่อ
ทำให้เราอาจจะคิดได้ว่า จริงๆ แล้ว ย่าบาหยัน คือต้นตระกูล ยะสันเทีย นั้นเอง แต่ด้วยความที่ไม่มีใครรู้ว่า ย่าบาหยันเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อไร
ในสังคมชนบทต่างจังหวัด การที่ลูกหลานย้ายบ้านออกไปจนลืมสายตระกูล แล้วกลับมาแต่งงานกันเอง นี้ก็มีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ
การที่หนังเล่าเรื่อง แม็คและมิ้งให้ฟัง มันไม่ใช่แค่การบอกว่า พี่น้องได้กันเองเท่านั้น
แต่หนังจะสื่อว่า การที่สองตระกูลนี้มาแต่งกัน พ่อ-แม่ ของมิ้ง นั้นคือการได้กันในเครือญาติ
และการที่หุ่นย่าบาหยันถูกตัดคอ นั้นก็เพราะผีฝั่งตรงข้ามที่อาฆาตตระกูลนี้ สิงมิ้งให้ไปตัด เพื่อต้องการสื่อว่า พวกมันต้องการล้างแค้นย่า เหมือนกับที่ย่าเคยตัดคอพวกเขา
เพราะเรื่องนี้ตัวร้ายที่ฆ่าทุกคน คือวิญญาณที่อาฆาตตระกูลยะสันเทีย
ส่วนตัวเชื่อว่า ย่าบาหยัน ก็คือ ต้นตระกูล ยะสันเทีย นั้นเอง ย่าไม่ใช่ผีที่ฆ่าทุกคนในเรื่อง แต่เป็นต้นเหตุของการถูกอาฆาตจนทุกคนต้องตาย