สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ไม่ว่าจะอยู่คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝดหรือบ้านเดี่ยว หรือ แม้ห้องเช่า ทุกคนมีสิทธิอยู่อย่างสงบ ไม่มีมลภาวะไม่ว่าเสียง กลิ่นเหม็น ควันรวมทั้งการเข้าออกปราศจากสิ่งรบกวน เช่น การจอดรถขวางทางเข้าออก การใช้ที่สาธารณะเพิ่อประโยชน์ส่วนตัวจนเกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่นที่มีสิทธิเช่นเดียวกัน
เขียนแบบนี้เป็นเรื่องในอุดมคติ เป็นฝันที่ไม่เป็นจริงโดยเฉพาะสังคมบ้านเราที่ความเห็นแก่ตัวอย่างมาก ๆ มาก่อนส่วนรวม เราจึงเห็นเรื่องไม่ควรเกิด เช่น ป้าทุบรถขวางทางออกจากบ้าน จอดรถขวางทางออกเป็นประจำจนต้องใช้ศาลเตี้ยตัดสิน เปิดเพลงดังยามวิกาลจนอีกฝ่ายฟิวส์ขาด ต้องแจกลูกปืนตอบแทนเสียงเพลง
และ เรื่องแบบนี้ บางครั้ง (ค่อนข้างน้อย) เป็นเรื่องที่คนทำผิดเขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ เพราะเขาอยู่สังคมต่างจังหวัด วิถีชีวิตต่างจากคนกรุงที่บ้านเรือนอยู่ใกล้กัน จาก ร่นระยะจากบ้านเดี่ยวไกล ๆ กันจนเป็นคอนโดห้องติดกัน
ต่างจังหวัดพื้นที่กว้างขวาง เปิดเพลงดังหน่อย รสนิยมใกล้กันก็สนุกด้วยกัน ดีเสียอีกได้ฟังเพลงฟรี เมื่อเปลี่ยนมาอยู่ในเมือง บ้านเรือนชิดกัน แต่เขาไม่เปลี่ยนรสนิยม ไม่เปลี่ยนวิถีชีวิต ทว่านำมันมาใช้ด้วย แบบนี้คนอื่นต่างรสนิยมก็เดือดร้อน
แถวบ้านเรามีคนต่างจังหวัดมาเช่าทาวน์เฮ้าอยู่หลาย ๆ หลังติด ๆกัน เป็นชุมชนเดียวกัน ภาคเดียวกัน วันดีคืนดีเกิดฮิตเลี้ยงไก่ชน ไก่มันขันประสานเสียงทั้งวันทั้งคืน แถมเลี้ยงในบ้าน หน้าบ้านก็จอดรถมอไซค์ รถกระบะ (เขานิยมรถกระบะ) เสียงไก่ชนมันขันดังประสานไปทั้งหมู่บ้าน เพื่อนบ้านทนไม่ได้ก็เรียกตำรวจมาจัดการ
คุณตำรวจก็พอกัน เป็นผู้รักษากฎหมาย แต่กลับมาไกล่เกลี่ยให้ให้สองฝ่ายยอม ๆกัน ไม่รู้ใครยอมใคร ไก่มันไม่รู้เรื่องด้วยจึงไม่ยอมหยุดขัน ก็คงสักวันที่เพื่อนบ้านฟิวส์ขาด คว้าปืนยิงทั้งไก่ทั้งคนเลี้ยง
นี่คือการไม่ใช้กฎหมาย เริ่มตั้งแต่ตำรวจที่รักการไกล่เกลี่ยมากกว่าการบังคับใช้กฎหมายที่ถูกต้อง นี่เฉพาะเรื่องที่ จขกท เขียนกระทู้นะ เรื่องอื่น ๆ เช่น ขับรถย้อนศร ต่อเติมบ้านผิดกฎหมายเพราะต้องการเนื้อที่ใช้สอยเต็ม แล้วเอารถจอดบนพื้นถนนหน้าบ้าน เหล่านี้ล้วนเป็นที่มาของการกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้าน ลงเอยดีบ้าง เจ็บบ้าง ตายบ้าง ติดคุกบ้าง แบบไทย ๆ
ปัญหานี้ดูจะไม่มีทางแก้ไขหากทัศนคติของผู้รักษากฎหมายไม่เปลี่ยน ไม่ให้ลอว์อินบุ๊คเปลี่ยนเป็นลอว์อินแอ็คชั่น หากถามเรา เราก็ตอบว่า เมื่อแก้ที่ สังคม หรือ ที่ “เขา” ไม่ได้ ก็ต้องแก้ที่ “เรา” คือ ดึงตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมนั้นให้ได้ ทำงานสร้างฐานะจนใช้ชีวิตอีกระดับหนึ่งที่เราพอใจ เราอยู่ในหมู่บ้านที่นิติเข้มงวดเรื่องเสียงดัง ไม่มีรถตลาด ไม่มีซาเล้ง เราขับรถไปทำงานผ่านชุมชนเลี้ยงไก่ชน ผ่านสังคมเด็กแว้น แต่พวกนี้ผ่านป้อม รปภ เข้ามาถึงแถวบ้านเราไม่ได้ แนะนำได้เท่านี้
เขียนแบบนี้เป็นเรื่องในอุดมคติ เป็นฝันที่ไม่เป็นจริงโดยเฉพาะสังคมบ้านเราที่ความเห็นแก่ตัวอย่างมาก ๆ มาก่อนส่วนรวม เราจึงเห็นเรื่องไม่ควรเกิด เช่น ป้าทุบรถขวางทางออกจากบ้าน จอดรถขวางทางออกเป็นประจำจนต้องใช้ศาลเตี้ยตัดสิน เปิดเพลงดังยามวิกาลจนอีกฝ่ายฟิวส์ขาด ต้องแจกลูกปืนตอบแทนเสียงเพลง
และ เรื่องแบบนี้ บางครั้ง (ค่อนข้างน้อย) เป็นเรื่องที่คนทำผิดเขาไม่รู้ ไม่เข้าใจ เพราะเขาอยู่สังคมต่างจังหวัด วิถีชีวิตต่างจากคนกรุงที่บ้านเรือนอยู่ใกล้กัน จาก ร่นระยะจากบ้านเดี่ยวไกล ๆ กันจนเป็นคอนโดห้องติดกัน
ต่างจังหวัดพื้นที่กว้างขวาง เปิดเพลงดังหน่อย รสนิยมใกล้กันก็สนุกด้วยกัน ดีเสียอีกได้ฟังเพลงฟรี เมื่อเปลี่ยนมาอยู่ในเมือง บ้านเรือนชิดกัน แต่เขาไม่เปลี่ยนรสนิยม ไม่เปลี่ยนวิถีชีวิต ทว่านำมันมาใช้ด้วย แบบนี้คนอื่นต่างรสนิยมก็เดือดร้อน
แถวบ้านเรามีคนต่างจังหวัดมาเช่าทาวน์เฮ้าอยู่หลาย ๆ หลังติด ๆกัน เป็นชุมชนเดียวกัน ภาคเดียวกัน วันดีคืนดีเกิดฮิตเลี้ยงไก่ชน ไก่มันขันประสานเสียงทั้งวันทั้งคืน แถมเลี้ยงในบ้าน หน้าบ้านก็จอดรถมอไซค์ รถกระบะ (เขานิยมรถกระบะ) เสียงไก่ชนมันขันดังประสานไปทั้งหมู่บ้าน เพื่อนบ้านทนไม่ได้ก็เรียกตำรวจมาจัดการ
คุณตำรวจก็พอกัน เป็นผู้รักษากฎหมาย แต่กลับมาไกล่เกลี่ยให้ให้สองฝ่ายยอม ๆกัน ไม่รู้ใครยอมใคร ไก่มันไม่รู้เรื่องด้วยจึงไม่ยอมหยุดขัน ก็คงสักวันที่เพื่อนบ้านฟิวส์ขาด คว้าปืนยิงทั้งไก่ทั้งคนเลี้ยง
นี่คือการไม่ใช้กฎหมาย เริ่มตั้งแต่ตำรวจที่รักการไกล่เกลี่ยมากกว่าการบังคับใช้กฎหมายที่ถูกต้อง นี่เฉพาะเรื่องที่ จขกท เขียนกระทู้นะ เรื่องอื่น ๆ เช่น ขับรถย้อนศร ต่อเติมบ้านผิดกฎหมายเพราะต้องการเนื้อที่ใช้สอยเต็ม แล้วเอารถจอดบนพื้นถนนหน้าบ้าน เหล่านี้ล้วนเป็นที่มาของการกระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้าน ลงเอยดีบ้าง เจ็บบ้าง ตายบ้าง ติดคุกบ้าง แบบไทย ๆ
ปัญหานี้ดูจะไม่มีทางแก้ไขหากทัศนคติของผู้รักษากฎหมายไม่เปลี่ยน ไม่ให้ลอว์อินบุ๊คเปลี่ยนเป็นลอว์อินแอ็คชั่น หากถามเรา เราก็ตอบว่า เมื่อแก้ที่ สังคม หรือ ที่ “เขา” ไม่ได้ ก็ต้องแก้ที่ “เรา” คือ ดึงตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมนั้นให้ได้ ทำงานสร้างฐานะจนใช้ชีวิตอีกระดับหนึ่งที่เราพอใจ เราอยู่ในหมู่บ้านที่นิติเข้มงวดเรื่องเสียงดัง ไม่มีรถตลาด ไม่มีซาเล้ง เราขับรถไปทำงานผ่านชุมชนเลี้ยงไก่ชน ผ่านสังคมเด็กแว้น แต่พวกนี้ผ่านป้อม รปภ เข้ามาถึงแถวบ้านเราไม่ได้ แนะนำได้เท่านี้
แสดงความคิดเห็น
ชอบความสงบเงียบทำไมไม่ไปสร้างบ้านกลางทุ่ง ทำไมไม่ซื้อบ้านเดี่ยวหละ
คนที่อยู่อาศัยในบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์หรือทาวน์โฮม หรือตึกแถว คอนโด จะต้องเคยเจอข้างบ้าน ละแวกบ้านเปิดเพลงเสียงดังรบกวน เสียงเบสดังแบบหนักๆน่ารำคาญ หรือตั้งวงกินเหล้าส่งเสียงดัง พอโวยวายแจ้งตำรวจ แจ้งนิติหมู่บ้านก็ไม่พอใจ จ้องหน้าหาเรื่อง และจะต้องมีพวกตรรกะเพี้ยนว่า มาซื้อทาวน์เฮ้าส์ทำไม ไม่ไปซื้อบ้านเดี่ยวหละ คนที่อยู่บ้านเดี่ยวก็จะโดนว่าไม่ไปซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่หละ ไปปลูกบ้านกลางทุ่งสิจะได้สงบๆ แต่คนจำพวกนี้กลับไม่คิดไปปลูกบ้านกลางทุ่ง หรือซื้อบ้านเดี่ยว คฤหาสน์หลังใหญ่ๆเองหละจะได้เปิดเพลงได้ดังๆ เน้นเสียงเบสหนักๆก็ไม่มีใครว่าใครรำคาญ
ทำไมคนจำพวกนี้ถึงคิดอย่างนี้ได้ ข้างบ้านเรือนเคียงจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้ เราว่ามาจากการถ้อยทีถ้อยอาศัย ความเกรงใจ และมารยาท นิสัย การอบรมสั่งสอนล้วนๆ จริงไหมคะ ไม่ได้เกี่ยวกับการเลือกซื้อประเภทที่อยู่อาศัยเลยสักนิด