บริษัท “วัลเนวา” จากฝรั่งเศสเปิดผลทดลองวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายตัวใหม่ ชี้ประสิทธิภาพดีเท่า “แอสตร้าฯ” แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า
เมื่อวันจันทร์ (18 ต.ค.) บริษัทวัลเนวา (Valneva SE) เผยผลทดลองเฟส 3 วัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย “VLA2001” ว่า มีประสิทธิภาพ “เทียบเท่าหรืออาจจะดีกว่า” วัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
วัลเนวาเป็นหนึ่งในบริษัทที่พัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยเลือกใช้เทคโนโลยีวัคซีนเชื้อตายมากกว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง mRNA และคาดหวังว่า จะเป็นทางเลือกให้กับชาวยุโรปที่ยังลังเลที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยทำการทดลองเปรียบเทียบวัคซีนของตัวเองกับวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้า
การทดลองเปรียบเทียบวัคซีนดังกล่าวดำเนินในอาสาสมัคร 4,672 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 4,012 คน และวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี 660 คน โดย 1,040 คนในกลุ่มผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด ถูกแยกไปศึกษาเรื่องผลข้างเคียงต่างหาก
ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่อายุมากกว่า 30 ปีที่เหลือ 2,972 คน ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เป็นกลุ่มได้รับวัคซีน VLA2001 จำนวน 1,977 คน และได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 995 คน ฉีด 2 เข็มห่างกัน 28 วันเท่ากัน
จากนั้นสุ่มตัวอย่างจากอาสาสมัคร 990 คน (492 คนได้วัลเนวา 498 คนได้แอสตร้าฯ) พบว่า วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวากระตุ้นแอนติบอดีชนิด Neutralizing Anibody ได้มากกว่าแอสตร้าเซเนก้าราว 40%
อดัม ฟินน์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล และหัวหน้านักวิจัยของการทดลองวัคซีนโควิด-19 VLA2001 กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวากระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแนะนำว่าการป้องกันโควิด-19 ในแง่ของการตอบสนองของแอนติบอดีจะไม่ด้อยกว่าวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าอย่างแน่นอน
อดัม ฟินน์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล และหัวหน้านักวิจัยของการทดลองวัคซีนโควิด-19 VLA2001 กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวากระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแนะนำว่าการป้องกันโควิด-19 ในแง่ของการตอบสนองของแอนติบอดีจะไม่ด้อยกว่าวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าอย่างแน่นอน
เพื่อความมั่นใจมากขึ้น การทดลองของวัลเนวาได้ดำเนินการในขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่แพร่เชื้อได้ง่ายและรุนแรงกำลังระบาดอยู่
การศึกษายังแสดงให้เห็นว่า วัคซีนโควิด-19 วัลเนวาซึ่งใช้ 2 โดส ห่างกัน 28 วัน ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นปวดแขนหรือมีไข้
นอกจากนี้ ในกลุ่มวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 18 ปีก็พบว่ามีประสิทธิภาพดีใกล้เคียงกับที่ทดลองในผู้ใหญ่ ไม่มีผลขางเคียงร้ายแรง
โฆษกของรัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจยกเลิกคำสั่งจองวัคซีนวัลเนวา 100 ล้านโดสไปเนื่องจากไม่แน่ใจว่าวัคซีนจะผ่านการรับรองโดยหน่วยกำกับดูแลยาของอังกฤษหรือไม่และมีปัญหาเรื่องการละมเดสัญญาบางอย่าง และผลทดลองล่าสุดนี้ก็อาจไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของรัฐบาลได้ แต่อย่างไรหน่วยงานกำกับดูแลยาของอังกฤษจะตรวจสอบประสิทธฺภาพวัคซีนเองอีกครั้งเมื่อได้รับข้อมูลการทดลองทั้งหมด
วัลเนวากล่าวว่า มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งข้อมูลให้หน่วยงานกำกับดูแลยาอังกฤษพิจารณาในเดือน พ.ย. เพื่อขออนุมัติใช้ภายในสิ้นปีนี้ และหวังว่าจะได้รับการอนุมัติใช้จากสหภาพยุโรปภายในสิ้นเดือน มี.ค. ปีหน้า
ฟินน์กล่าวว่า “ข้อมูลภูมิคุ้มกัน ณ ตอนนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบซ้ำโดยผู้เชี่ยวชาญ ชี้ในเบื้องต้นว่า อย่างน้อยวัคซีน VLA2001 ก็มีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่าหรืออาจดีกว่าแอสตร้าเซเนก้า ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยโควิด-19 รุนแรง เช่นเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์”
นอกจากนี้ วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวายังสามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ซึ่งเป็นข้อดีของวัคซีนชนิดเชื้อตาย ทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บและขนส่ง
ต้องติดตามกันต่อไปว่า ในช่วงเวลาที่วัคซีนโควิด-19 หลายแบรนด์หลายยี่ห้อประสบความสำเร็จกันไปไม่น้อยแล้วนี้จะยังเหลือที่ยืนให้กับวัคซีนยี่ห้ออื่นที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาหรือไม่
สำหรับประเทศไทยเอง แนวโน้มจะได้ใกล้ชิดวัคซีนของวัลเนวาอาจมีน้อย เพราะบริษัทผู้ผลิตมุ่งเน้นตลาดในอังกฤษและสหภาพยุโรปมากกว่า
ที่มา :
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/158748?fbclid=IwAR3ZaqELw65PToYeZWohlWEAKx6A8Sq_L_TX7sxvF-UK0rcLbtG80xF_I5Q
วัคซีนเชื้อตายตัวใหม่จากฝรั่งเคส Valneva ( VLA2001 ) ดีเท่า AZ แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า
บริษัท “วัลเนวา” จากฝรั่งเศสเปิดผลทดลองวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายตัวใหม่ ชี้ประสิทธิภาพดีเท่า “แอสตร้าฯ” แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า
เมื่อวันจันทร์ (18 ต.ค.) บริษัทวัลเนวา (Valneva SE) เผยผลทดลองเฟส 3 วัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย “VLA2001” ว่า มีประสิทธิภาพ “เทียบเท่าหรืออาจจะดีกว่า” วัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า และมีผลข้างเคียงน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
วัลเนวาเป็นหนึ่งในบริษัทที่พัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยเลือกใช้เทคโนโลยีวัคซีนเชื้อตายมากกว่าเทคโนโลยีใหม่อย่าง mRNA และคาดหวังว่า จะเป็นทางเลือกให้กับชาวยุโรปที่ยังลังเลที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยทำการทดลองเปรียบเทียบวัคซีนของตัวเองกับวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้า
การทดลองเปรียบเทียบวัคซีนดังกล่าวดำเนินในอาสาสมัคร 4,672 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 4,012 คน และวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี 660 คน โดย 1,040 คนในกลุ่มผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี และกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมด ถูกแยกไปศึกษาเรื่องผลข้างเคียงต่างหาก
ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่อายุมากกว่า 30 ปีที่เหลือ 2,972 คน ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เป็นกลุ่มได้รับวัคซีน VLA2001 จำนวน 1,977 คน และได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 995 คน ฉีด 2 เข็มห่างกัน 28 วันเท่ากัน
จากนั้นสุ่มตัวอย่างจากอาสาสมัคร 990 คน (492 คนได้วัลเนวา 498 คนได้แอสตร้าฯ) พบว่า วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวากระตุ้นแอนติบอดีชนิด Neutralizing Anibody ได้มากกว่าแอสตร้าเซเนก้าราว 40%
อดัม ฟินน์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล และหัวหน้านักวิจัยของการทดลองวัคซีนโควิด-19 VLA2001 กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวากระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแนะนำว่าการป้องกันโควิด-19 ในแง่ของการตอบสนองของแอนติบอดีจะไม่ด้อยกว่าวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าอย่างแน่นอน
อดัม ฟินน์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล และหัวหน้านักวิจัยของการทดลองวัคซีนโควิด-19 VLA2001 กล่าวว่า วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวากระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และแนะนำว่าการป้องกันโควิด-19 ในแง่ของการตอบสนองของแอนติบอดีจะไม่ด้อยกว่าวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าอย่างแน่นอน
เพื่อความมั่นใจมากขึ้น การทดลองของวัลเนวาได้ดำเนินการในขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่แพร่เชื้อได้ง่ายและรุนแรงกำลังระบาดอยู่
การศึกษายังแสดงให้เห็นว่า วัคซีนโควิด-19 วัลเนวาซึ่งใช้ 2 โดส ห่างกัน 28 วัน ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นปวดแขนหรือมีไข้
นอกจากนี้ ในกลุ่มวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 18 ปีก็พบว่ามีประสิทธิภาพดีใกล้เคียงกับที่ทดลองในผู้ใหญ่ ไม่มีผลขางเคียงร้ายแรง
โฆษกของรัฐบาลอังกฤษ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจยกเลิกคำสั่งจองวัคซีนวัลเนวา 100 ล้านโดสไปเนื่องจากไม่แน่ใจว่าวัคซีนจะผ่านการรับรองโดยหน่วยกำกับดูแลยาของอังกฤษหรือไม่และมีปัญหาเรื่องการละมเดสัญญาบางอย่าง และผลทดลองล่าสุดนี้ก็อาจไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของรัฐบาลได้ แต่อย่างไรหน่วยงานกำกับดูแลยาของอังกฤษจะตรวจสอบประสิทธฺภาพวัคซีนเองอีกครั้งเมื่อได้รับข้อมูลการทดลองทั้งหมด
วัลเนวากล่าวว่า มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งข้อมูลให้หน่วยงานกำกับดูแลยาอังกฤษพิจารณาในเดือน พ.ย. เพื่อขออนุมัติใช้ภายในสิ้นปีนี้ และหวังว่าจะได้รับการอนุมัติใช้จากสหภาพยุโรปภายในสิ้นเดือน มี.ค. ปีหน้า
ฟินน์กล่าวว่า “ข้อมูลภูมิคุ้มกัน ณ ตอนนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบซ้ำโดยผู้เชี่ยวชาญ ชี้ในเบื้องต้นว่า อย่างน้อยวัคซีน VLA2001 ก็มีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่าหรืออาจดีกว่าแอสตร้าเซเนก้า ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการป่วยโควิด-19 รุนแรง เช่นเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์”
นอกจากนี้ วัคซีนโควิด-19 ของวัลเนวายังสามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิตู้เย็น (2-8 องศาเซลเซียส) ซึ่งเป็นข้อดีของวัคซีนชนิดเชื้อตาย ทำให้ง่ายต่อการจัดเก็บและขนส่ง
ต้องติดตามกันต่อไปว่า ในช่วงเวลาที่วัคซีนโควิด-19 หลายแบรนด์หลายยี่ห้อประสบความสำเร็จกันไปไม่น้อยแล้วนี้จะยังเหลือที่ยืนให้กับวัคซีนยี่ห้ออื่นที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาหรือไม่
สำหรับประเทศไทยเอง แนวโน้มจะได้ใกล้ชิดวัคซีนของวัลเนวาอาจมีน้อย เพราะบริษัทผู้ผลิตมุ่งเน้นตลาดในอังกฤษและสหภาพยุโรปมากกว่า
ที่มา : https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8/158748?fbclid=IwAR3ZaqELw65PToYeZWohlWEAKx6A8Sq_L_TX7sxvF-UK0rcLbtG80xF_I5Q