อัปเดต กระทู้เก่า 6 ปี "บอกแม่ว่าอยากมีห้องส่วนตัว แต่โดนด่าว่าเนรคุณ"

สวัสดีค่ะ จากกระทู้นี้ กระทู้ที่เราตั้งไว้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว
https://m.pantip.com/topic/34360490?
สวัสดีค่ะ เราเป็นเจ้าของกระทู้ "บอกแม่ว่าอยากมีห้องส่วนตัว แต่กลับโดนด่าว่าเนรคุณ"
พอดีว่าลืมพาสเวิร์ดแอคเค้าท์เดิมค่ะเลยสมัครมาใหม่
จากวันที่ตั้งกระทู้ปี 2558 ตอนนี้ปี 2564 ผ่านมา 6 ปีแล้ว
ตอนนี้เราอายุ 27 แล้วค่ะ เราเรียนจบแล้วทำงานได้ 2 ปี ก็ออกมาซื้อบ้าน
ทาวน์โฮมกับแฟน แรกๆก็มีปัญหานิดหน่อย พ่อกับแม่อยากให้แต่งงานก่อน
แล้วค่อยย้ายเข้าบ้าน แต่เราไม่อยากแต่งเพราะเอาเงินไปดาวน์บ้านเนี่ยแหละค่ะ
สุดท้ายก็ตกลงกันได้ด้วยการที่เราขอหมั้นแทนจัดงานเล็กๆไม่เปลืองงบ นั่นเป็นการทะเลาะกันครั้งสุดท้ายของเราและครอบครัว
แต่หลังจากย้ายมาอยู่บ้านใหม่ราวๆสอง สาม ปีได้ ก็ไม่เคยทะเลาะกันอีกเลยค่ะ บ้านเราใกล้ทั้งบ้านพ่อแม่เราและพ่อแม่แฟน
คิดถึงก็ไปหากันได้ แม่เราเลิกติดเหล้า เลิกการพนัน พ่อเราเลิกทะเลาะกับแม่บ่อยๆตอนนี้ครอบครัวแฮปปี้มาก ได้มีโอกาสไปกินข้าว
กับที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากันเกือบทุกวัน แฮปปี้มากๆเลย บางทีการเว้นระยะห่างกัน ก็ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นมากจริงๆค่ะ
ตอนนี้สภาพติตใจก็ดีขึ้นเราพบจิตแพทย์ทานยาตามหมอสั่ง แถมมีแฟนคอยช่วยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
เราต้องขอบคุณทุกความเห็นที่ให้กำลังใจและชี้แนะเราในตอนนั้นมากๆเลยนะคะ หลายความเห็นเป็นพลังใจให้เราได้มากๆ
และต้องขอโทษกับหลายๆความคิดเห็นที่เราพิมพ์โต้ตอบอย่างไม่น่ารักในตอนนั้น
สาเหตุที่เรากลับมาอัปเดตคือ 6 ปีมานี้เราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมคือ
1. เหยื่อทุกข์ทรมานกับการพูดถึงสิ่งที่ตัวเองถูกกระทำอยู่เสมอๆ หากไม่จำเป็นขอว่าอย่าไปเค้น หรือ ขอให้เหยื่อเล่าถึงสิ่งที่ตัวเองถูกกระทำเลยนะคะ
2. พ่อแม่เป็นมนุษย์ มีถูกได้มีผิดได้ ไม่มีใครเป็นพ่อแม่มาแต่กำเนิด ดังนั้นสถานะความเป็นพ่อแม่ก็ดี เป็นลูกก็ดี มีเรื่องราวที่ต้องเรียนรู้ถูกผิดไปด้วยกัน
อย่ากลัวที่จะเป็นคนผิด อย่ากลัวที่จะขอโทษไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือลูกทุกคนสามารถผิดและขอโทษกันและกันได้
3. การเบลมมิ่งเหยื่อ ไม่ว่าเหยื่อจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ถูกกระทำในรูปแบบไหน เมื่อถูกกระทำแล้ว เหยื่อคือเหยื่อ ไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดที่ตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์อันเลวร้าย เราพบบางความคิดเห็นที่บอกว่าเพราะเป็นแบบนี้ เลยถูกกระทำไง เลยเจอเรื่องแบบนี้ไง เราอยากบอกว่าการเบลมมิ่งแบบนี้เป็นเสมือนผู้สมรู้ร่วมคิดให้เกิดเหตุการณ์อันเลวร้าย เป็นการกดทับ ทำร้ายเหยื่อได้ไม่ต่างจากผู้ร้ายเลย และเป็นการหาความชอบธรรมให้คนร้ายมีที่ยืนจนเบียดให้เหยื่อตกขอบทางสังคม ทั้งที่คนที่ควรตกขอบทางสังคมควรเป็นผู้ร้ายไม่ใช่เหยื่อ
4.เราอยากให้ทุกคนได้เห็นและตระหนักถึงเด็กๆอีกหลายคนที่ถูกล่วงละเมิดในครอบครัว
และปัญหาช่องว่างและความรุนแรงในครอบครัวทั้งในรูปแบบความรุนแรงทางร่างกายและความรุนแรงทางสภาพจิตใจ
ยังมีเด็กอีกมากที่ถูกล่วงละเมิด เราอยากให้คนในสังคมช่วยกันสอดส่องและโอบกอดพวกเค้า ด้วยหัวใจแห่งความเป็นเพื่อนมนุษย์ในยามที่เค้าต้องการความช่วยเหลือ เพื่อให้เด็กๆที่ถูกล่วงละเมิดไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและกล้าที่จะออกมาปกป้องตัวเอง กล้าที่จะปฏิเสธเมื่อถูกคุกคาม ล่วงละเมิด 
5. ความเจ็บปวดและเหตุการณ์อันเลวร้ายของผู้อื่นไม่อาจเป็นแรงผลักดันที่ดีได้ ทุกคนอยู่ในสถานะที่ต่างกัน สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการนำสถานการณ์อันเจ็บปวดของตนเองหรือผู้อื่น ไปยื่นให้ผู้ที่อยู่ในสภาวะเจ็บปวดแล้วพูดว่า "แค่นี้เอง แกดูสิคนนี้ยิ่งกว่าแกอีก เค้ายังทนได้เลย" ไม่อาจทำให้เค้ามีแรงผลักดันเชิงบวก หรือคิดบวกได้  ซ้ำแล้วอาจจะยิ่งทำให้เค้ารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ ตัวเองผิดที่เจ็บปวด ผิดที่เสียใจ เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเสียใจในเรื่องของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของผู้อื่น
6. เมื่อหกปีที่แล้วเหตุการณ์ที่เราเจอดูเป็นเรื่องแต่ง ดูไม่ใช่เรื่องจริง แต่ในปัจจุบัน เหตุการณ์เหล่านี้ หรือเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ได้แสดงออกมาให้สังคมได้เห็นเยอะขึ้นเรื่อยๆและดูจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ นั่นอาจเป็นเพราะสื่อโซเชียลที่มากขึ้น การเข้าถึงข้อมูลที่เป็นภาพใหญ่ขึ้นแต่ในขณะเดียวกันเราเริ่มเห็นแล้วว่าคนในสังคมเริ่มตระหนักและตั้งคำถามกับปัญหามากขึ้น ซึ่งถือว่าสังคมเราเริ่มน่าอยู่มากขึ้นค่ะ

ท้ายนี้ต้องของคุณทุกๆคอมเม้นอีกครั้งที่โอบกอดเราด้วยหัวใจแห่งความเป็นเพื่อนมนุษย์อีกครั้งนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ 🙏😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่