สำหรับงานอีกลักษณะหนึ่ง คือปืนพกซ่อนใช้ชายเสื้อทับไว้ คู่แข่งของสมิธฯ คือโคลท์ ทำปืน .38 สเปเชียลลำกล้องสั้นสองนิ้ว คือรุ่นดีเทคตีฟ ออกขายในปี ค.ศ. 1927 ซึ่งสมิธฯ ตอบโต้ด้วย เอ็มพี ลำกล้องสองนิ้ว
ในปี ค.ศ. 1899 ปืน สมิธฯ เอ็มพี (ตัวย่อของ Military & Police) เปิดตัวพร้อมกระสุนขนาด .38 สเปเชียล ถือได้ว่าปืนลูกโม่ได้พัฒนามาถึงจุดลงตัวที่สุด ก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบ ในฐานะปืนยอดนิยมของวงการตำรวจทั่วโลก ต่อมาเมื่อสมิธฯ ใช้ระบบเลขรหัสแทนชื่อรุ่น ปืนเอ็มพีได้รหัสเป็น โมเดล 10 จัดเป็นปืนมาตรฐานพกซองนอกของตำรวจเกือบทั่วโลก มีเพื่อนมาเสริมคือ โมเดล 15 ติดศูนย์ปรับได้
สำหรับงานอีกลักษณะหนึ่ง คือปืนพกซ่อนใช้ชายเสื้อทับไว้ คู่แข่งของสมิธฯ คือโคลท์ ทำปืน .38 สเปเชียลลำกล้องสั้นสองนิ้ว คือรุ่นดีเทคตีฟ ออกขายในปี ค.ศ. 1927 ซึ่งสมิธฯ ตอบโต้ด้วย เอ็มพี ลำกล้องสองนิ้ว แต่ตัวโม่ของสมิธฯ อวบหนากว่า พกไม่แนบเนียนเท่าโคลท์ สมิธฯ จึงออกแบบปืนโครงเล็ก โม่จุห้านัด ตัวโม่เล็กกว่า เอ็มพีถึง 5 มิลลิเมตร เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1950 ในงานประชุมใหญ่ของตำรวจ ใช้โอกาสพิเศษนั้นตั้งชื่อรุ่นว่า “ชีฟ สเปเชียล” (Chief Special : ปืน ผบ.) ซึ่งโม่ของ ชีฟฯ ห้านัด มีร่องรับตัวล็อกอยู่ระหว่างสองช่องโม่ตรงเนื้อเหล็กหนาที่สุด ทำให้โม่แข็งแรงดีมาก และจากระบบไกที่แยกสปริงนกสับกับสปริงไก ให้ความรู้สึกในการเหนี่ยวไกเรียบลื่นดีกว่าโคลท์ ส่งผลให้ ชีฟ สเปเชียล ได้รับความนิยมอย่างสูง ต่อมาใช้รหัสรุ่นเป็น โมเดล 36
สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับปืนลูกโม่พกซ่อน คือหงอนนกสับมักเกี่ยวเสื้อที่คลุมทับ ทำให้ขลุกขลักเมื่อชักปืน โคลท์แก้ปัญหาด้วยการทำครอบนอกเป็นอุปกรณ์เสริม ส่วนสมิธฯ ทำโมเดล 38 “บอดีการ์ด”
(Bodyguard) โครงปืนครอบนกแบบถาวร, โมเดล 40 เซนเทนเนียล (Centennial) นกใน และ โมเดล 42 เซนเทนเนียล แอร์เวท (Air Weight) โครงอัลลอยด์น้ำหนักเบา เริ่มผลิตในช่วงปี ค.ศ. 1951-1953
ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ เรียกชื่อเต็มคือ โมเดล 642 เพาเวอร์พอร์ท (Power Port) เป็นวิวัฒนาการจาก โมเดล 42 ซึ่งเลข 6 หมายถึงวัสดุสเตนเลสส์ แต่เคลือบผิวดำด้านให้เหมาะกับบุคลิกปืนพกซ่อน ใช้โครง J ขนาดกระสุน .38 สเปเชียล จุห้านัด ลำกล้องสั้น ออกแบบสำหรับพกซ่อนโดยเฉพาะนกใน ส่งผลให้โครงปืนด้านหลังปิดทึบ ส่วนท้ายลาดตรงจากด้ามขึ้นสันปืนเพิ่มความคล่องตัว ปลายลำกล้องเจาะพอร์ทเพื่อลดอาการสะบัด ช่วยให้ยิงซ้ำได้เร็วขึ้น เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 2008 มีสิ่งที่ตัดออกจาก เซนเทนเนียล ของเดิมคือ ห้ามไกหลังอ่อน ซึ่งเมื่อดูจากน้ำหนักไกระดับสิบปอนด์ ห้ามไกตัวนี้ไม่จำเป็นแต่อย่างใดทั้งสิ้น และสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือกุญแจล็อกเหนือแป้นเปิดโม่ ตามมาตรฐานปืนสมิธฯ รุ่นหลัง ๆ ที่มีระบบนี้ตามกฎหมายบังคับ
ขนาดกระสุนที่สลักไว้บนลำกล้อง คือ .38 S&W SPL +P คือกระสุนที่แรงดันสูงกว่า .38 สเปเชียลปกติประมาณ 15% แรงสะบัดเพิ่มขึ้นตามส่วน ซึ่งลำกล้องเจาะพอร์ทของปืนรุ่นนี้ช่วยได้ชัดเจน อาการลำกล้องที่กระดกขึ้นหลังยิงน้อยกว่าแบบไม่เจาะชัดเจน
โดยรวม สมิธฯ แต่งพิเศษกระบอกนี้ เหมาะสำหรับพกซ่อนแบบมิดชิด การใช้งานคล่องตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องหางนก ไกดับเบิลล้วน แต่งเรียบลื่นดีมากจากโรงงาน น้ำหนักตัวอยู่ตรงกลางระหว่างปืนโครงเหล็กกับปืนโครงโพลิเมอร์ ยิงลูกแรงสูงได้นิ่มนวลดี มีคำเตือนสำหรับปืนเจาะพอร์ทคือ เมื่อยิงระดับเอวระวังก๊าซพ่นเข้าตา.
https://www.dailynews.co.th/article/284021/
.....................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 974 ลูกโม่นกในเจาะพอร์ต S&W 642 PowerPort
ในปี ค.ศ. 1899 ปืน สมิธฯ เอ็มพี (ตัวย่อของ Military & Police) เปิดตัวพร้อมกระสุนขนาด .38 สเปเชียล ถือได้ว่าปืนลูกโม่ได้พัฒนามาถึงจุดลงตัวที่สุด ก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ยี่สิบ ในฐานะปืนยอดนิยมของวงการตำรวจทั่วโลก ต่อมาเมื่อสมิธฯ ใช้ระบบเลขรหัสแทนชื่อรุ่น ปืนเอ็มพีได้รหัสเป็น โมเดล 10 จัดเป็นปืนมาตรฐานพกซองนอกของตำรวจเกือบทั่วโลก มีเพื่อนมาเสริมคือ โมเดล 15 ติดศูนย์ปรับได้
สำหรับงานอีกลักษณะหนึ่ง คือปืนพกซ่อนใช้ชายเสื้อทับไว้ คู่แข่งของสมิธฯ คือโคลท์ ทำปืน .38 สเปเชียลลำกล้องสั้นสองนิ้ว คือรุ่นดีเทคตีฟ ออกขายในปี ค.ศ. 1927 ซึ่งสมิธฯ ตอบโต้ด้วย เอ็มพี ลำกล้องสองนิ้ว แต่ตัวโม่ของสมิธฯ อวบหนากว่า พกไม่แนบเนียนเท่าโคลท์ สมิธฯ จึงออกแบบปืนโครงเล็ก โม่จุห้านัด ตัวโม่เล็กกว่า เอ็มพีถึง 5 มิลลิเมตร เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 1950 ในงานประชุมใหญ่ของตำรวจ ใช้โอกาสพิเศษนั้นตั้งชื่อรุ่นว่า “ชีฟ สเปเชียล” (Chief Special : ปืน ผบ.) ซึ่งโม่ของ ชีฟฯ ห้านัด มีร่องรับตัวล็อกอยู่ระหว่างสองช่องโม่ตรงเนื้อเหล็กหนาที่สุด ทำให้โม่แข็งแรงดีมาก และจากระบบไกที่แยกสปริงนกสับกับสปริงไก ให้ความรู้สึกในการเหนี่ยวไกเรียบลื่นดีกว่าโคลท์ ส่งผลให้ ชีฟ สเปเชียล ได้รับความนิยมอย่างสูง ต่อมาใช้รหัสรุ่นเป็น โมเดล 36
สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับปืนลูกโม่พกซ่อน คือหงอนนกสับมักเกี่ยวเสื้อที่คลุมทับ ทำให้ขลุกขลักเมื่อชักปืน โคลท์แก้ปัญหาด้วยการทำครอบนอกเป็นอุปกรณ์เสริม ส่วนสมิธฯ ทำโมเดล 38 “บอดีการ์ด”
(Bodyguard) โครงปืนครอบนกแบบถาวร, โมเดล 40 เซนเทนเนียล (Centennial) นกใน และ โมเดล 42 เซนเทนเนียล แอร์เวท (Air Weight) โครงอัลลอยด์น้ำหนักเบา เริ่มผลิตในช่วงปี ค.ศ. 1951-1953
ปืนนายแบบสัปดาห์นี้ เรียกชื่อเต็มคือ โมเดล 642 เพาเวอร์พอร์ท (Power Port) เป็นวิวัฒนาการจาก โมเดล 42 ซึ่งเลข 6 หมายถึงวัสดุสเตนเลสส์ แต่เคลือบผิวดำด้านให้เหมาะกับบุคลิกปืนพกซ่อน ใช้โครง J ขนาดกระสุน .38 สเปเชียล จุห้านัด ลำกล้องสั้น ออกแบบสำหรับพกซ่อนโดยเฉพาะนกใน ส่งผลให้โครงปืนด้านหลังปิดทึบ ส่วนท้ายลาดตรงจากด้ามขึ้นสันปืนเพิ่มความคล่องตัว ปลายลำกล้องเจาะพอร์ทเพื่อลดอาการสะบัด ช่วยให้ยิงซ้ำได้เร็วขึ้น เริ่มผลิตในปี ค.ศ. 2008 มีสิ่งที่ตัดออกจาก เซนเทนเนียล ของเดิมคือ ห้ามไกหลังอ่อน ซึ่งเมื่อดูจากน้ำหนักไกระดับสิบปอนด์ ห้ามไกตัวนี้ไม่จำเป็นแต่อย่างใดทั้งสิ้น และสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือกุญแจล็อกเหนือแป้นเปิดโม่ ตามมาตรฐานปืนสมิธฯ รุ่นหลัง ๆ ที่มีระบบนี้ตามกฎหมายบังคับ
ขนาดกระสุนที่สลักไว้บนลำกล้อง คือ .38 S&W SPL +P คือกระสุนที่แรงดันสูงกว่า .38 สเปเชียลปกติประมาณ 15% แรงสะบัดเพิ่มขึ้นตามส่วน ซึ่งลำกล้องเจาะพอร์ทของปืนรุ่นนี้ช่วยได้ชัดเจน อาการลำกล้องที่กระดกขึ้นหลังยิงน้อยกว่าแบบไม่เจาะชัดเจน
โดยรวม สมิธฯ แต่งพิเศษกระบอกนี้ เหมาะสำหรับพกซ่อนแบบมิดชิด การใช้งานคล่องตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องหางนก ไกดับเบิลล้วน แต่งเรียบลื่นดีมากจากโรงงาน น้ำหนักตัวอยู่ตรงกลางระหว่างปืนโครงเหล็กกับปืนโครงโพลิเมอร์ ยิงลูกแรงสูงได้นิ่มนวลดี มีคำเตือนสำหรับปืนเจาะพอร์ทคือ เมื่อยิงระดับเอวระวังก๊าซพ่นเข้าตา.
https://www.dailynews.co.th/article/284021/
.....................................
ดร.ผณิศวร ชำนาญเวช