บอกก่อนนะคะว่าบ้านเราเป็นคนจนมาก อยู่บ้านนอก แต่มาหางานทำอยู่กรุงเทพตั้งแต่อายุ15 หาเงินใช้เองมาตลอดไม่เคยขอแม่ตั้งแต่เริ่มทำงาน เรียน กศน. และกู้เงินของรัฐเรียนต่อมหาลัยเพิ่งจบปริญญาตรีเมื่อกลางปีที่ผ่านมานี้ และยังหางานทำไม่ได้เพราะสถานการณ์COVID-19 และตอนนี้คือใช้เงินเก็บที่มีอยู่และหางานเสริมทำรองานประจำทำไปก่อน
และเรื่องก็มีอยู่ว่า เรามีแม่อยู่บ้าน(บ้านป้า)ที่ต่างจังหวัด แม่อายุ39ค่ะ และแม่เจอแฟนใหม่ทาง Facebook มีญาติแถวบ้านแนะนำให้ คุยกันได้ไม่นานตัดสินใจอยู่กินด้วยกันและจัดแต่งงานเล็กๆที่ต่างจังหวัด เมื่อปี2562 และเมื่อแต่งงานกันได้ไม่นานก็ไปยืมเงินญาติจำนวนหลายแสนบาท!! เพื่อสร้างบ้านใหม่ของตัวเอง(เรายังไม่มีบ้านที่เป็นของครอบครัวตัวเอง) เพราะแฟนใหม่แม่เป็นช่างสามารถสร้างบ้านได้ แม่เลยจ้างให้แฟนใหม่แม่และเพื่อนเขาที่เคยทำก่อสร้างด้วยกันมาสร้างบ้านใหม่ให้ เมื่อบ้านสร้างเสร็จ ตอนนั้นแม่บอกกับเรากับน้องชายอีกคนอายุ19ว่า "บ้านที่สร้างให้นี้ก็สร้างให้ลูกทั้งนั้น หนี้ที่ยืมมาสร้างบ้านเราแม่ลูกก็จะหามาช่วยกันจ่ายให้หมด ไม่ให้ลูกใช้กันเองหมดหรอก" แต่คือเราก็พึ่งเรียนจบ กำลังหางานทำ น้องก็อายุ19ทำงานขับรถส่งของอยู่ กทม คงไม่มีใครอยากกลับไปอยู่บ้านตอนนี้หรอก ก็ไม่รู้ว่าในเมื่อไม่มีเงินจะรีบสร้างไปทำไม ทำไมไม่รอไปก่อน รอให้เราทุกคนพร้อมกว่านี้ก่อน แต่ก็นั่นแหละ บ้านสร้างเสร็จไปแล้ว
และต่อมาไม่กี่เดือน แม่ก็เป็นมะเร็งเต้านม แต่รู้เร็วพึ่งเป็นระยะแรก และเชื่อไม่ร้ายแรง ตั้งแต่นั้นมาเราก็ทำงานพิเศษทุกวัน ส่งเงินให้แม่ครั้งล่ะหมื่น 6-7 ครั้งได้ เพื่อให้ใช้เพราะแม่ไม่ได้ทำงาน และให้ทยอยให้หนี้ญาติไปด้วย แต่ดันมารู้ทีหลังว่าเงินที่ให้ไปนั้น แม่เอาไปใช้จ่ายแต่ละวันบางส่วน และส่วนมากนั้น แม่นำเงินไปใช้ซื้อของเพื่อมาต่อเติมบ้านให้สวยกว่าเดิม พอเรารู้เราก็โกรธมาก ว่าในเมื่อเงินไม่มีจะใช้อยู่แล้ว ทำไมไม่เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น และทยอยใช้หนี้ญาติไปด้วย กลับเอาไปทำสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย มีเงินตอนไหนค่อยทำต่อก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เราไม่คุยกับแม่ไปเกือบเดือน เพราเรารู้สึกน้อยมากเราทั้งเรียนหนักทั้งทำงานหนักหาเงินให้ แต่เขากลับเอาไปทำอะไรที่ไม่ใช่เรื่องเลย เหมือนพอเขารู้ว่าเราหาเงินได้เยอะเขาก็รอแต่จะเอากับเรา
พอต่อมาแม่ให้คีโมเสร็จเรียบร้อยหายเป็นปกติแล้ว เราก็บอกแม่ว่าให้รอสักพักให้ร่างกายมันแข็งแรงก่อนค่อยหางานทำใหม่ ตั้งแต่นั้นแม่ก็อยู่แต่บ้านกับแฟนเขา 2คนหาอะไรทำแถวบ้านหาเงินกินรายวันไปวันๆ แต่แต่!! ตั้งแต่นั้นมาตัวแม่และแฟนแม่ก็คิดว่าแม่นั้นเป็นคนป่วยและไม่แข็งแรงอยู่ตลอกเวลา เช่น กินน้ำเย็นไม่ได้ ตากแดดตากฝนไม่ได้ ทำอะไรเยอะไม่ได้ ปวดหลังปวดตูดเจ็บอะไรนิดอะไรหน่อยต้องคิดว่าตัวเองเป็นอะไรหนักแน่ๆ เราก็บอกแม่ไปว่า "มันไม่ได้เป็นอะไรหรอกคนเรานั่งนานมันก็ปวดตูดปวดหลังเป็นธรรมดา แม่กับแฟนก็มาหางานทำกรุงเทพด้วยกันสิ จะได้มีอะไรทำไม่อยู่บ้านเฉยๆจะได้มีเงินเก็บด้วย หนี้ญาติที่ยืมมาสร้างบ้านก็จะได้ทยอยใช้เขาสักที" แต่กลับได้คำตอบว่า "อยู่แถวบ้านที่ต่างจังหวัดก็มีงานก่อสร้างมาให้ทำเรื่อยๆเดือนละครั้งพอมีเงินใช้อยู่ทำอยู่บ้านก็ได้" ตอนนั้นเราก็พอรู้ในใจแหละว่าแฟนแม่คงไม่อยากมา เพราะเขาเป็นคนที่เลือกงาน เคยหางานให้ทำก็บอกทำไม่ได้ อะไรที่เขาไม่เคยทำเขาก็จะบอกว่าทำไม่ได้ หรือไม่บองไปทำเลย ซึ่งมันก็ทำให้เราลำบากใจมากๆที่แม่ทำอะไรก็ตามแฟนมาก เหมือนแม่กลับไปอายุ14อีกครั้ง จากคนที่ทำงานไม่เกี่ยงงาน ขยันทำมาหากิน แต่ตั้งแต่มีแฟนคนนี้ แม่ไม่ทำงานอะไรก็จะตามแฟนตลอด แฟนว่าไม่ แม่ก็ไม่ ไปไหนก็ต้องตัวติดกัน ขาดกันไม่ได้ ห่างกันไม่ได้ จะงอแงทะเลาะกันทันที เรารับไม่ได้มากๆ เพราะแม่เปลี่ยนไปมากจากหน้ามือเป็นหลัง_ีนเลย
เราก็พยายามพูดกับแม่ว่า แม่กับแฟนแม่ต้องขึ้นมาหางานทำนะ จะได้มีเงินเก็บใช้หนี้ญาติที่ไปยืมเขามา ถ้าจะให้หนูกับน้องใช้หนี้เขาเนี่ย คงอีกนานกว่าจะตั้งตัวกันได้ และตอนนี้ก็ไม่มีเงินใดๆใช้หนี้เขาทั้งนั้น หนูกับน้องก็ต้องมีชีวิต ใช้เงินทุกวันอยู่แล้ว ลำพังตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดแล้วตอนนี้ แต่แม่ก็ยังบ่ายเบื่องตลอด ว่าเขาป่วยอยู่ เขาทำงานไม่ได้ ที่ไหนเขาจะอยากรับคนป่วยทำงาน เราก็บอกแม่ไปว่า "แม่ แม่ไม่ได้ป่วยแล้วนะ แม่คือคนป่วยที่หายแล้ว หายเป็นปกติแล้ว แค่ต้องดูแลตัวเองดีๆกว่าที่เคยเป็นมา และงานที่จะหาให้ทำก็จะหางานที่มันไม่หนัก ที่แม่ทำไหว คงไม่ให้แม่ไปทำอะไรหนักๆหรอก" แต่แม่ก็ยังให้เหตุผลมาอีกว่า แฟนแม่ก็อายุ40กว่าแล้วที่ไหนเขาจะรับทำงาน เป็นเขาประกาศรับบอกไม่จำกัดอายุเขาก็เขียนไปงั้นแหละ พอไปสมัครเขาก็ไม่เอาอยู่ดี (เห้อออออเราเหนื่อยใจมาก) เราก็เลยบอกแม่พูกลับแม่ให้เขาเข้าใจว่าถ้ามานะ หลายคนช่วยกันหา ทุกคนพร้อมช่วยหางานให้หมด ถ้าคนจะทำ ทำไมมันจะไม่มีให้ทำ บางที่เขาหาคนงานทำเยอะแยะ แต่พอพูดเรื่องนี้ทีไร แม่ก็จะพูไปเรื่องอื่น ไม่สนเรื่องนี้ และทำท่าทีเหมือนจะจะเลาะกันทุกที ซึ่งเราเหนื่อยที่จะพูดมาก เหนื่อยใจ เพลียใจมาก ไม่รู้จะทำยังไงกับเขาดี กลายตอนนี้เรามีหนี้เกือบ7แสน เราท้อมาก งานก็ยังหาไม่ได้ พยายามเรียนอังกฤษอัพตัวเองให้ได้งานดีๆเงินเดือนเยอะๆ เพื่อหาเงินใช้หนี้ แต่พอมาเจออะไรแบบนี้ เราไปไม่เป็นเลย
ล่าสุด เราจองวัคซีนให้แม่ฉีดที่ กทม เพราะแถวบ้านอกมีแต่วัคซีนสูตร/ขว้ให้คนแถวบ้านฉีด ซึ่งเราก็ไม่อยากให้แม่ฉีดกลัวอันตราย เลยจองใหแม่มาฉีดที่กรุงเทพ พอถึงวันที่ใกล้จะฉีด เราก็บอกแม่ให้มารถไฟ เดี๋ยวไปรับที่หัวลำโพง แต่แม่กลับให้ที่พี่บ้านขับรถมาส่งที่กรุงเทพ เราก็บอกแม่ไม่มีเงินค่าน้ำมันให้เขานะ ครั้งละ2,000ไม่ไหว ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงาน แม่ก็บอกเดี๋ยวแม่จ่ายให้เขาเอง500 เราก็แล้วแต่เพราะเหมือนแม่ตอนนี้เขาเคยสบายจนชิน นั่งรถไฟไม่ได้ลำบาก ไปไหนมาไหนก็รถส่วนตัวตลอด แต่ไม่ใช่รถตัวเองนะ ติดเขามาตลอด พอมาถึง กทม ก็ให้โทรไปเลื่อนที่ฉีดวัคซีนบอกว่านั่งมาเหนื่อยต้องพักก่อน1วัน เราก็ เห้ยแม่มันไม่เป็นอะไร แม่นั่งรถส่วนตัวมาสบายจะตาย มาถึงไปฉีดเลยยังได้ คนอื่นเขาทำงาน เขาก็ไปฉีดกัน ฉีดเสร็จยังมาทำงานต่ออีก ไม่มีใครเป็นอะไรเลย แต่แม่บอกว่าแม่ต้องพัก เพราะแม่ป่วยอยู่ ต้องพักก่อน1วัน ฉีด1วัน และพักหลังฉีดอีก1วัน ซึ่งกลายเป็นว่าแม่กับแฟนแม่มาอยู่กับเราเป็นอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราก็เป็นคนจ่างคนเดียวหมด จนเงินเก็บเราจะหมดแล้ว และอักไม่กี่วัน ม่ก็กำลังจะขึ้นมาฉีดเข็มสอบเราจะพูดกับเขาถึงเรื่องทั้งหมดยังไงดี เห้ออออออออ
**ขอแก้ไขเพิ่มเติมนะคะ
ถ้าเราไม่ให้เงินแม่อีก ตราบใดที่แม่และแฟนใหม่ยังไม่หางานทำ เราจะเป็นลูกที่อกตัญญูมั้ยคะ บางทีก็สงสารกลัวแม่ไม่มีกิน เพราะเขาก็เลี้ยงเรามาตอนเด็ก ทำแบบนั้นจะโดนว่า ว่าเป็นลูกเนรคุณมั้ยคะ
อยู่ดีๆก็มีหนี้หลายแสน เพราะแม่เคยป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะแรกเมื่อ2ปีก่อน และยังคิดว่าตัวเองเป็นคนป่วยอยู่ตลอดเวลา
และเรื่องก็มีอยู่ว่า เรามีแม่อยู่บ้าน(บ้านป้า)ที่ต่างจังหวัด แม่อายุ39ค่ะ และแม่เจอแฟนใหม่ทาง Facebook มีญาติแถวบ้านแนะนำให้ คุยกันได้ไม่นานตัดสินใจอยู่กินด้วยกันและจัดแต่งงานเล็กๆที่ต่างจังหวัด เมื่อปี2562 และเมื่อแต่งงานกันได้ไม่นานก็ไปยืมเงินญาติจำนวนหลายแสนบาท!! เพื่อสร้างบ้านใหม่ของตัวเอง(เรายังไม่มีบ้านที่เป็นของครอบครัวตัวเอง) เพราะแฟนใหม่แม่เป็นช่างสามารถสร้างบ้านได้ แม่เลยจ้างให้แฟนใหม่แม่และเพื่อนเขาที่เคยทำก่อสร้างด้วยกันมาสร้างบ้านใหม่ให้ เมื่อบ้านสร้างเสร็จ ตอนนั้นแม่บอกกับเรากับน้องชายอีกคนอายุ19ว่า "บ้านที่สร้างให้นี้ก็สร้างให้ลูกทั้งนั้น หนี้ที่ยืมมาสร้างบ้านเราแม่ลูกก็จะหามาช่วยกันจ่ายให้หมด ไม่ให้ลูกใช้กันเองหมดหรอก" แต่คือเราก็พึ่งเรียนจบ กำลังหางานทำ น้องก็อายุ19ทำงานขับรถส่งของอยู่ กทม คงไม่มีใครอยากกลับไปอยู่บ้านตอนนี้หรอก ก็ไม่รู้ว่าในเมื่อไม่มีเงินจะรีบสร้างไปทำไม ทำไมไม่รอไปก่อน รอให้เราทุกคนพร้อมกว่านี้ก่อน แต่ก็นั่นแหละ บ้านสร้างเสร็จไปแล้ว
และต่อมาไม่กี่เดือน แม่ก็เป็นมะเร็งเต้านม แต่รู้เร็วพึ่งเป็นระยะแรก และเชื่อไม่ร้ายแรง ตั้งแต่นั้นมาเราก็ทำงานพิเศษทุกวัน ส่งเงินให้แม่ครั้งล่ะหมื่น 6-7 ครั้งได้ เพื่อให้ใช้เพราะแม่ไม่ได้ทำงาน และให้ทยอยให้หนี้ญาติไปด้วย แต่ดันมารู้ทีหลังว่าเงินที่ให้ไปนั้น แม่เอาไปใช้จ่ายแต่ละวันบางส่วน และส่วนมากนั้น แม่นำเงินไปใช้ซื้อของเพื่อมาต่อเติมบ้านให้สวยกว่าเดิม พอเรารู้เราก็โกรธมาก ว่าในเมื่อเงินไม่มีจะใช้อยู่แล้ว ทำไมไม่เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น และทยอยใช้หนี้ญาติไปด้วย กลับเอาไปทำสิ่งที่ไม่จำเป็นเลย มีเงินตอนไหนค่อยทำต่อก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เราไม่คุยกับแม่ไปเกือบเดือน เพราเรารู้สึกน้อยมากเราทั้งเรียนหนักทั้งทำงานหนักหาเงินให้ แต่เขากลับเอาไปทำอะไรที่ไม่ใช่เรื่องเลย เหมือนพอเขารู้ว่าเราหาเงินได้เยอะเขาก็รอแต่จะเอากับเรา
พอต่อมาแม่ให้คีโมเสร็จเรียบร้อยหายเป็นปกติแล้ว เราก็บอกแม่ว่าให้รอสักพักให้ร่างกายมันแข็งแรงก่อนค่อยหางานทำใหม่ ตั้งแต่นั้นแม่ก็อยู่แต่บ้านกับแฟนเขา 2คนหาอะไรทำแถวบ้านหาเงินกินรายวันไปวันๆ แต่แต่!! ตั้งแต่นั้นมาตัวแม่และแฟนแม่ก็คิดว่าแม่นั้นเป็นคนป่วยและไม่แข็งแรงอยู่ตลอกเวลา เช่น กินน้ำเย็นไม่ได้ ตากแดดตากฝนไม่ได้ ทำอะไรเยอะไม่ได้ ปวดหลังปวดตูดเจ็บอะไรนิดอะไรหน่อยต้องคิดว่าตัวเองเป็นอะไรหนักแน่ๆ เราก็บอกแม่ไปว่า "มันไม่ได้เป็นอะไรหรอกคนเรานั่งนานมันก็ปวดตูดปวดหลังเป็นธรรมดา แม่กับแฟนก็มาหางานทำกรุงเทพด้วยกันสิ จะได้มีอะไรทำไม่อยู่บ้านเฉยๆจะได้มีเงินเก็บด้วย หนี้ญาติที่ยืมมาสร้างบ้านก็จะได้ทยอยใช้เขาสักที" แต่กลับได้คำตอบว่า "อยู่แถวบ้านที่ต่างจังหวัดก็มีงานก่อสร้างมาให้ทำเรื่อยๆเดือนละครั้งพอมีเงินใช้อยู่ทำอยู่บ้านก็ได้" ตอนนั้นเราก็พอรู้ในใจแหละว่าแฟนแม่คงไม่อยากมา เพราะเขาเป็นคนที่เลือกงาน เคยหางานให้ทำก็บอกทำไม่ได้ อะไรที่เขาไม่เคยทำเขาก็จะบอกว่าทำไม่ได้ หรือไม่บองไปทำเลย ซึ่งมันก็ทำให้เราลำบากใจมากๆที่แม่ทำอะไรก็ตามแฟนมาก เหมือนแม่กลับไปอายุ14อีกครั้ง จากคนที่ทำงานไม่เกี่ยงงาน ขยันทำมาหากิน แต่ตั้งแต่มีแฟนคนนี้ แม่ไม่ทำงานอะไรก็จะตามแฟนตลอด แฟนว่าไม่ แม่ก็ไม่ ไปไหนก็ต้องตัวติดกัน ขาดกันไม่ได้ ห่างกันไม่ได้ จะงอแงทะเลาะกันทันที เรารับไม่ได้มากๆ เพราะแม่เปลี่ยนไปมากจากหน้ามือเป็นหลัง_ีนเลย
เราก็พยายามพูดกับแม่ว่า แม่กับแฟนแม่ต้องขึ้นมาหางานทำนะ จะได้มีเงินเก็บใช้หนี้ญาติที่ไปยืมเขามา ถ้าจะให้หนูกับน้องใช้หนี้เขาเนี่ย คงอีกนานกว่าจะตั้งตัวกันได้ และตอนนี้ก็ไม่มีเงินใดๆใช้หนี้เขาทั้งนั้น หนูกับน้องก็ต้องมีชีวิต ใช้เงินทุกวันอยู่แล้ว ลำพังตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดแล้วตอนนี้ แต่แม่ก็ยังบ่ายเบื่องตลอด ว่าเขาป่วยอยู่ เขาทำงานไม่ได้ ที่ไหนเขาจะอยากรับคนป่วยทำงาน เราก็บอกแม่ไปว่า "แม่ แม่ไม่ได้ป่วยแล้วนะ แม่คือคนป่วยที่หายแล้ว หายเป็นปกติแล้ว แค่ต้องดูแลตัวเองดีๆกว่าที่เคยเป็นมา และงานที่จะหาให้ทำก็จะหางานที่มันไม่หนัก ที่แม่ทำไหว คงไม่ให้แม่ไปทำอะไรหนักๆหรอก" แต่แม่ก็ยังให้เหตุผลมาอีกว่า แฟนแม่ก็อายุ40กว่าแล้วที่ไหนเขาจะรับทำงาน เป็นเขาประกาศรับบอกไม่จำกัดอายุเขาก็เขียนไปงั้นแหละ พอไปสมัครเขาก็ไม่เอาอยู่ดี (เห้อออออเราเหนื่อยใจมาก) เราก็เลยบอกแม่พูกลับแม่ให้เขาเข้าใจว่าถ้ามานะ หลายคนช่วยกันหา ทุกคนพร้อมช่วยหางานให้หมด ถ้าคนจะทำ ทำไมมันจะไม่มีให้ทำ บางที่เขาหาคนงานทำเยอะแยะ แต่พอพูดเรื่องนี้ทีไร แม่ก็จะพูไปเรื่องอื่น ไม่สนเรื่องนี้ และทำท่าทีเหมือนจะจะเลาะกันทุกที ซึ่งเราเหนื่อยที่จะพูดมาก เหนื่อยใจ เพลียใจมาก ไม่รู้จะทำยังไงกับเขาดี กลายตอนนี้เรามีหนี้เกือบ7แสน เราท้อมาก งานก็ยังหาไม่ได้ พยายามเรียนอังกฤษอัพตัวเองให้ได้งานดีๆเงินเดือนเยอะๆ เพื่อหาเงินใช้หนี้ แต่พอมาเจออะไรแบบนี้ เราไปไม่เป็นเลย
ล่าสุด เราจองวัคซีนให้แม่ฉีดที่ กทม เพราะแถวบ้านอกมีแต่วัคซีนสูตร/ขว้ให้คนแถวบ้านฉีด ซึ่งเราก็ไม่อยากให้แม่ฉีดกลัวอันตราย เลยจองใหแม่มาฉีดที่กรุงเทพ พอถึงวันที่ใกล้จะฉีด เราก็บอกแม่ให้มารถไฟ เดี๋ยวไปรับที่หัวลำโพง แต่แม่กลับให้ที่พี่บ้านขับรถมาส่งที่กรุงเทพ เราก็บอกแม่ไม่มีเงินค่าน้ำมันให้เขานะ ครั้งละ2,000ไม่ไหว ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำงาน แม่ก็บอกเดี๋ยวแม่จ่ายให้เขาเอง500 เราก็แล้วแต่เพราะเหมือนแม่ตอนนี้เขาเคยสบายจนชิน นั่งรถไฟไม่ได้ลำบาก ไปไหนมาไหนก็รถส่วนตัวตลอด แต่ไม่ใช่รถตัวเองนะ ติดเขามาตลอด พอมาถึง กทม ก็ให้โทรไปเลื่อนที่ฉีดวัคซีนบอกว่านั่งมาเหนื่อยต้องพักก่อน1วัน เราก็ เห้ยแม่มันไม่เป็นอะไร แม่นั่งรถส่วนตัวมาสบายจะตาย มาถึงไปฉีดเลยยังได้ คนอื่นเขาทำงาน เขาก็ไปฉีดกัน ฉีดเสร็จยังมาทำงานต่ออีก ไม่มีใครเป็นอะไรเลย แต่แม่บอกว่าแม่ต้องพัก เพราะแม่ป่วยอยู่ ต้องพักก่อน1วัน ฉีด1วัน และพักหลังฉีดอีก1วัน ซึ่งกลายเป็นว่าแม่กับแฟนแม่มาอยู่กับเราเป็นอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราก็เป็นคนจ่างคนเดียวหมด จนเงินเก็บเราจะหมดแล้ว และอักไม่กี่วัน ม่ก็กำลังจะขึ้นมาฉีดเข็มสอบเราจะพูดกับเขาถึงเรื่องทั้งหมดยังไงดี เห้ออออออออ
**ขอแก้ไขเพิ่มเติมนะคะ
ถ้าเราไม่ให้เงินแม่อีก ตราบใดที่แม่และแฟนใหม่ยังไม่หางานทำ เราจะเป็นลูกที่อกตัญญูมั้ยคะ บางทีก็สงสารกลัวแม่ไม่มีกิน เพราะเขาก็เลี้ยงเรามาตอนเด็ก ทำแบบนั้นจะโดนว่า ว่าเป็นลูกเนรคุณมั้ยคะ