ผมควรทำยังไงดีครับ เอาพ่อกับพี่ชายมาอยู่ด้วยแล้วแฟนไม่โอเคมากๆ

ผมขออนุญาตปิดเนื้อหาสักพักนะครับ ไม่อยากให้แฟนเข้ามาเห็น
ตอนนี้ผมตัดสินใจบอกเลิก ขอหย่า ไปแล้วครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาบอกนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 105
ขอเพิ่มเติมรายละเอียดนะครับ ผมกับแฟน เราจดทะเบียนสมรสกันครับ บ้านที่ซื้อคือ ผมกับแฟนช่วยกันผ่อนครับ เราเอาเงินมารวมกันเป็นกระเป๋าเดียวกัน จ่ายค่าบ้าน และใช้จ่ายด้วยเงินที่เหลือครับ  และเรื่องบ้านฝั่งเค้า สิ่งที่ผมทำให้ เค้าไม่ได้ขอนะครับ แต่ผมอยากทำให้ด้วยตัวเองเพราะอยากให้พวกเค้ามีความสุข แฟนผมมีข้อดีเยอะมากครับ เค้าเป็นคน ขยันทำงาน คอยเป็นกำลังใจให้ผม คอยเตือนสติผมเวลาทำเรื่องไม่ดี ไม่เจ้าชู้ มีแค่เรื่องนี้ละครับ ที่ทำให้ผมอึดอัดใจ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เท่าที่เล่ามา แฟนคุณ ไม่ใช่โลกส่วนตัวสูง แต่เรียกว่า " เห็นแก่ตัวสูง "

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้รับจากบ้านคุณเยอะมาก แต่พอยืนได้ด้วยตัวเอง ก็เริ่มด้วยการ " อกตัญญู "

ฉันจะมีชีวิตที่ดี มีความสุข โดยที่ไม่สนอะไรเลย

ไม่อยากออกความเห็นอะไรมาก เพราะคุณรักเขา และตัดสินใจเอง

แต่อยากเตือนสติอย่างหนึ่งว่า " ในตอนที่คุณลำบากที่สุด ใครที่ให้คุณ โดยไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย "
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าอ่านตามที่คุณเล่ามา คุณก็เล่ามาเชิงแสดงความเห็นให้ผมซึ่งเป็นผู้อ่านเข้าใจได้ว่า
- คุณรักแฟนคุณมาก และคุณก็คิดว่าแฟนคุณรักคุณเหมือนกัน
- คุณคิดว่าปัญหาส่วนใหญ่มาจากการที่ไม่ได้อยู่ร่วมกันเพียงสองคน มีคนนอกมาอยู่ด้วย(พ่อคุณ ที่แฟนคิดว่าเป็นคนนอก)
- แฟนคุณดูไม่ค่อยมีอะไรดีนะครับ
- พ่อคุณเป็นคนดี พ่อคุณทำหลายอย่างให้ชีวิตคุณราบลื่นและมีความสุข
- คุณเป็นฝ่ายเอาใจแฟนมากกว่าที่แฟนเอาใจคุณอย่างชัดเจน
- คุณเลี้ยงดูปูเสื่อญาติฝั่งแฟนคุณตามกำลัง(หรืออาจเกินกำลังหน่อยๆ)เพื่อหวังเอาใจแฟน
- แฟนคุณไม่เข้าหาญาติฝั่งคุณ(พ่อคุณ) ด้วยเหตุผมว่าโลกส่วนตัวสูงหรืออะไรก็ว่าไป
- คุณเครียดมากกับเรื่องนี้ และมีการคิดเรื่องหย่าด้วย

ผมขอแสดงความเห็นตามที่คุณเล่ามานะครับ
- เท่าที่อ่าน เหตุการณ์เหมือนคุณรักเขาเพียงฝ่ายเดียวนะครับ เขาดูไม่ได้แคร์คุณเท่าไหร่ ผมก็เลยคิดว่าเขารักคุณน้อยกว่าคุณรักเขาแน่นอนครับ
- จริงๆการที่เขาไม่เข้าหาพ่อของคุณก็ดูไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนะครับ แต่มันจะไม่แฟร์เลยหากคุณให้เกียรติครอบครัวแฟนคุณเป็นอย่างดี เลี้ยงดูปูเสื่อ ซื้อนั่นนี่ให้ญาติฝั่งแฟนคุณเพื่อเอาใจหรือให้แฟนคุณมีความสุข ในขณะที่พ่อของตัวเองต้องอยู่แบบไม่ได้การยอมรับจากแฟนคุณ แฟนคุณไม่เข้าหา ออกกรายๆว่าไม่ให้เกียรติพ่อคุณอีก ผมว่า มันดูเอาเปรียบไปหน่อย คนเป็นแฟนไม่เอาพ่อเราพอว่า แต่คนเป็นลูกเอาใจฝั่งแฟนสารพัด แต่พ่อตัวเองกลับดูขาดแคลนก็ออกจะแปลกๆไปหน่อยนะครับ
- เท่าที่อ่าน หากเป็นจริงตามที่คุณเล่า พ่อคุณนี่เป็นคนดีมากนะครับ ช่วยเหลือคุณ ช่วยแฟนคุณ รับแฟนลูกได้(ทั้งๆที่แฟนไม่ให้เกียรติ ไม่เข้าหา) อ่านแล้วประเสริฐจริงๆ ถ้าออกเป็นละครให้ผมดู ดูยังไงแฟนคุณก็ไม่เข้าข่ายนางเอกเลย เข้าข่ายฝั่งตรงข้ามนางเอกมากกว่า
- แฟนคุณค่อนข้างเรียกร้องให้คุณตามใจ ไม่คิดจะมาพบกันตรงกลางเท่าไหร่ สำหรับผม หากโดนเอาเปรียบบางครั้งมันก็รับได้อะครับ คนเราเป็นแฟนกันให้มากกว่ารับเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย แต่หากผมมีแต่ต้องให้ แทบไม่ได้รับอะไรเลย(ไม่ว่าจะเป็นแง่ของความรู้สึกหรืออะไรก็แล้วแต่) ผมอาจจะมีความคิดว่า อยู่คนเดียวดีกว่า หรือไม่ก็หาแฟนใหม่ดีกว่า อยู่แล้วเราทุกข์ ฝืนอยู่ทำไมน้อ
- คุณเอาอกเอาใจญาติแฟน ญาติแฟนได้นั่นได้นี่ แต่พ่อตัวเองแทบจะต้องกินน้ำใบบัวบกทุกวัน ผมว่าหน้าที่ลูกของคุณบกพร่องนะครับ
- คำว่าโลกส่วนตัวสูง มันเป็นคำที่ดูป้องกันตัวเองนะครับ ตอนเราเดือดร้อน ทำไมโลกส่วนตัวต่ำลงทันทีเลยล่ะครับ พ่อช่วยนั่นนี่ ปฏิเสธสิครับถ้าโลกส่วนตัวสูงจริง ต้องอย่าให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับชีวิตเราสิครับ เห็นไหมครับ พอเราได้ประโยชน์ มีคนมาช่วยเราให้นั่นนี่ เรานี่อ้าแขนรับเชียว พอเราต้องเสียประโยชน์/ต้องเข้าหา โลกส่วนตัวสูงทันทีเลย
- ในเมื่อคุณเครียดกับเรื่องนี้มาก บางครั้งเห็นว่าคิดลาโลกเลย ถ้าคุณคิดได้ถึงขั้นลาโลก ผมว่าลาแฟนคนนี้แล้วสร้างครอบครัวใหม่กับคนอื่นดีกว่าครับ ชีวิตอีกยาวไกล คนนี้คุณอาจจะรักเขาจริงครับ แต่ผลลัพธ์มันเห็นอยู่แล้วว่าคุณทุกข์ อยู่แบบทุกข์มันสนุกเหรอครับ ถ้าเป็นผมก็ขอเลือกเจ็บแต่จบครับ

การแก้ปัญหามีหลายวิธีครับ การที่พ่อคุณมาอยู่ร่วมชายคากับคุณและแฟนด้วย ผมเข้าใจครับว่าแฟนคุณก็อึดอัด จะทำนั่นทำนี่ก็ดูไม่สะดวก แต่การไม่ให้เกียรติพ่อคุณที่เคยช่วยเหลือกันมานี่ ผมว่ามันเกินไปหน่อย จริงๆคุณแยกบ้าน เช่าบ้านให้พ่ออีกหลัง แล้วก็ไปมาหาสู่พ่อบ้าง ก็ดูดีนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่รู้ว่าจะติดขัดเรื่องกำลังทรัพย์หรือเปล่า

คนเราจะร่วมชีวิตกับใคร ก็ต้องให้เกียรติกัน ให้เกียรติครอบครัวแต่ละฝั่ง อยู่แล้วต้องสุขมากกว่าทุกข์ เข้าใจกัน ปรับตัวเข้าหากัน มันก็ไปกันได้นะครับ แต่ถ้าไม่ใช่ มันก็อึดอัด ถ้ารับได้ก็โอเครับ แต่โดยส่วนตัว ความสัมพันธ์ที่ดูรันทดแบบนี้ ผมขออยู่คนเดียวดีกว่าครับ
ความคิดเห็นที่ 132
แฟนคุณไม่ได้แย่ ธรรมชาติของเค้าคือโลกส่วนตัวสูง เราเองก็เป็นคนโลกส่วนตัวสูงค่ะ 

โลกส่วนตัวสูง คำนี้มีความหมายและเป็นตัวแปรในสถานการณ์นี้ค่ะ การมีคนอื่นมาอยู่ด้วยนอกจากคุณสองคนสามีภรรยา มันคือการทำลายใจความหลักคำว่า โลกส่วนตัวสูงค่ะ การขอให้คนที่โลกส่วนตัวสูงต้องอยู่กับคนนอกตลอดไปนั้นเป็นการขอคนโลกส่วนตัวสูงที่มากเกินไปค่ะ (เราถือว่าพ่อแม่สามี พ่อแม่ภรรยา คือคนนอกในชีวิตการแต่งงานค่ะ)


ขอถามนิดนึง เวลาคุณพ่อคุณไม่สบาย เดือดร้อน แฟนเคยแสดงความห่วงใย ถามไถ่ หรือช่วยเหลือบ้างมั้ยคะ ตอนอยู่คนละหลัง ถ้าเธอใส่ใจดี นั่นแสดงว่า เธอไม่ได้นิสัยแย่

เราก็อึดอัด ผู้หญิงคนเดียวทั้งบ้าน ที่เหลือผู้ชาย อีก 2 คน แม้จะเป็นพ่อ พี่ชายสามีแต่ก็นะ ผู้หญิงต้องปรับตัวขนานใหญ่ ปรับมากกว่าคุณเพราะคุณเคยใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ พี่ มาก่อน แต่แฟนคุณไม่เคยต้องอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ กลายเป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้านทำอะไรที่เป็นส่วนตัวก็อึดอัดค่ะ เกร็งไปหมด ไม่สบายใจ และการที่ต้องอยู่กับคนที่สติไม่ดี มันไม่ง่ายค่ะ มันมีความระแวงแน่นอน แม้เปิดใจและมีเมตตาแล้ว สำหรับเราไม่ใช่ว่า การที่เค้าอยากอยู่แยกจากคนในครอบครัวคุณ คือนิสัยไม่ดีกับครอบครัวสามีนะ เราว่ามันคนละเรื่อง เราว่าต้องให้พ่อ พี่ย้ายออกค่ะ หาบ้านที่ใกล้กันจะได้ดูแลกันสะดวก หากหาแฟนใหม่อีกคนก็เป็นแบบนี้อีก  เพราะคนเป็นสามีภรรยากันก็ย่อมอยากอยู่กันเป็นส่วนตัว ถ้าหาคนใหม่ได้ โดยไม่มีประเด็นความเป็นส่วนตัวในภายหลังให้คุณได้ยิน  เธอคือนางฟ้าค่ะ

เรามองว่า การที่แฟนคุณยอมให้พ่อพี่มาอยู่บ้านตั้งแต่แรกถือว่าเธอเป็นคนที่ใช้ได้อยู่นะ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองโลกส่วนตัวสูง คงอยากเปิดใจลองดู แต่อย่าลืมว่า  ทฤษฎีกับปฏิบัติมันต่างกัน พูดกับทำมันไม่เหมือนกัน แฟนคุณไม่ได้อยากผิดคำพูดที่เธอรับปากตั้งแต่แรก นั่นเพราะเธอไม่เคยอยู่กับพ่อ พี่ชายคุณนานๆอย่างแท้จริง แต่เมื่อลองอยู่ด้วยกันจริงๆจึงรู้ว่าไม่โอเค ซึ่งเป็นเรื่องปกติ  เธอก็บอกว่าเธอไม่โอเคนะ
และที่คุณบอกว่าพ่อช่วยเหลือแฟนคุณต่างๆนานา เราว่า แฟนรู้ค่ะ แต่ขอตอบแทนด้วยอย่างอื่น ไม่ใช่ด้วยการอยู่หลังคาเดียวกัน เพราะทำลายธรรมชาติของเธอ ขอเป็นแบบแยกหลัง แล้วไปเยี่ยมท่านเอาค่ะ  พูดให้แฟนรอสักหน่อย ระหว่างขยับขยาย เราว่าเธอควรโอเคค่ะ

ถ้าคุณจะหย่าก็หย่าได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะความผิดของเธอ การอยากอยู่กันเป็นส่วนตัว แยกบ้านกับพ่อสามี ไม่ใช่ความผิด และนิสัยแย่ พ่อพี่อยู่ได้แบบมาเยี่ยมเยียนครั้งคราว แต่อยู่ตลอดไป มันท้าทายชีวิตคู่



เธอเป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิตนะในมุมเรา ทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อให้ได้เรียนจนมีงานทำ ไม่รอให้พ่อแม่ที่ลำบากอยู่แล้วหาให้ใช้อย่างเดียว  และมีนิสัยประหยัดด้วยนิคะ  ที่คุณคิดหนักตอนนี้เพราะเธอเป็นคนดีใช้ได้คนนึง และเข้ากับคุณได้มาตลอด และเมื่อเจอปัญหานี้ เป็นอีกบททดสอบ ขอให้แก้ด้วยกัน



ถ้าจะหย่าก็เพราะคุณสองคนมีโจทย์ชีวิตที่ไปด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป เพราะเงื่อนไขในชีวิตมันเปลี่ยน ทำให้อยู่ด้วยกันไม่มีความสุขแล้วต่างหาก ไม่มีใครผิด ลองคิดดูว่า ในทางกลับกันถ้าฝ่ายหญิงเอาแม่พี่สาวมาอยู่บ้าน คุณที่โลกส่วนตัวสูงเช่นเธอ คิดอย่างไร อ่อลืมไปแค่คิดอย่างเดียวมันไม่เห็นผล ต้องลองเอามาอยู่ด้วยจริงๆถึงจะเข้าใจ

คุณพ่อคุณช่วยเหลือฝั่งแฟนคุณ ชีวิตคู่คุณขนาดนี้ ท่านหวังสิ่งใดเป็นการตอบแทนมั้ยคะ ด้วยความเป็นพ่อในสังคมไทย คุณรู้สึกผิดอยู่ละ แม้พ่อจะไม่หวังผลตอบแทน แต่ด้วยกลไก บรรทัดทางสังคม สิ่งที่สังคมคาดหวังและส่งผลต่อคุณคือคุณจะรู้สึกว่าทั้งคุณและแฟนต้องตอบแทนค่ะ และนั่นทำให้คุณมองว่าแฟนคุณเป็นคนไม่ดี ไม่กตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ  ทั้งที่วีธีตอบแทนมีตั้งหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องทำในสิ่งที่ฝืน สิ่งที่ทำแล้วไม่มีความสุข ทำชีวิตคู่พัง

คุณร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาได้จนขนาดนี้ คิดให้ดีๆค่ะ 

คุณไม่จำเป็นต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายเดียว  คุณเลือกทั้งสองได้
////
ความคิดเห็นที่ 130
เรามองว่า ตอนนั้นที่แฟนคุณอยู่กับพ่อคุณได้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อึดอัดหรอก
แค่เธออดทน และไม่มีทางเลือก อดทนให้ผ่านพ้นไป และคิดว่าวันหนึ่ง
วันที่เธอมีทางเลือก เธอก็แค่ไม่อยากจะทนกับความอึดอัดตรงนั้นอีก
จะเรียกว่าการกระทำของแฟนคุณเห็นแก่ตัวก็ได้นะ
ส่วนใหญ่คนทุกคนก็เห็นแก่ตัว รักตัวเองมากกว่ารักคนอื่นทั้งนั้นแหละค่ะ

แฟนคุณคงมีความคิดว่า เสียเงิน จ่ายเงิน เพื่อซื้อความสะดวกสบายให้กับชิวิตแล้ว
หลังจากอดทน อึดอัดมานานแล้ว ทำไมต้องยอมทนอึดอัด แบบเดิมอีก
และก็ต้องทนไปอีกตลอดชิวิต ที่ไม่ใช่แค่ ไม่กี่ปีเหมือนสมัยตอนเรียน
แต่อีกตลอดชีวิตของเธอ ก็หลายสิบปีอยู่

และความคิดของเธอ ก็แค่ไม่ถูกใจคุณ
พ่อคุณมีบุญคุณมากก็จริง แต่การทดแทนบุญคุณใครสักคน
ไม่ใช่การต้องพาเขาเข้ามาอยู่ในบ้าน เราสามารถดูแลพวกเขาได้
สำคัญอย่างแรก ให้เขามีความสบายกาย สบายใจ
พ่อคุณมาอยู่ในบ้านกับแฟนคุณแบบนี้ ท่านคงไม่สบายใจนักหรอก
และคงคิดโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้คุณกับแฟนทะเลาะกันด้วย

ทางออกของเรื่องนี้มันมีอยู่นะ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเลิกราหรอก
เพราะต่อให้คุณเลิกกับเธอไป การหาผู้หญิงคนใหม่ ที่จะมายอมรับ
กับการอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวสามี ก็อาจจะหายากสักหน่อย
ผู้หญิงส่วนใหญ่ ก็อยากจะแยกบ้านออกมาอยู่กันตามลำพังทั้งนั้น
อันนี้มองด้วยหลักความเป็นจริง ไม่ต้องอิงเรื่องบุญคุณอะไรนะ

ทางแก้ที่พอมีคือ ต่อเติมบ้าน ให้มีสัดส่วนชัดเจน ถ้าทำได้
หรือเช่าบ้านอีกหลัง ไม่ไกลกันนัก ให้เดินทางไปมาหาสู่กัน ดูแลกันได้ง่าย

เราเข้าใจนะ ว่าการมีคนอื่นในบ้าน มันอึดอัดมากๆ ยังไง
เราจะเล่าในมุมที่เราเจอมา เผื่อคุณมองภาพไม่ออก
ว่าทำไมแฟนคุณถึงอึดอัดอะไรนักหนา ทั้งที่เคยอยู่กับพ่อคุณมาก่อน

แต่ก่อน พ่อสามีเรา และพวกพี่น้องญาติเขา ที่เป็นผู้ชายล้วนนะคะ
ชอบมาเยี่ยมสามีและค้างที่บ้าน สมัยก่อนเป็นบ้านเช่า เรายังไม่ได้ซื้อบ้านตอนนั้น
บ้านไม่ใหญ่ แค่ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 โถง 1 ครัว
บางทีมา 3 วัน บางทีมา 2 วัน แต่มาบ่อย เกือบทุกอาทิตย์
อาทิตย์ที่ไม่ได้มา คืออาทิตย์ที่สามีเราลงไปบ้านพ่อเขา
จริงๆ คือไม่ไกลกันเท่าไหร่ ประมาณ 50 โล จะลงไปหาอาทิตย์ละครั้ง

ในบ้านมีผู้ชายล้วน 3-4 คน รวมสามีเรา เราผู้หญิงคนเดียว ผู้ชายก็จะยึดห้องโถงในบ้าน นั่งคุยกัน
เวลากินข้าว กินพร้อมกัน ก็ร่วมวงกัน แต่เรา ผญ คนเดียว มันอึดอัดใจ กินข้าวไม่อร่อยเลย
กินเสร็จ เราก็จะเป็นคนเก็บล้าง กับสามีเรา รวมไปถึงตระเตรียมอาหาร กับข้าว ก็เราแหละค่ะ
เหมือนอยู่ดีๆ ก็มีคนให้ต้องมาดูแลเพิ่ม จากปกติอยู่ 2 คน กินกันง่ายๆ
แต่พอพวกเขามาที ก็ต้องจัดเตรียมนั่นนี่ ชุดใหญ่ และเงินก็ต้องเรากับสามี รับผิดชอบ

พอกินเสร็จ เขาคุยกันผู้ชายๆ อ่ะนะคะ เราจะดูทีวี ดูละครแบบก่อน ไม่ได้ นั่งเล่นที่ห้องโถงไม่ได้
เขาก็คุยกันเสียงดัง เปิดทีวีดูช่องนั้นช่องนี้ไป ตามประสาผู้ชาย คุยกันเรื่องที่เขาชอบเหมือนกัน
เขาสนิทสนมกัน ฝั่งแฟน พ่อแฟน ญาติแฟน เราเหมือนอากาศ ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน
ไม่รู้จะหาโอกาสไหนแทรกเรื่องคุย เพราะด้วยอายุ และความชอบที่ไม่ได้เหมือนกัน

เราก็คุยกับพ่อสามีนะ แต่ก็แค่พอเป็นพิธี ถามสารทุกข์ ไม่ได้คุยอะไรมากเหมือนไม่รู้จะคุยอะไร
พ่อเขาเองก็ดูเกร็งๆ ไม่รู้จะคุยอะไรกับเรา แล้วเราก็กลับห้องเรา อยู่แต่ในห้องเรา เล่นโทรศัพท์ไป

เวลาจะไปอาบน้ำ เราไม่กล้านุ่งผ้าเช็ดตัวเดินไปอาบ แบบปกติเหมือนตอนอยู่กันลำพัง
ห้องน้ำอยู่ข้างนอกไม่ได้อยู่ในห้องนอนค่ะ และต้องเดินผ่านห้องโถง ที่พวกเขาอยู่
เราต้องเตรียมเสื้อผ้า ขนไปห้องน้ำ แต่งตัวออกมาให้เสร็จเลย
เพราะพวกเขาก็จะนั่งอยู่ที่ห้องโถงบ้าง ห้องครัวบ้าง หลายๆ จุดในบ้าน
กลางคืนเราเข้าห้องน้ำบ่อย ก็จะออกมาเข้ากลางดึก เปิดไฟห้องโถงไม่ได้
มีคนนอนอยู่ที่หน้าทีวี เราก็ต้องเดินย่องๆ เงียบๆ ไปเข้าห้องน้ำ เกรงใจกลัวเขาตื่น

เราจะใส่ชุดนอนกระโปรงไม่ได้ บางๆ ไม่ได้ ชุดอยู่บ้าน ขาสั้น เสื้อกล้าม คอกว้าง นั่งแหกแข้งแหกขาไม่ได้
กลับมาจากทำงาน เหนื่อยมาก อยากรีแล็กซ์ นั่งโซฟาที่ห้องโถงดูทีวี ดูละคร ก็ทำไม่ได้
เพราะพอมีใครสักคนนั่งอยู่ตรงนั้น เราจะไม่อยากเข้าไปรบกวน จะกลับเข้าห้องทันที อยู่แต่ในห้อง

ความอึดอัดมันเกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะเราไม่สามารถ ทำอะไรได้เหมือนตอนอยู่กับสามีตามลำพัง
ต้องคิดกังวล ต้องระวังเรื่องการแต่งตัว การใช้ห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ทุกส่วนในบ้าน
เพราะมีคนอื่นเข้ามาและต้องใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน ถึงจะรู้จักกัน แต่เราก็ไม่สนิทใจ

เราไม่ได้โกรธ หรือมีปัญหาอะไรกับพ่อสามี พี่หรือญาติเขา แต่เราแค่อึดอัด และทำตัวไม่ถูก
อาจเพราะพวกเขาเป็นผู้ชาย และเราโดยนิสัยก็ไม่ได้ชอบอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหน เว้นแต่กับสามี
เหมือนเราจะระวังและรักษาระยะห่างอยู่ตลอด ครอบครัวเราสอนกันมาแบบนี้
และเราเติบโตมาในบ้านที่มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองและไม่รุกล้ำกัน เราเลยอึดอัดมาก ไม่มีความสุขเลย
มันสะสมนะคะ จากความอึดอัด เป็นความเครียด จนไม่อยากจะกลับบ้าน และรู้สึกไม่ดีกับญาติพี่น้องเขาได้เลย

บางคนอาจมองว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่เห็นมีอะไรต้องอึดอัด แต่ถ้าใครเคยอยู่ในสถาการณ์แบบนั้น จะเข้าใจค่ะ
เราเข้าใจแฟนคุณนะ เรื่องเนรคุณ ไม่สำนึกบุญคุณ เราจะไม่ก้าวล่วง แต่เราแค่อยากแชร์มุมมองตรงนี้
ให้คุณได้รู้ว่า ความอึดอัด ที่แฟนคุณเจอ มันอาจจะมีอะไรที่เขาไม่ได้บอกคุณไหม ไม่ได้เล่าให้คุณฟังไหม

เพราะสามีเราก็ไม่รู้นะว่าเราอึดอัด เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเหมือนเรา เพราะนั่นก็พ่อ ก็พี่ และญาติที่เขาสนิทสนมมาแต่เด็ก
และเราก็ไม่เคยพูด ไม่เคยแสดงออกอะไร ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ
จนมันเริ่มมากขึ้นๆ มาบ่อยมาก จนทนไม่ไหว เราก็อธิบายให้เขาฟังว่า เราอึดอัดยังไง
และโชคดีที่สามีเราเขาเข้าใจเรา และแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เรา

คุณกับแฟน สู้กันมาขนาดนี้แล้ว มองว่าจุดนี้คือบททดสอบก็แล้วกันนะคะ
ทุกปัญหา มีจุดตรงกลาง มีทางออก ซึ่งบางที อาจจะต้องยอมจ่ายเพิ่ม
มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อแลกกับความสบายใจของทั้งสองฝ่าย ก็ลองชั่งใจดูค่ะ
คาใจเรื่องอะไรกัน เคลียร์กันค่ะ อย่าปล่อยให้คาราคาซัง

ยังไงก็ขอให้คุณทั้งสอง หาทางออกที่สวยๆ ได้เร็ววันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 128
ทำไมคนด่าแฟนเยอะจัง คุณต้องแยกประเด็นนะ
1. พ่อช่วยแฟนคุณ พ่อคุณเป็นพ่อที่ดีมาก คุณควรกตัญญู แฟนคุณก็ควรรักเคารพพ่อ วิธีการกตัญญูมีมากมาย นี่ไม่ใช่วิธีเดียว
2. แฟนไม่อยากให้พ่อสามีอยู่บ้านตัวเองปกติมาก ๆ ร้อยทั้งร้อยไม่มีคนอยากหรอก การที่คุณเอาพ่อมาอยู่ด้วยทำให้บ้านหลังนี้เปลี่ยนจากบ้านคุณกับแฟนเป็นบ้านพ่อคุณและมีแฟนเป็นผู้อยู่อาศัยทันที ตอนที่แฟนคุณขาดแคลนจำเป็นเขาไปอยู่บ้านคุณ เขาเป็นผู้อาศัยไปรอบหนึ่งแล้ว ตอนนี้ในที่สุดเขาได้เป็นเจ้าบ้าน คุณยังจะไปตามพ่อให้มากดเขาเป็นผู้อาศัยอีกรอบเนี่ยนะ..... จากที่เราอ่านดูเนี่ย เราเชื่อมั่นว่าพอแฟนคุณมีทางไปปุ๊บเขาก็ไปปั๊บเลยใช่ไหมล่ะ ไปอยู่คอนโดกับคุณเลย นี่ไม่เกี่ยวกับว่าแฟนคุณรักเคารพพ่อคุณหรือไม่สักนิด ไม่ว่าจะเคารพแค่ไหนไม่อยากก็คือไม่อยาก
3. ตกลงซื้อบ้านเพื่อพาพ่อมาอยู่ด้วย เนี่ย คุณตกลงไปเองแล้วแฟนคุณเงียบ ๆ รึเปล่าคะ เขาอาจจะไม่คอยเต็มใจแต่ไม่อยากปฏิเสธเพราะพ่อคุณดีกับเขาจริง ๆ ก็ได้นะ ถ้าเป็นเราเราก็อาจจะรู้สึกประมาณนี้ "ไม่อยากเลยแต่พ่อเขาดีกับเรามาก มาแล้วอาจจะโอเคก็ได้" แต่พอมาจริง ๆ ความรู้สึกมันไม่โอเคเหมือนที่เคยนึกเอาไว้ไงล่ะ
4. คุณจะบรรยายความช่วยเหลือที่คุณและพ่อมีต่อแฟนมีต่อครอบครัวแฟนทำไม เพื่อกดดันให้แฟนรู้สึกว่าควรจะยอมบ้านคุณหรือ ไม่มีใครอยากอยู่ในความสัมพันธ์ที่ตนเองเป็นฝ่ายต่ำกว่าหรอกนะคะ ดูจากการเขียนของคุณเรารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคุณรู้สึกในจิตใต้สำนึกว่าคุณเป็นฝ่ายเหนือกว่าในความสัมพันธ์นี้ เพราะบ้านคุณได้ช่วยเหลือแฟนคุณมาตลอด แฟนคุณควรสำนึกในบุญคุณ....นี่เป็นถ้อยคำที่เราเห็นได้มากที่สุดในกระทู้นี้ และนี่เป็นสิ่งที่จะกดแฟนคุณให้รู้สึกต้อยต่ำกว่าคุณไปชั่วกาลนานถ้าคุณไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่มีใครทนอยู่อย่างต้อยต่ำกว่าคนอื่นในบ้านของตัวเองได้ตลอดไปหรอกนะคะ
5. ถึงคอมเม้นต์จะด่าแฟนคุณว่าอกตัญญูเท่าไหร่ แต่ข้อเสนอของเกือบทุกคนเป็นไปในทางเดียวกันคือให้ซื้อบ้านใหม่ให้พ่อคุณ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วนะคะว่า ทุกคนรู้ตัวดีว่า ไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับพ่อแม่สามี/ภรรยา สำหรับคนไทย เห็นเมียดีกว่าพ่อแม่ อาจจะเป็นบาปหนักหนา นั่นเป็นสิ่งที่พวกเราปลูกผังกันมาช้านาน แต่ในยุคสมัยนี้นั้น เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าพอแต่งงานแล้ว ก็จะมีครอบครัวใหม่ ญาติพี่น้องแต่เดิมจะกลายเป็นคนอื่นในทันที การที่รักครอบครัวตัวเอง (คือเมีย) มากกว่าคนอื่น (อย่างพ่อแม่) นั้นไม่ใช่เรื่องผิด ที่เรื่องนี้ดูผิดมากเป็นเพราะพ่อคุณเป็นคนดีค่ะ
6. กำลังพิมพ์อยู่ อ้าว ขอหย่าซะงั้น ก็ขอให้ไปดีทั้งสองฝ่ายแล้วกันค่ะ

ปล. ว่าแต่ก่อนขอเลิกเนี่ยคุยกับคุณพ่อยังคะ เรามีความรู้สึกว่าเรื่องนี้พ่อคุณนั่นแหละที่จะเสียใจที่สุดที่ตัวเองเป็นเหตุให้ลูกกับแฟนลูกต้องหย่ากัน ดูพ่อคุณรักแฟนคุณเหมือนลูกอีกคนเลยนี่นะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่