คิดถึงเกาหลี ชวนเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีทิพย์

ตอนนี้เข้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีของเกาหลีแล้วนะครับ อดคิดถึงเกาหลีไม่ได้เลย แถมปีนี้ก็ไม่น่าจะไปได้อีก เลยขอเอาทริปเก่าเมื่อสี่ปีที่แล้ว เป็นทริปล่าใบไม้เปลี่ยนสีตามเทือกเขาในเกาหลีมารีวิวสั้นๆ พร้อมวิธีเดินทางและปารูปรัวๆ เอา เพราะผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว จำรายละเอียดได้ไม่ค่อยครบครับ

ทริปนี้เริ่มต้นจากความอยากดูใบไม้เปลี่ยนสี ขอแบบครั้งเดียวจุกไปเลยครับ ตอนนั้นเลยตั้งใจว่าจะขึ้นเขาซักห้าลูก เอาที่เค้ารีวิวกันว่าใบไม้สวยจริงๆ แต่สุดท้ายไปจริงได้แค่สามลูกครับ เพราะใบไม้ปีนั้นดันเปลี่ยนสีเร็วกว่าที่คาดไว้กว่าครึ่งเดือน ตั๋วครึ่งบินก็จองไปแล้ว แพลนเลยมาจบที่ จีรีซาน (Jirisan) แทดุนซาน (Daedunsan) และแนจังซาน (Naejangsan) ครับ 

[ก่อนอื่นขออภัยเรื่องฝีมือการถ่ายรูปเช่นเคยนะครับ] 

มาเริ่มต้นทริปกันที่จีรีซาน กันก่อนเลย การเดินทางไปจีรีซานค่อนข้างสะดวกครับ ถ้าขับรถไปเอง แต่ผมใช้เดินทางสาธารณะเอา เลยเลือกเมืองนัมวอนเป็นที่พัก (ห่างจากโซลด้วย KTX ประมาณ 2 ชม.) ก่อนที่จะเดินทางไปขึ้นเขาจีรีซานผ่านเส้นทางชื่อ Baemsagol Valley (뱀사골 계곡)

ผมออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า จากแถวที่พัก โดยนั่งรถเมลสาย 142 รวมเวลารอรถและเส้นทางตามเขาตามหมู่บ้านไปเรื่อย ถึงปากทางขึ้นเขาประมาณเกือบ 9.00 น. จึงเริ่มเดินขึ้นเขาครับ ตอนนั้นโชคดีนิดนึง เพราะบนรถเมล์เหลือแค่ผมคนเดียว ลุงคนขับรถเลยเอาไปหย่อนไว้หน้าทางเข้าให้ ทั้งที่จริงป้ายรถจะอยู่ก่อนหน้านั้น ส่วนขากลับนั่งรถกลับทางเดิม สายเดิมครับ

มาแชร์รูปกันเลย

จุดนี้อยู่บริเวณที่พักในเมืองนัมวอนครับ ติดกับแม่น้ำสายหลักของเมือง ข้างๆ เป็นโบสถ์คริสต์และสะพานข้ามแม่น้ำชื่อ สะพานชุงฮยังคโย (충향교) ป้ายรถเมล์สาย 142 อยู่ตรงข้างๆ โบสถ์ครับ


Mua Guesthouse (ใน Naver ชื่อขึ้นเป็น Mua Hanok Guesthouse)



เส้นทางขึ้นจีรีซานมีหลายทางมากครับ แต่ผมเลือกเส้นที่ตามรีวิวมาว่าสวยและสามารถเดินไปกลับได้ในวัน เลยจบที่เส้นทาง Baemsagol Valley เส้นทางเดินกับความชันไม่โหดเท่าไหร่ครับ (จากรูป) เดินถึงยอดชื่อ Hwagaejae Pass รวม 8 กม. นิดๆ โดยจาก Hwagaejae สามารถเดินต่อไปยังสันเขาและยอดอื่นๆ ได้ครับ แต่ติดตรงที่อาจจะต้องค้างคืนบนเขาเพื่อเดินให้ครบเส้นทาง


เส้นทางส่วนใหญ่ที่เดินจะมีใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทาง และเลียบลำธารหินไปเรื่อยๆ ครับ


การเดินจีรีซานนี่ให้ประสบการณ์ชีวิตอย่างนึงคือ อย่าลืมเตรียมของให้พร้อมก่อนขึ้นเขานะครับ เพราะตอนนั้น "ลืมน้ำ!" จะไม่กินเลยก็ไม่ไหว เพราะระยะทางขึ้นเขาขาเดียวประมาณ 8 กม. ไม่มีของขายระหว่างทางด้วย เลยต้องไปกินน้ำจากน้ำตกเอา แปลกใหม่ดีเหมือนกันครับ

การเดินทาง: นั่ง KTX จากโซลมานัมวอนได้เลยครับ


เส้นสีเขียวคือเส้นทางวิ่งของรถเมล์สาย 142


ก่อนเดินทางไปเมืองถัดไป ขอแถมเรื่องอาหารนิดนึงครับ เมนูขึ้นชื่อของนัมวอนคือ "ชู-ออ-ทัง" กินแล้วเหมือนแกงส้มที่โขลกปลาลงไปเยอะๆ กินกับปลาทอดตัวเล็กๆ อร่อยดีครับ แต่ต้องขออภัยด้วยที่ลืมถ่ายรูปครับ ตอนนั้นเพิ่งลงเขา หิวมาก เลยขอลงรูป "จั้มป้ง" ข้างๆ เกสเฮาส์แทนนะครับ อร่อยเหมือนกัน 



มาต่อกันที่ลูกที่สอง แทดุนซาน กันดีกว่าครับ

เมืองถัดไปที่ใช้พักก่อนเดินทางไปแทดุนซานคือเมืองแดจอน (Daejeon) ครับ เมืองนี้เมืองใหญ่สะดวกสบาย มีใต้ดิน ที่ช็อปปิ้งครบ พอดีตอนนั้นเดินทางคนเดียว เลยพบว่า วิธีการหาที่พักแบบห้องดี พื้นที่เยอะ ราคาไม่แพง เดินทางสะดวก คือการนอน "โมเต็ล" ครับอันนี้แนะนำเลย หาได้ใน booking แล้วดูจากลักษณะห้อง หรือจากภายนอกจะรู้ได้เลยว่า เอาโมเตลมาเปลี่ยนเป็นห้องพักโรงแรมแน่นวล เช่น ทางเข้าจอดรถมีม่านที่ทำจากเชือก หรือในห้องพักมีอ่างล้างมือข้างๆ เตียง 5555 จองได้เลยครับ รับรองว่า สะอาด หรูหรา ราคาประหยัด แถมอุปกรณ์ครบและไม่มีเสียงจากห้องข้างๆ แน่นอน (อุตสาหกรรมนี้ในเกาหลีแข่งขันกันสูงมากครับ) 

ห้องนี้ตอนจองราคาคืนละประมาณ 1100-1200 บาทเท่านั้นครับ ฟรีเซ็ตอุปกรณ์ครบชุด



การเดินทางไปแทดุนซานจากที่พักรอบนี้ต้องนั่งรถเมล์สองต่อครับ จากที่พักไปตัวเมือง ลงบริเวณสี่แยกซานซอง (산성네거리) จากนั้นนั่งรถเมล์สาย 34 ยาวๆ 2 ชม. จะมาถึงปากทางเข้าแทดุนซานครับ มีลักษณะเป็นปั้มน้ำมันและจุดพักรถ
 
ตรงจุดปากทางเข้านี้มี zipline ด้วยนะครับ เป็น zipline ที่ระยะทางรวมยาวที่สุดในเกาหลีด้วย เลยลองเล่นไปทีนึงครับ วิวสวยจริงๆ เส้นที่ยาวที่สุดยาวเป็นกิโลเลย ยิ่งถ้าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี่อากาศดีมากครับ อาจจะลำบากนิดนึงสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคือ คนให้บริการ zipline ตอนนั้น พูดอังกฤษได้น้อยมากครับ แต่เรื่องการใช้อุปกรณ์ก็ภาษามือกันไป เข้าใจไม่ยากครับ 

จุดนี้เป็นวิวที่เห็นได้จาก zipline ครับ


หลังจากที่เล่น zipline เสร็จ ก็เตรียมเดินทางไปขึ้นกระเช้าที่แทดุนซานต่อครับ จากจุดพักรถเข้าไปที่ทางขึ้นเขาและกระเช้า จากที่สอบถามพนักงาน zipline แล้วพบว่า ต้องเดินเข้าไปเท่านั้นครับ ระยะทาง 1 กม. แต่ตอนนั้นโชคดีอีกครั้ง คือคุณลุงที่เล่น zipline ด้วยกันมีรถแล้วจะไปขึ้นเขาพอดีเหมือนกัน เค้าเลยให้ติดรถมาที่ทางขึ้นกระเช้าด้วยครับ น้ำใจระหว่างการท่องเที่ยวนี่ทำให้ใจชื้นดีนะครับ 

มุมขายของแทดุนซานหลักๆ คือสะพานแขวนครับ เดินขึ้นต่อมาอีกเล็กน้อยหลังขึ้นมาจากกระเช้า อาจมีรูปให้ดูไม่มากนะครับ พอดีกลัวความสูงครับ ขาสั่น มือสั่น 555


บริเวณจุดขึ้นลงกระเช้ามีพาจอนขายด้วย แต่แอบแพง ไม่ได้อร่อยอะไรเป็นพิเศษด้วยครับ


เสียดายมากที่สุดตอนนั้นคือไม่ได้เดินขึ้นไปจุดชมวิวด้านบนของแทดุนซานครับ เนื่องจากตอนนั้นไม่ไหวจริงๆ ร่างกายไม่ได้วอร์มก่อนขึ้นจีรีซาน แล้วเว้นแค่วันเดียวมาแทดุนเลย ทำให้วันนั้นปวดขาระดับพีคเลยครับ แค่บันไดกับเนินก็ไม่ไหวละ อ้วนด้วยแหล่ะ 555 

ส่วนขากลับก็กลับทางเดิมนะครับ แต่รอบนี้ไม่มีรถเลยต้องเดินออกมา 1 กม. เพื่อมาขึ้นรถเมล์สาย 34 ที่จุกพักรถครับ


เมืองแดจอนมีที่เที่ยวกับของอร่อยเยอะอยู่นะครับ แนะนำให้ลองมาเที่ยวกันดู อันนี้ขอลงภาพของกินเล็กน้อย ก่อนจากเมืองนี้ไปครับ

มื้อแรกที่ถึงแทจอนก็จัดหนักด้วยหมูย่าง คนเดียวกับเซ็ตรวมหมู 6 ขีด


ตามด้วยซุปซอลลองทัง (ซุปใส ใส่วัว ใส่เส้น) เค้าว่ากินเพื่อสุขภาพ


แล้วปิดท้ายเมืองแดจอนด้วย "ยุกแกจัง" อันนี้เป็นเหมือนของโปรดที่ต้องหากินทุกครั้งที่มาเที่ยวเลย อยากลองกินของคุณยายกัมรี เหมือนกันนะครับ 555


ก่อนจะไปถึง "แนจังซาน" ผมมีแวะเที่ยวเมืองชอนจู (Jeonju) กับเดินเขาชื่อ "โมอั้กซาน" เพื่อวอร์มร่างกายนิดหน่อยครับ ใบไม้เปลี่ยนสีบนเขาถือว่าธรรมดา ไม่มีอะไรว้าว แต่สำหรับคนชอบแนวสงบเงียบ เดินท่ามกลางธรรมชาติ โมอั้กซานก็น่าสยใจอยู่ครับ 90% ของการเดิน ไม่มีเพื่อนร่วมทางเลย ไปเจอแค่จุดชมวิวด้านบนซะส่วนใหญ่ และเขานี้เดินข้ามเมืองได้ครับขึ้นเมืองนึง ลงจากอีกเมืองนึง 

วิวจากโมอั้กซานจะได้ประมาณนี้ครับ


แถมเพิ่มระหว่างทางอีกนิด เผื่อคนที่มีโอกาสแวะไปเมืองชอนจู นักท่องเที่ยวน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แม้แต่คนเกาหลีเองก็ชอบมาใส่ชุดฮันบก เดินเที่ยวหมู่บ้านโบราณสไตล์ฮันอกกัน แต่ผมอยากแน่นำสิ่งที่น่าสนใจของเมืองนี้เพิ่มเติมอีกสองอย่างครับ คือในส่วนของตลาดกับ "ถนนมักก็อลลี" (Samcheondong Makgeolli Alley) ตลาดก็สไตล์เกาหลีทั่วไปครับ มีของกินกร่อยๆ แต่มักก็อลลีนี่อยากให้เป็น a must เลยครับ เพราะร้านมักก็อลลีของที่ชอนจูจะเสิร์ฟเครื่องเคียงแบบอลังการ หาไม่ได้จากที่เมืองอื่น ถ้ากินสองคนจะได้ประมาณเกือบ 20 อย่าง แต่ถ้ามาหลายคนกว่านั้นอาจ 20++ ได้เลยครับ เลือกกินไม่ถูกเลยทีเดียว ผมอยากลงรูปให้ดูนะ แต่ถ่ายทันแต่ซาก คราวหน้าจะห้ามใจให้ดีกว่านี้ครับ

การเดินทางมาถนนมักก็อลลี นั่งรถเมล์จากหมู่บ้านฮันอกประมาณ 20 นาทีครับ เดินอีกนิดหน่อยก็ถึงละ เลือกร้านกันตามชอบเลยย

บริเวณสีชมพูอ่อน (From) คือหมู่บ้านฮันอกครับ รถเมล์มีให้เลือกประมาณ 3 สายแล้วแต่จุดที่ขึ้น


จากนั้นพอลงรถเมล์แล้ว เดินต่อมาทางหัวโค้งอีกเล็กน้อยประมาณ 5 นาที จะเป็นร้านมักก็ลลีทั้งซอยเลยครับ


ต่อในเม้นนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่