🇹🇭มาลาริน💘2พ.ย.ป่วย7,574คน หายป่วย8,279คน เสียชีวิต78คน/10จว.สูงสุด/ศิริราชแจ้งผลวิจัย/หมอ ยงปิดรับอาสาสมัคร/ข่าวดีAZ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้























รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438866567731673


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. - 1 พ.ย. 2564)
รวม 76,226,116 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
ยอดฉีดทั่วประเทศ 515,839 โดส

เข็มที่ 1 : 160,018 ราย
เข็มที่ 2 : 333,368 ราย
เข็มที่ 3 : 22,453 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 42,548,483 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 31,244,587 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 2,433,046 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438860767732253


“หมอพร้อม” กับการใช้งาน Digital Health Pass
เพื่อใช้เข้าห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์
ฟิตเนส โรงยิม สนามกีฬา

ที่มา : หมอพร้อม
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438824331069230


สถานการณ์โควิดต่างประเทศ

• มาเลเซียตั้งเป้าเป็นประเทศศูนย์กลางการผลิตวัคซีน สำหรับใช้ภายในประเทศและรวมถึงจำหน่ายตลาดโลกด้วย โดยดำเนินตามแผนการพัฒนาวัคซีนแห่งชาติ (National Vaccine Development Roadmap - PPVN) และจัดตั้งสถาบันจีโนมและวัคซีนมาเลเซีย (Malaysian Genome and Vaccine Institute - MGVI) เพื่อให้มาเลเซียสามารถผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

• อินโดนีเซียเตรียมอนุมัติฉีดวัคซีน Sinovac ในเด็กอายุ 6 – 11 ปี ต้นปี 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอข้อแนะนำจากสมาคมกุมารแพทย์ของ ทั้งนี้ ข้อมูลของรัฐบาลอินโดนีเซียระบุว่าการติดเชื้อ COVID-19 ในเด็กอายุ 0-18 ปี คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด

ที่มา : สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438852171066446


ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 1 Pfizer สำหรับเด็ก อายุ 12 - 18 ปี
ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ระหว่างวันที่ 1 - 10 พ.ย. 64  เวลา 13.00 - 17.00 น.

ที่มา : CVC กลางบางซื่อ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438870654397931


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564 จำนวน 78 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438880174396979


สปสช. เหมาจ่ายดูแลผู้ป่วยโควิดใช้สิทธิบัตรทอง
ในระบบดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชนวันละ 1,000 บาท

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึง หลักการจ่ายชดเชยค่าบริการดูแลผู้ป่วยโควิดสิทธิ สปสช.หรือสิทธิบัตรทอง ในระบบการดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน (HI-CI) เหมาจ่ายผ่านหน่วยบริการ รายละ 1,000 บาทต่อวัน รวมระยะเวลาไม่เกิน 14 วันแยกเป็นค่าติดตามอาการ 600 บาท ค่าอาหาร 3 มื้อ 400 บาท ย้ำหาก อปท.ให้การสนับสนุนค่าอาหารแล้ว ไม่มีการจ่ายซ้ำซ้อน และเป็นการจ่ายให้สถานพยาบาลหรือหน่วยบริการเท่านั้น ไม่ได้จ่ายให้ผู้ป่วยโควิดโดยตรง

สำหรับเงินจำนวน 1,000 บาทดังกล่าว จะเป็นการเหมาจ่ายที่รวมค่าบริการดูแล ติดตาม สอบถามอาการผู้ป่วย และค่าอาหาร 3 มื้อของผู้ป่วย อย่างไรก็ตามหากกรณีที่หน่วยบริการดังกล่าวไม่สามารถจัดหาอาหารให้ได้ ทาง สปสช.ก็จะจ่ายชดเชยให้เฉพาะในส่วนของค่าบริการดูแลผู้ป่วย เป็นจำนวน 600 บาทแทน

ในส่วนของการเบิกจ่าย ทาง สปสช.จะจ่ายให้กับหน่วยบริการตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่กำหนด โดยมีรอบการจ่ายในทุกสัปดาห์ หลังจากที่หน่วยบริการขอ Authen หรือยืนยันการให้บริการแก่ผู้ป่วย แต่จะไม่มีการจ่ายตรงไปที่ร้านอาหารที่ให้บริการแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนนี้จะให้หน่วยบริการเป็นผู้บริหารจัดการเบิกจ่ายให้กับร้านอาหารหรือชุมชน ตามระเบียบหลักเกณฑ์ของหน่วยบริการแต่ละแห่งเอง

สปสช.จะมีการออดิทเพื่อตรวจสอบการเบิกจ่าย โดยโทรติดตามสอบถามผู้ป่วยว่าได้รับบริการจริงหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยบริการเก็บเอกสารหลักฐานการให้บริการ ซึ่งอย่างน้อยควรมีสัญญาจ้างกับร้านอาหารเอาไว้ด้วย เช่นเดียวกับในส่วนของร้านอาหาร ที่ควรมีการเก็บข้อมูลการให้บริการผู้ป่วยเพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามตรวจสอบด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ หากสถานพยาบาลหรือหน่วยบริการใดมีข้อสงสัยต้องการสอบถามเพิ่มเติม ทาง สปสช. ได้มี Provider Center ที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการรับข้อมูลเพื่อสอบถามปัญหาเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าบริการ โดยสามารถติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์ 02-554-0505 ในช่วงระยะเวลา 8.30-16.30 น. (วันและเวลาราชการ) หรือติดต่อผ่านสายด่วน สปสช. 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438909957727334


สธ. ชี้แจง ข้อมูลฉีดวัคซีนโควิด ยังไม่เข้าระบบ “หมอพร้อม”
เนื่องจากรอข้อมูลของศูนย์ฉีดวัคซีน

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กล่าวว่า ขณะนี้ระบบหมอพร้อมเข้าสู่การเป็น Digital Health Pass อย่างสมบูรณ์แล้ว สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการรับวัคซีนโควิด  และผลการตรวจหาเชื้อโควิด  ทั้งแบบ RT-PCR และ ATK ซึ่งหน่วยบริการต่าง ๆ จะเป็นผู้ลงข้อมูลผลการตรวจ สถานพยาบาลภาครัฐจะดำเนินการในระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนภาคเอกชนจะมีระบบ “หมอพร้อม สเตชั่น” สำหรับลงข้อมูล จึงขอเชิญชวนให้ร้านขายยา คลินิกเอกชน และห้องแล็บเอกชนต่างๆ ลงทะเบียนเข้าร่วมเป็น “หมอพร้อม สเตชั่น” โดยพื้นที่ กทม. ติดต่อได้ที่กลุ่มงานดิจิทัล กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

“ข้อมูลที่จะปรากฏใน Digital Health Pass จะต้องให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเป็นผู้ลงข้อมูล ดังนั้น ประชาชนที่ตรวจ ATK ด้วยตนเองและต้องการให้ผลการตรวจแสดงในหมอพร้อม แนะนำประสานกับร้านขายยาที่ซื้อชุดตรวจ ATK ให้ช่วยบันทึกผลการตรวจผ่านหมอพร้อม สเตชั่น เพื่อให้มีข้อมูลในระบบเป็นหลักฐานแสดงเมื่อเข้าใช้บริการต่างๆ ตามมาตรการ COVID Free Setting ได้”

ส่วนกรณีผู้ฉีดวัคซีนโควิด  แล้วไม่มีข้อมูลปรากฏในระบบหมอพร้อม ทำให้ไม่มีข้อมูลในการนัดฉีดเข็มต่อไป หรือไม่มีข้อมูลใน Digital Health Pass และไม่สามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนเพื่อการเดินทางได้นั้น ปัญหาเกิดจากหน่วยบริการฉีดวัคซีนยังไม่ได้ลงบันทึกข้อมูล เนื่องจากเป็นการฉีดนอกสถานที่ หรือการฉีดวัคซีนตามโครงการต่าง ๆ เช่น ไทยร่วมใจ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ประกันสังคม เป็นต้น ซึ่งหน่วยบริการต้องส่งข้อมูลให้เจ้าของโครงการตรวจสอบก่อนแล้วค่อยบันทึกลงระบบของกระทรวงสาธารณสุข จึงทำให้มีการแสดงผลล่าช้า ขณะนี้ได้ประสานหน่วยบริการฉีดวัคซีนและโครงการต่าง ๆ ให้เร่งบันทึกผลการฉีดวัคซีน และขอให้ประชาชนที่รับวัคซีนแล้วตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ให้ถูกต้อง ทั้งชื่อ นามสกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วยังไม่มีข้อมูลในระบบหมอพร้อม ขอให้ติดต่อหน่วยบริการฉีดวัคซีนหรือเจ้าของโครงการเพื่อติดตามความคืบหน้า ทั้งนี้ หากมีการลงข้อมูลเรียบร้อย ระบบหมอพร้อมจะแสดงผลได้ทันที

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/438921517726178


“ หมอ ยง “ แนะลดปริมาณวัคซีน Pfizer Moderna ในเด็ก ชี้ภูมิต้านทานโควิดดีกว่าผู้ใหญ่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงขนาดของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กและผู้ใหญ่ว่า ขนาดวัคซีนในเด็ก และผู้ใหญ่ ตามหลักการให้วัคซีนในอดีต เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี และเอ วัคซีนขนาดเด็ก และผู้ใหญ่ จะแบ่งกันที่อายุ 18 ปี เด็กใช้ครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ เด็กจะตอบสนองภูมิต้านทานได้ดีมาก ดีกว่าผู้ใหญ่ จึงใช้ขนาดวัคซีนน้อยกว่าผู้ใหญ่ วัคซีน mRNA ไฟเซอร์ขนาดของเด็ก 5-11 ปี ให้เพียง 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่ (จาก 30 mcg เป็น 10 mcg) ดังนั้นจึงเชื่อว่าขนาดของเด็ก 12-18 ปี ที่ระบบภูมิต้านทานดี วัคซีนไฟเซอร์ไม่น่าจะต้องใช้ขนาดผู้ใหญ่ น่าจะลดขนาดลงเพื่อลดอาการข้างเคียงในเด็กลงได้ ทำนองเดียวกัน โมเดอร์นาที่มีขนาดผู้ใหญ่ ให้ถึง 100 mcg เมื่อให้ในเด็กจะต้องลดลงเป็นครึ่งหรือ 1 ใน 4 ของผู้ใหญ่คงต้องรอการศึกษา และขณะนี้กำลังมีการศึกษากันมากทั่วโลก

ที่มา : ศ.นพ. ยง ภู่วรวรรณ
https://web.facebook.com/informationcovid19/posts/438927354392261