JJNY : ติดเชื้อ7,679 เสียชีวิต56│รพ.มธ.โต้ กต.แจงเหตุยุติโมเดอร์นาบริจาค│ราคาส่ง‘ผักชี’ เกือบ 400│อุตุฯ เตือน38จว.มีฝน

โควิดติดเชื้อเพิ่ม7,679ราย หายป่วย8,482ราย เสียชีวิต56
https://www.dailynews.co.th/news/437336/

ยอด 'โควิด-19' วันนี้ พบเสียชีวิตเพิ่มอีก 56 ราย ขณะที่พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 7,679 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,906,579 ราย
 
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 3 พ.ย. 64 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 7,679 ราย เป็นผู้ติดเชื้อใหม่ 7,143 ราย และผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 536 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 มีจำนวน 1,906,579 ราย หายป่วยกลับบ้าน 8,482 ราย หายป่วยสะสม 1,791,037 ราย กำลังรักษา 97,585 ราย
   
โดยวันนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 56 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 มียอดสะสมสูงถึง 19,394 ราย
 


รพ.สนามธรรมศาสตร์ โต้ กต.แจงเหตุยุติโมเดอร์นาบริจาค อ้างไม่รู้แบ่งขาย กระทบสัมพันธ์
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3023696
 
รพ.สนามธรรมศาสตร์ โต้ กต.แจงเหตุยุติโมเดอร์นาบริจาค อ้างไม่รู้แบ่งขาย กระทบสัมพันธ์
 
เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
 
วันที่ 149 ของศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์รังสิตและวันที่ 130 ของศูนย์ธรรมศาสตร์ Home Isolation
 
วันนี้มารายงานเพิ่มเติม นอกกำหนดการที่จะมาทุกวันจันทร์ เราไม่ได้มาแจ้งข่าวเรื่องโควิด เพราะสถานการณ์ยังทรงตัวไม่ต่างจากเมื่อวานนี้ ทั้งสถานการณ์ในประเทศ และสถานการณ์ใน รพ.ธรรมศาสตร์ แต่มีประเด็นที่เพิ่มเติมจากแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศ เรื่องการรับบริจาควัคซีนจากโปแลนด์ ที่เราแจ้งไปแล้วเมื่อวานว่า “จบไปแล้ว” โดยไม่มีการส่งมอบวัคซีนบริจาคใดๆ มายังประเทศไทย เมื่อธรรมศาสตร์ไม่สามารถมีหนังสือจากทางการไทยรับรองว่ารัฐบาลไทยเห็นชอบให้ธรรมศาตร์รับบริจาคโมเดอร์นา จำนวน 1,500,000โดสจากหน่วยงานของรัฐในโปแลนด์ได้
 
วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ ต่อความให้ยาวขึ้นอีก ด้วยการออกแถลงการณ์ว่า เหตุผลที่ไม่ออกหนังสือรับรองให้ธรรมศาสตร์นั้น มีสองประการ คือหนึ่ง ไม่มีความยินยอมจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนในการที่พวกเราจะไปขอรับบริจาคโมเดอร์นามาใช้ในประเทศไทย ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง กต. แถลงว่า ได้ทราบว่าในจำนวนวัคซีน 1.5 ล้านโดสที่จะได้รับบริจาคมานั้น ธรรมศาสตร์จะนำมาฉีดให้ประชาชนทั่วไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพียง 500,000 โดส ส่วนอีกหนึ่งล้านโดสจะให้เอกชนที่เป็นคู่สัญญากับมธ. นำไปจำหน่ายโดยเรียกเก็บเงิน กต.เกรงว่าจะเกิดความเสียหายแก่ประเทศ และขัดเจตนาของทางโปแลนด์และประเทศไทยจะเสียชื่อเสียง จึงไม่ยอมออกจดหมายรับรองการขอรับบริจาคให้แก่ มธ.
 
ข้อสังเกตเบื้องต้นของพวกเราก็คือ กต.ไม่เคยแจ้งเหตุผลข้อหลังนี้ให้พวกเราทราบมาก่อนเลย ทั้งด้วยวาจา ผ่านตัวแทนที่ได้รับมอบหมายให้ดีลกับ มธ. และไม่เคยสอบถามรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับ ‘การค้าวัคซีน’ นี้ มายังมธ.เลย แม้ในจดหมายที่เป็นทางการที่ ทาง กต.ตอบมายังอธิการบดี มธ. ก็ไม่เคยแจ้งพวกเรา ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐด้วยกันว่า เกรงจะมีปัญหาเรื่องนี้ (เพราะหากแจ้งเช่นนั้น มธ. คงจะได้เข้าปรึกษาหารือกับ กต. และหาแนวทางอื่นในการดำเนินการร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประเทศได้ทันท่วงที) คำอธิบายเหตุผลเรื่องนี้ เพิ่งมาปรากฎขึ้นในวันที่ 2 พ.ย. วันนี้เอง
 
ต่อเหตุผลทั้งสองข้อที่ กต. แจ้งว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถรับรองการรับบริจาคให้แก่ธรรมศาสตร์ ข้อแรกนั้น เรายืนยันว่า ได้แจ้งแก่ผู้แทนที่กต. มอบให้เป็นผู้ประสานงานว่า พวกเรากำลังดำเนินการเพื่อขอความเห็นชอบจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีน ในการที่จะให้ความเห็นชอบที่โปแลนด์จะบริจาคModerna ให้แก่มธ.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐในประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินการคู่ขนานไปกับการขอให้ทาง กต. ทำจดหมายแจ้งไปยังโปแลนด์อยู่แล้ว การให้ความยินยอมนี้ จะเกิดง่ายขึ้นด้วยซำ้ หากมีจดหมายจาก กต.รับรองสถานะของธรรมศาสตร์อีกทางหนึ่งด้วย
 
ในประเด็นที่สอง เรื่องการแบ่งวัคซีนอีกหนึ่งล้านโดสให้เอกชนคู่สัญญานำไปจำหน่าย นั้น เราได้แจ้งแก่ผู้แทน กต.ตั้งแต่ต้นว่า การบริจาคครั้งนี้ เป็นการบริจาควัคซีนจากคลังสำรองในโปแลนด์ ผู้รับบริจาคจะต้องส่งคณะผู้เชี่ยวชาญไปตรวจสอบสภาพ สถานะ และลอตการผลิต ตลอดจนจัดเตรียม dossier ในการจัดส่งและตรวจสอบ จัดการในเรื่อง logisticในการนำวัคซีนไปยังสนามบิน จัดการในเรื่องการขนส่ง การประกันภัยวัคซีน พิธีการศุลกากร และการบริหารจัดการคลังเก็บวัดซีนในประเทศ ตลอดทั้งการประกันภัยผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนเอง ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเรื่องเหล่านี้คิดเป็นเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท และในกรณีการรับบริจาคแอสตร้าเซนเนก้า
 
จากหลายประเทศ หลายครั้ง รัฐบาลไทยก็เคยเป็นผู้รับผิดชอบโดยใช้เงินงบประมาณของรัฐจ่ายไปทั้งหมด
 
ในกรณีของธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่มีงบประมาณแผ่นดินให้จ่ายได้ดังกรณีที่รัฐรับบริจาค เราจึงได้ขอให้ภาคเอกชนคู่สัญญาของเรา เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ไป และตกลงว่าจะให้นำวัคซีนModerna หนึ่งล้านโดส ออกไปกระจายฉีดให้ประชาชนทั่วไป โดยคิดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ประกันภัย และโลจิสติคที่เกี่ยวข้องได้ ตามราคาต้นทุนที่ได้จ่ายไปจริง (at cost)โดยธรรมศาสตร์แจ้งผู้แทน กต. ว่า เราจะตั้งโต๊ะแถลงข่าว แจกแจงรายการต่างๆพร้อมทั้งแสดงหลักฐานว่า “ค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่งวัคซีนบริจาค” ลอตนี้ มีจำนวนเท่าใด และจะขอให้ผู้ฉีดวัคซีนในส่วนหนึ่งล้านโดสนั้น ช่วยรับผิดชอบร่วมกันด้วย
 
ประเด็นที่สำคัญคือ เมื่อได้คำนวนค่าใช้จ่ายแล้ว เราได้เจรจาตกลงกับเอกชนคู่สัญญาว่า เมื่อหักห้าแสนโดสที่จะมอบให้ธรรมศาสตร์และโรงพยาบาลเครือข่ายไปฉีดให้ผู้ที่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์โดยไม่เรียกเก็บค่าตอบแทนออกแล้ว วัคซีนอีกหนึ่งล้านโดสที่เหลือ ตกลงจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในเรื่องการขนส่ง โลจิสติค และประกันภัย รวมเป็นจำนวนโดสละ 400 บาท เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปโดยไม่มีงบประมาณภาครัฐรองรับ ซึ่งก็ตำ่กว่าราคา 1.100 บาทที่เป็นราคาต้นทุนวัคซีนที่หน่วยงานภาครัฐที่นำวัคซีนชนิดนี้เข้ามาในประเทศ เรียกเก็บจากสถานพยาบาลต่างๆอยู่เป็นอย่างมาก
เราได้แจ้งหลักเกณฑ์และจำนวนค่าใช้จ่ายที่จะขอเรียกเก็บนี้ให้ผู้แทน กต. ทราบด้วยแล้วเช่นกัน
 
ข้อที่พวกเรารู้สึกประหลาดใจมาก คือเหตุผลข้อที่สองของ กต. ที่เพิ่งแถลงขึ้นในวันนี้ เรื่องเกรงจะมีการนำวัคซีนไปจำหน่าย จะทำให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเหตุผลและความกังวลที่ไม่เคยแจ้งหรือปรึกษากันก่อนเลย เพราะหากเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขหลักในการออกหนังสือรับรองไปยังโปแลนด์ มธ. อาจจะหาทางขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณและการเงิน ให้ช่วยรับภาระในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ซึ่งมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในเรื่องวัคซีนที่ประเทศไทยได้จ่ายไปหลายหมื่นล้านบาทแล้วในปัจจุบัน เพื่อออกใช้แทนเอกชนไป เพื่อให้ได้วัคซีนที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ ลอตนี้ นำเข้ามาฉีดให้กับประชาชนอย่างกว้างขวางแล้วก็ได้
 
นี่คือข้อเท็จจริงและรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ธรรมศาสตร์อยากจะสื่อสารกับผู้คนทั้งหลายให้ได้ทราบ ต่อจากข้อมูลบางส่วนที่ กต. ได้แถลงแล้วในวันนี้
ท้ายที่สุด ข้อสรุปของเราก็คือ การดำเนินการเรื่องวัคซีนบริจาคจากโปแลนด์ได้ยุติลงแล้ว แต่ธรรมศาสตร์ก็จะยังคงเพียรพยายามที่จะช่วยจัดหาวัคซีนทางเลือก เข้ามาให้แก่ผู้คนทั้งหลายในประเทศนี้อยู่ต่อไป ตามกำลังความสามารถของเรา และด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่พวกเราอยากจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่จะทำประโยชน์แก่ประชาชนผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนอีกทางหนึ่ง นอกจากที่รัฐได้ดำเนินการอยู่โดยตรง แต่สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องนี้ของพวกเราก็คือ ยากเหลือเกินที่องค์กรใดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนได้ ถ้าไม่ได้ดำเนินการในนามของรัฐและใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน จนทำให้ไม่อาจมีการเปรียบเทียบต้นทุน หรือราคาของการสั่งซื้อวัคซีนในแต่ละครั้งได้เลย
 
วันนี้เราได้เรียนรู้บ้างแล้ว และจะยกเลิกความพยายามในการติดต่อขอรับบริจาควัคซีนในอีกหลายกรณีที่ได้ติดต่อประสานงานไว้แล้ว ถ้าพวกเราจะพยายามทำเรื่องนี้ต่อไปให้สำเร็จ คงจะเป็นการติดต่อเพื่อซื้อวัคซีนเข้ามาโดยตรงเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น
 
#แม้ผืนฟ้ามืดดับ เดือนลับมลาย ดาวยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน
  
https://www.facebook.com/TUFHforCOVID19/posts/419014793075695
 

 
แพงเท่าตัว! ราคาส่ง ‘ผักชี’ เกือบ 400 บาท แม่ค้าเผยราคาพุ่งสุดในรอบ 42 ปี
https://www.matichon.co.th/region/news_3023697

แพงเท่าตัว! ราคาส่ง ‘ผักชี’ เกือบ 400 บาท แม่ค้าเผยราคาพุ่งสุดในรอบ 42 ปี เชื่อน้ำท่วมมีส่วนกระทบ ด้านน้ำมันบัวลังละเกือบ 800 บาท
 
วันที่ 3 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงาน สถานการณ์ราคาการซื้อขายผักสด ที่บริเวณตลาดสดเทศบาล 2 เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ให้หลังจากที่ราคาผักได้ทยอยปรับสูงขึ้น มาได้เรื่อยๆกว่าเท่าตัวส่งผลให้ในช่วงนี้ร้านขายผักสด หลายร้านภายในตลาด ต้อง ลดปริมาณการรับผักสดมาขาย กันชนบางตาเนื่องจากแบกรับราคาต้นทุนที่รับซื้อมาไม่ไหว ประกอบกับพ่อค้าแม่ค้าต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หลังราคาผักที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมานี้ ลูกค้าก็จับจ่ายซื้อผักการลดน้อยลงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการขยับราคาขายส่งผักที่สูงมากโดยเฉพาะราคาผักชี ที่ตอนนี้ราคาขายส่งเกือบ 400 บาท โดยแม่ค้าบอกว่าเป็นราคาส่งที่สูงมากตั้งแต่ ขายผักมากว่า 42 ปี

นางจันทร์ วัฒนารมย์ อายุ 65 ปี หนึ่งในแม่ค้าขายผักที่ตลาดสดเทศบาล 2 เล่าว่า ผักที่ขึ้นราคาสูงที่สุด ในตอนนี้ก็คือ ผักชี ที่ตอนนี้ราคาขึ้นมาถึงกิโลกรัมละ 380 บาท จากปกติเคยรับมาที่กิโลกรัมละ 100 กว่าบาทเท่านั้น ก่อนค่อยๆขยับขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงราคานี้ ส่วนผักอื่นๆที่ขึ้นตามมาด้วยเช่นกันก็จะมี ผักขึ้นช่าย ตอนนี้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 280 บาท ผักกาดขาวขยับขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 60 บาท และมะเขือเจ้าพระยาขยับขึ้นมาเป็นกิโลกรัมละ 50 บาท ซื้อยกถุง 10 กิโลกรัมอยู่ที่ราคา 430 บาท จากปกติที่เคยซื้อแค่ในราคา ถุงละ 150 บาทเท่านั้น ส่วนผักคะน้าและ กวางตุ้งนั้นก็ขยับขึ้นมาด้วยเช่นกันตอนนี้ราคา กวางตุ้งอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท เดิม อยู่ที่ราคา 25 ถึง 30 บาท ส่วนผักคะน้าตอนนี้อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 60 บาท จากที่เคยรับซื้อมาในราคา 40-50 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาผักที่แพงที่สุดตั้งแต่ที่ตนเองเปิดร้านขายผักมารวมแล้วกว่า 42 ปี ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาผักนั้นแพงขึ้นเช่นนี้คิดว่าน่าจะเกิดจากที่น้ำนั้นได้ท่วมในหลายจังหวัด ทำให้ช่วงนี้พื้นที่ปลูกผักไม่มีผักส่งขายได้เหมือนปกติ ซึ่งช่วงนี้ยอดขายที่ร้านนั้นก็ลดลงตามไปด้วยเนื่องจากลูกค้าก็ลดปริมาณการซื้อ เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างแพง ทำให้ตนเองนั้นก็ต้องลดปริมาณการรับซื้อผักมาขายลงด้วย ตอนนี้รับมาเพียงอย่างละ 1-2 กิโลกรัมเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงหักที่จะเหลือจนเน่าเสียหาย นางจันทร์ฯ กล่าว
 
และนอกจากราคาผักที่ยังคงขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องแล้วนั้นล่าสุดขณะนี้ ด้านน้ำมันพืช หรือน้ำมันบัว ก็เริ่มขยับราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้เริ่มส่งผลกระทบไปยังพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหารจำนวนมากอีกด้วยเช่นกัน โดยหนึ่งในแม่ค้าที่ขายโรตีรายหนึ่งได้ฟังว่าในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ราคาน้ำมันพืชที่ตนเองซื้อไว้ใช้สำหรับทอดโรตีขายนั้นขยับขึ้นมาสูงมาก จากปกติเคยซื้อน้ำมันบัวในราคาลังละ 460 บาท ตอนนี้ปรับขึ้นมาเป็นลังละ 730 บาทแล้ว ซึ่งหากขึ้นมากไปกว่านี้ ก็จะแบกรั
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่