ก็ในเมื่ออ้างว่า “มีมูลเหตุหลักฐาน” ก็ขอให้เอาออกมาโชว์!

เอาจริง ๆ เท่าที่ตามข่าว คนไทยทั้งประเทศโดยเฉพาะคณะศิษย์อดีตเจ้าคณะทั้ง 3 จังหวัด ทั้ง 
ปทุมธานี กาฬสินธุ์ และฉะเชิงเทรา ก็งงกันหมดว่า อะไร? ยังไง?  เหตุผลคืออะไร หลักฐานคืออะไร 
จนมีนักวิชาการทุกแขนงออกมาพูดตรงกันว่า การถอดถอนครั้งนี้ ผิดขั้นตอนทั้งทางพระธรรมวินัยและทางกฎหมาย

เสียงแห่งคำถามดังกระหึ่ม “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยบอกว่าหน่อยว่าเหตุผลคืออะไร”

แต่คำตอบคือ…เงียบ !  หรือไม่ก็ “บอกไม่ได้” 

พอไปยื่นหนังสือตามที่ต่าง ๆ เช่น เจ้าคณะผู้ปกครองตามสายลำดับ ก็เฉย เอ๊ะ! ยังไง

ชาวบ้านเลยสงสัยว่า หรือเพราะ “ไม่สมเหตุสมผล” ในการถอดถอน ก็เลยอายที่จะเปิดเผย กลัวโดนประชาทัณฐ์อย่างนั้นหรือ?

แต่! อย่าลืมว่า มหาเถรฯ เอย  สำนักพุทธฯ เอย คือ “หน่วยงานรัฐ”

แม้ “พระสังฆาธิการ” หรือเจ้าคณะผู้ปกครอง ก็เข้าข่าย “เจ้าพนักงานของรัฐ”

ทำไมกล้าพูดแบบนี้ ก็แหม .. “คดีเงินทอนวัด” ที่เล่นงานพระผู้ใหญ่  นักกฎหมายเคยตีความไว้แบบนี้นี่นา

เครือข่ายชาวพุทธปกป้องพระพุทธศาสนา  เขาเลยได้ที ใช้สิทธิตามมาตรา 4 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 
ไปกระทุ้งสำนักพุทธฯ เป็นเบื้องต้น สักหน่อย

ถ้าไม่ยอมเปิด ก็คงเจอกันที่ชั้นศาล  และที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ

ถ้าเป็นวลีฮิตๆในโซเชียลต้องบอกว่า “ฉันจะไม่ยอมเป็นเหยื่ออีกต่อไป”

ยิ่งปกปิดยิ่งน่าสงสัย  ยิ่งปกปิด ยิ่งผิดกฎหมาย  

ถ้าไม่ผิดจะกลัวอะไร #ฝากไว้ให้คิด

กอง บก.The Sender

(28 ต.ค.2564)
อ่านเพิ่มเติมที่  https://thesender.co/16624/article