.
ไดอารี่ความคิดถึง
“ลุก ๆ! สวยแล้ว ๆ ลุกแต่งโตไปนาไปหาเกี่ยวข้าวซอยยาย” ยายเดินเข้ามาเปิดมุ้งปลุกให้เธอกับน้องบีมตื่น วันนี้ตากับยายจะพาเกี่ยวข้าวดอ ยายไม่ยอมผละจากไปถ้าพวกเธอสองคนยังไม่ตื่น “ลุกแหมะบอส! ไปเกี่ยวข้าวซอยยายให้มันแล้ว มันสิแห้งก่อนหนิ” ยายยืนปลุกเธอให้ตื่น สุดท้ายเธอกับน้องบีมก็ต้องจำยอมลุกจากที่นอนแต่โดยดี ส่วนพี่ ๆ นั้นตื่นตั้งนานแล้ว
“คือว่าปลายเดือนจังเกี่ยว” บอสลุกขึ้นนั่งค่อนขอดให้ยายนิดหน่อย ลุกนั่งทรงตัวก่อนจะลุกเดินออกจากที่นอน
“กะว่าสิเกี่ยวปลายเดือนนั่นล่ะ ตาว่ามันพอเกี่ยวคักแล้ว รอปลายเดือนมันสิแห้งขอบก่อน ลุกแหมะบีม! โอ้ยน้อ… ลุกนั่งแล้วยังล้มลงป่องง่องนอนอีกอยู่” ยายหันไปดุน้องบีม จากนั้นพวกเธอสองคนจึงลุกจากที่นอนไปในที่สุด เดินออกจากห้องนอนของยายไปอาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อย
วันนี้ครอบครัวของเธอจะไปนาเกี่ยวข้าวดอกัน พอเธอกับน้องบีมแต่งตัวเสร็จยายก็พาออกเดินทางกันเลย ไปกินข้าวเช้าที่นาจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ ส่วนตาพาวัวล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ยายเตรียมอุปกรณ์ให้ทุกคนครบมือ ข้าวดอไม่กี่ไร่สองวันก็น่าจะเสร็จ
“ไป ๆ ไปส่งกันก่อนจังกลับมาฮับเอายายผู้นึง” ยายกล่าว เนื่องจากมอเตอร์ไซค์ซ้อนไปนาไม่ครบจำนวนคน ยายจึงให้พวกเธอนั่งไปก่อน แล้วให้คนใดคนหนึ่งกลับมารับยายอีกที
“เดี๋ยวบอมกลับมาฮับยาย” พี่บอมเป็นคนอาสาจะกลับมารับยายเอง
“ไปพากันไปได้แล้วสวยแล้ว ไปฮอดหาพาข้าวลงซูตากินเลยเด้อบ่ต้องถ่ายาย” ยายกำชับอีกครั้ง
“จ้า!” พวกเธอขานรับ จากนั้นพวกเธอทั้งหกคนพี่น้องจึงขับรถไปนา เหลือยายแค่คนเดียวที่รออยู่ที่บ้าน บอสนั่งซ้อนสามไปกับพี่แป้งพี่ปาว ส่วนน้องบีมนั่งไปกับพี่บอมพี่บอล สักพักก็มาถึงนา เห็นตานั่งรออยู่บนเถียงจักตอกมัดข้าวรอ
“มาพากันออกมาสวยแถะ ยามไฮ่ยามนามาสวยปานหนิสิทันกิน” ตาบ่นทว่าก็ไม่ได้อะไร พวกเธอห้าคนขึ้นมานั่งบนเถียงกับตา ส่วนพี่บอมกลับไปรับยาย พี่ปาวกับพี่แป้งและเธอกุลีกุจอเอากับข้าวที่ยายเตรียมไว้ให้ออกมาวาง เพื่อเตรียมทานข้าวเช้ากัน ตาก็ยังไม่ได้ทานเลย ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งยังไม่สายเท่าไหร่ แต่ตาบ่นว่าสายเสียอย่างนั้น
“ตามากินข้าวอี่ยายบอกว่ากินก่อนเลย” พี่แป้งบอกกับตา ส่วนตานั่งจักตอกแบบไม่รีบร้อนเช่นกัน
“ถ่ายายซาก่อน! ยายบ่ทันมาอยู่หาพาข้าวลงล่ะ” ตาบ่น
“เอ๋า! อี่ยายบอกหาลงเลยน้อ นั่นเด้มาล่ะ” บอสพูดกับตา ไม่ทันไรยายกับพี่บอมก็มาถึง จากนั้นพวกเธอก็ทานมื้อข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาบนเถียงนา กับข้าวยายทำมาจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ มาถึงนาจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาทำกับข้าวอีก ส่วนมื้อเที่ยงค่อยว่ากันอีกที
ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวทำให้มีผู้คนมานากันมากมาย ด้วยความที่นาของเธอติดกับถนน มีรถของคนที่นาอยู่โซนทางนี้วิ่งผ่านไม่ขาดสาย ทำให้ยายเที่ยวเอ่ยทักทายคนที่รู้จักไม่ขาดระยะ ๆ บางทียายไม่ทักคนที่ขับรถวิ่งผ่านก็ร้องทักอยู่อย่างนั้น ทำให้ทานข้าวไปด้วยตะโกนทักทายผู้คนไปด้วย ทำเอาพวกเธอนึกตลกหัวเราะยายเช่นกัน
“เฮือนติดถนนมันเป็นจังสิบ่ว่ะ เฮ้อเฮอ“ ยายพูดประชดปนหัวเราะ ด้วยความที่คร้านจะตะโกนทักทายคนรู้จักแล้ว เถียงนาอยู่ติดกับถนนหลักเลย ส่วนบ้านของเธออยู่ในซอย เป็นบ้านหลังสุดท้ายอยู่ก้นซอยทว่าที่นาดันติดถนนเสียนี่
พอทานข้าวเช้าเสร็จทุกคนก็เตรียมตัวลงไปเกี่ยวข้าว ตากับยายปลูกไว้ที่ปลายนาติดกับลำห้วยนู่น น้องบีมกับพวกเธอสวมหมวกคนละใบ สวมถุงเท้าถุงมือเสื้อแขนยาวเสร็จสรรพ น้องบีมก็เกี่ยวข้าวเป็นแล้ว ยายก็ให้ช่วยทำไม่ห้ามและไม่บังคับ ส่วนพวกเธอที่เหลือยายบังขับให้ทำ ช่วย ๆ กันจะได้เสร็จเร็ว ๆ
ในการเกี่ยวข้าวดอเกี่ยวเสร็จยายจะใช้วิธีการนวดด้วยมือ ที่บ้านของเธอมีอุปกรณ์นวดข้าวด้วยมือตาทำเอาไว้ ส่วนข้าวใหญ่ตาถึงจะใช้รถนวด เพราะมันเยอะมาก นวดมือใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ อีกอย่างไม่มีคนมาช่วยนวดด้วย เพราะทุกวันนี้นิยมใช้รถนวดข้าวทั้งนั้น
“บีมเอาหนิเอาเกี่ยวตัวหนิ เอาตัวนั่นมาให้ยาย มันคมคักมันสิบาดมือ เอาตัวหนิมันจังบ่ค่อยคม” ยายขอแลกเคียวเกี่ยวข้าวกับน้องบีม เนื่องจากเคียวที่น้องบีมเลือกมันเป็นเคียวของตา ซึ่งมันเงาวับมาก ยายจึงขอเปลี่ยน เอาเคียวตัวที่มีสนิมนิดหน่อยให้กับน้องบีมไป เพราะไม่คาดหวังกับน้องบีมอยู่แล้ว แค่ช่วยทำเล่น ๆ ไปเท่านั้น
“เอ๋าอี่ยาย! น้องบีมคือได้อันบ่เข้าหั่น น้องบีมกะเกี่ยวข้าวบ่ได้” น้องบีมค่อนขอดให้ยาย หาว่ายายนำเคียวไม่คมมาให้ตนเอง บอสแอบหัวเราะให้น้องสาวกับยาย ใครว่าน้องบีมไม่รู้เรื่องผู้ใหญ่
“ผู้ใดว่ามันบ่เข้า! ลองเอาไปเกี่ยวหญ้าเบิ่งขั้นบ่ปาดขาดซะล่ะ” ยายพูดเป็นจริงเป็นจังด้วยไม่อยากให้น้องบีมใช้เคียวของตา “เกี่ยวตามันคม มันสิบาดมือ บาดนิ้วขาดล่ะบ่ได้ผัวนำเขาใหญ่มา” ยายพูดกับหลานสาวคนเล็ก ทำเอาพวกเธอหัวเราะลั่นทุ่งนากันเลย ทว่าเจ้าตัวก็เชื่อยายไปอีกตามประสาเด็ก
“หือฟ้าวไป! คาตะเว้าเล่นกันอยู่ฮั่น สิได้เกี่ยวบ่ข้าว” ตาเอ็ดยายกับพวกเธอ จากนั้นยายก็นำพวกเธอเดินไปยังปลายนา ส่วนตาจะตามมาช่วยทีหลังเพราะต้องดูวัว งานเกี่ยวข้าวเป็นงานของยาย ส่วนตาว่างจากดูวัวถึงจะมาช่วยเกี่ยว และ พอเกี่ยวเสร็จตาถึงจะเป็นคนมามัดข้าวและนำข้าวไปนวดเอง
“คนละไฮ่กับยายเด้อ บีมเกี่ยวซอยยาย เอาให้มันแล้วมื้ออื่นเฮา ข้าวสิขอบก่อนได้ตี” ยายกำชับ มาถึงยายก็จัดแจงแบ่งงานให้พวกเธอเลย งานเกี่ยวข้าวสบาย ๆ อยู่แล้ว ยกเว้นดำนา! เธอไม่อยากทำและไม่ทำด้วย กลัวไส้เดือนเป็นที่สุด
“บ่! อี่ยายบีมสิเกี่ยวนำพี่ปาวกับพี่บอส”
“แล้วแต่สั่น ยายเกี่ยวคนเดียวกะได้ เอาให้มันแล้ว” ยายเล่นกับน้องบีม ส่วนพวกเธอห้าคนพี่น้องก็ลงลุยเกี่ยวข้าวก่อนยายเลย
โชคดีที่ตากับยายทำนาดำ และ ดูแลหญ้าอะไรต่าง ๆ นานาอยู่เป็นประจำ ทำให้เกี่ยวง่าย ไม่ค่อยมีหญ้าปน ปัญหาในการเกี่ยวข้าวเห็นจะเป็นตรงข้าวล้มระเนระนาดเท่านั้น
พอเจอข้าวล้มเธอปวดใจที่สุด มันเป็นจุดสะกัดดาวรุ่งเลยก็ว่าได้ ปวดหลังด้วยเพราะต้องค่อย ๆ ทำ เนื่องจากข้าวมันล้มทับกันนั่นแหละ ล้มไปทางเดียวกันยังพอทำเนา ตรงไหนที่ล้มไขว้กันนั่นแหละตัวปัญหา
พี่บอมกับพี่บอลช่วยกันสองคนอีกไร่ ยายเกี่ยวคนเดียวอีกไร่ ส่วนเธอกับพี่แป้งพี่ปาวและน้องบีมช่วยกันอีกไร่ เกี่ยวฟรีสไตล์แค่ขอให้เสร็จทันพรุ่งนี้ก็พอ ส่วนน้องบีมนั้นวิ่งไปวิ่งมา เดี่ยวก็ไปหาพี่ชายสองคน เดี๋ยวก็ไปช่วยยายอยู่อย่างนั้น ยายก็ไม่ว่าอะไร
สาย ๆ มาแดดเริ่มออกทำให้อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ยังมีลมพัดมาให้ความเย็น บรรยากาศท้องทุ่งนาเงียบสงบ มีลมพัดแห้ง ๆ ให้ความรู้สึกว่ากำลังคืบคลานเข้าสู่หน้าหนาว มองไปไกล ๆ เห็นผู้คนกำลังเกี่ยวข้าวอยู่เหมือนกัน สำหรับคนที่ปลูกข้าวดอเหมือนตา
เสียงเพลงจากวิทยุของยายดังมาพอให้ได้ยิน แต่มันก็เป็นช่องขัดใจเธอนัก ยายชอบฟังโฆษณาขายยาบำรุงอะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะฟังเพลงก็ไม่ฟัง พอฟังโฆษณามาก ๆ ก็ขอเงินแม่ซื้อเป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ บอกว่าอย่าเชื่อโฆษณาชวนเชื่อมากก็ไม่ยอมฟัง
“พี่ปาวอี่ยายฟังพ่อใหญ่อันหนิขายยาอีกล่ะ ฮา “ บอสเอ่ยกับพี่สาว ชวนพี่ ๆ พูดคุยบ้าง มัวแต่ตั้งหน้าตาเกี่ยวข้าวเหนื่อยจะตายชัก
“แม่ใหญ่อันหนิฟังไปฟังมากะอยากกินเด้บาดหนิถ่าเบิ่งเด้อ “ พี่แป้งแซวยายเบา ๆ เกรงว่ายายจะได้ยินที่พวกเธอนินทา เสียงวิทยุก็ยังดังก้องอยู่อย่างนั้น พวกเธอคุยกันไปหัวเราะให้กันไป
“อี่ยายเปลี่ยนช่องแน่ มาฟังเขาขายยาอีหยัง คนอยากฟังเพลงกะดาย” บอสตะโกนพูดกับยาย เกี่ยวข้าวคนละไร่ก็จริงแต่ก็อยู่ติดกันนั่นแหละ จึงทำให้ได้ยินเสียงวิทยุกับยายด้วย
“เขาสิเปิดหมอลำอยู่! เขากะขายยาซะก่อน” ยายเถียง ไม่ยอมเปลี่ยนช่องให้พวกเธอ เนื่องจากช่องที่ยายฟังมันมีหมอลำ หากแต่มีการโฆษณาขายยาด้วย เพราะเป็นช่องของเจ้าของยานั่นแหละ “ยายถ่าฟังยายทองแปน จักนอยเรากะสิลำ”
“พุ่น! ฮา ถ่าฟังยายทองแปนว่าสั่นพี่ปาว” บอสล้อเลียนยายตัวเอง จากนั้นพวกเธอก็เลิกสนใจ ตั้งหน้าตั้งตาเกี่ยวข้าวไป พี่ปาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเพลงเอ็มพีสามฟัง แบบนี้ค่อยหายเหนื่อยหน่อย
บอสค่อย ๆ เกี่ยวข้าวไปเงียบ ๆ ฟังเพลงกับพี่ปาวด้วย ค่อย ๆ กำข้าวกอน้อย ๆ แล้วใช้เคียวตัด เหนื่อยก็เหนื่อย ปวดมือก็ปวดมือ ทว่าคัดค้านไม่ได้ ยายพาทำก็ต้องทำ เกี่ยวไปด้วยนึกอะไรเพลิน ๆ ไปด้วย เปิดเทอมก็เป็นเทอมสองแล้ว เรียน ๆ ไปอีกก็ขึ้น ม.3 เรียน ๆ ไปอีกสองเทอมก็ขึ้น ม.4 พอนึกไปช่วง ม.ปลายก็มีความสุข จะได้ย้ายโรงเรียนสักที รอคอยมานานแสนนานเหลือเกิน นึกไปยิ้มไปอยู่คนเดียว
“ระวังแตนตอดเด้อเด็กน้อย!” ลุงจานดำเดินมาดูพวกเธอเกี่ยวข้าว ลุงจานดำกับป้าดาวมานาอยู่เป็นประจำ พอเห็นพวกเธอมาเกี่ยวข้าวจึงเดินมาคุยเล่นด้วย “แตนอยู่ฮวงข้าวระวังแน่ล่ะครู… ต้วย!” ลุงจานดำชอบเล่นมุกแบบนี้กับพวกเธอตลอด
“ฮา รับเอาเด้อไผเป็นครูต้วย “ พี่ปาวพูดกลั้วหัวเราะกับลุงจานดำกับพวกเธอ
“ไค้อยู่ข้าวยายบ่ค่อยล้ม ข้าวลุงล้มพาดกันอยู่” ลุงจานดำบ่นพร้อมยืนดูพวกเธอบนคันนา “ป๊าดน้อย ๆ น่ะกะเกี่ยวข้าวเป็นบาดหนิ เอามันเมิด ๆ เด้อฮวงข้าว ซื้อเพิ่นกินแพงคือหยังหนิเด้” ลุงหันไปแซวน้องบีม ตอนนี้กำลังเกี่ยวข้าวอยู่ในไร่กับพี่บอมพี่บอล
“เอาเมิดอยู่ลุงจาน เบิ่งน้องบีมเกี่ยว ฮา ” น้องบีมพูดพร้อมชูข้าวในมือให้ลุงดูไปด้วย พวกเธอหันไปมองน้องสาวพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันมาเกี่ยวข้าวกันต่อ “น้องบีมบ่เห็นแตนจักโตเลย แตนอยู่ไสลุงจาน” น้องบีมถาม จากนั้นก็วิ่งมาหาพวกเธอสามคน เพราะลุงจานดำยืนอยู่บนคันนาไร่ที่พวกเธอเกี่ยวข้าวอยู่
“อย่าแล่นแหมะล่ะมันสิล้มใส่เกี่ยว ล้มใส่เกี่ยวมาหนิเพิ่นล่ะหน่ายตาย” ลุงจานเอ็ดน้องบีมที่ถือเคียววิ่ง “เกี่ยวเก่งแถะวะ เกี่ยวแล้วไปเกี่ยวซอยลุงนำเด้อ ลุงจังแล้วเร็ว”
“บ่อ! น้องบีมเมือย” น้องสาวของเธอตอบพร้อมทำหน้าทำตาด้วย ลุงจานดำยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
“ฮ่วย! บ่อจังใดคนบอกไปเกี่ยวข้าวซอย ลุงเลยสิบ่อแล้วง่ายบาดหนิบ่มีคนซอย” ลุงตบมุกกับน้องบีม สองคนลุงหลานยืนคุยกันเจื้อยแจ้ว น้องบีมเลิกเกี่ยวข้าวมัวแต่ยืนคุยกับผู้เป็นลุง ลุงเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินจากไปง่าย ๆ ดูพวกเธอเกี่ยวข้าวอยู่อย่างนั้น
“กำใหญ่ ๆ แน่เกี่ยวข้าวนั่นน่ะ กำน้อยปานนี่มันมาสิแล้ว” ลุงจานหันมาแซวเธออีก ทำเอาเธอหัวเราะลั่นออกมา ยิ่งเหนื่อยยิ่งมาพูดให้หัวเราะอยู่ได้ เธอแอบค่อนขอดผู้เป็นลุงเขย
“แล้วคือเก่า! หน่อย ๆ นึง” บอสตอบไป พร้อมยืนหัวเราะ อุตส่าห์เหลี่ยมกับพี่ ๆ แล้วลุงยังมาแซวอีก “ตรงข้าวล้มพี่ปาวไปเกี่ยวโลดเด้อ บอสเมื่อย” บอสหันมาคุยกับพี่ปาวเพราะไร่นี่เกี่ยวจวนจะเสร็จแล้ว เหลือเพียงส่วนที่กอข้าวล้มระเนระนาดนั้น
“เกี่ยวซอยกัน!” นี่คือคำประกาศิตของพี่สาวคนโตของเธอ
“อี่ยายมาเกี่ยวเอาเด้อ! ข้าวอี่ยายล้มหนิ บอสคร้าน บอสเมื่อย” บอสตะโกนคุยกับยาย ลุงจานดำก็ยืนหัวเราะพวกเธอบนคันนา ยืนเล่นกับน้องบีม
“มันล้มกะค่อย ๆ เกี่ยวเอานั่นตั้ว สิถิ่มข้าวอยู่บ่อ “ ยายพูดด้วยท่าทางสบายอารมณ์ปนบังคับ “อี่ดาวมานานำอยู่บ่อจาน” ยายถามลูกเขยของตน
คิดถึง 2 บทที่ 80
.
ไดอารี่ความคิดถึง
“ลุก ๆ! สวยแล้ว ๆ ลุกแต่งโตไปนาไปหาเกี่ยวข้าวซอยยาย” ยายเดินเข้ามาเปิดมุ้งปลุกให้เธอกับน้องบีมตื่น วันนี้ตากับยายจะพาเกี่ยวข้าวดอ ยายไม่ยอมผละจากไปถ้าพวกเธอสองคนยังไม่ตื่น “ลุกแหมะบอส! ไปเกี่ยวข้าวซอยยายให้มันแล้ว มันสิแห้งก่อนหนิ” ยายยืนปลุกเธอให้ตื่น สุดท้ายเธอกับน้องบีมก็ต้องจำยอมลุกจากที่นอนแต่โดยดี ส่วนพี่ ๆ นั้นตื่นตั้งนานแล้ว
“คือว่าปลายเดือนจังเกี่ยว” บอสลุกขึ้นนั่งค่อนขอดให้ยายนิดหน่อย ลุกนั่งทรงตัวก่อนจะลุกเดินออกจากที่นอน
“กะว่าสิเกี่ยวปลายเดือนนั่นล่ะ ตาว่ามันพอเกี่ยวคักแล้ว รอปลายเดือนมันสิแห้งขอบก่อน ลุกแหมะบีม! โอ้ยน้อ… ลุกนั่งแล้วยังล้มลงป่องง่องนอนอีกอยู่” ยายหันไปดุน้องบีม จากนั้นพวกเธอสองคนจึงลุกจากที่นอนไปในที่สุด เดินออกจากห้องนอนของยายไปอาบน้ำแปรงฟันให้เรียบร้อย
วันนี้ครอบครัวของเธอจะไปนาเกี่ยวข้าวดอกัน พอเธอกับน้องบีมแต่งตัวเสร็จยายก็พาออกเดินทางกันเลย ไปกินข้าวเช้าที่นาจะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ ส่วนตาพาวัวล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ยายเตรียมอุปกรณ์ให้ทุกคนครบมือ ข้าวดอไม่กี่ไร่สองวันก็น่าจะเสร็จ
“ไป ๆ ไปส่งกันก่อนจังกลับมาฮับเอายายผู้นึง” ยายกล่าว เนื่องจากมอเตอร์ไซค์ซ้อนไปนาไม่ครบจำนวนคน ยายจึงให้พวกเธอนั่งไปก่อน แล้วให้คนใดคนหนึ่งกลับมารับยายอีกที
“เดี๋ยวบอมกลับมาฮับยาย” พี่บอมเป็นคนอาสาจะกลับมารับยายเอง
“ไปพากันไปได้แล้วสวยแล้ว ไปฮอดหาพาข้าวลงซูตากินเลยเด้อบ่ต้องถ่ายาย” ยายกำชับอีกครั้ง
“จ้า!” พวกเธอขานรับ จากนั้นพวกเธอทั้งหกคนพี่น้องจึงขับรถไปนา เหลือยายแค่คนเดียวที่รออยู่ที่บ้าน บอสนั่งซ้อนสามไปกับพี่แป้งพี่ปาว ส่วนน้องบีมนั่งไปกับพี่บอมพี่บอล สักพักก็มาถึงนา เห็นตานั่งรออยู่บนเถียงจักตอกมัดข้าวรอ
“มาพากันออกมาสวยแถะ ยามไฮ่ยามนามาสวยปานหนิสิทันกิน” ตาบ่นทว่าก็ไม่ได้อะไร พวกเธอห้าคนขึ้นมานั่งบนเถียงกับตา ส่วนพี่บอมกลับไปรับยาย พี่ปาวกับพี่แป้งและเธอกุลีกุจอเอากับข้าวที่ยายเตรียมไว้ให้ออกมาวาง เพื่อเตรียมทานข้าวเช้ากัน ตาก็ยังไม่ได้ทานเลย ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งยังไม่สายเท่าไหร่ แต่ตาบ่นว่าสายเสียอย่างนั้น
“ตามากินข้าวอี่ยายบอกว่ากินก่อนเลย” พี่แป้งบอกกับตา ส่วนตานั่งจักตอกแบบไม่รีบร้อนเช่นกัน
“ถ่ายายซาก่อน! ยายบ่ทันมาอยู่หาพาข้าวลงล่ะ” ตาบ่น
“เอ๋า! อี่ยายบอกหาลงเลยน้อ นั่นเด้มาล่ะ” บอสพูดกับตา ไม่ทันไรยายกับพี่บอมก็มาถึง จากนั้นพวกเธอก็ทานมื้อข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาบนเถียงนา กับข้าวยายทำมาจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ มาถึงนาจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาทำกับข้าวอีก ส่วนมื้อเที่ยงค่อยว่ากันอีกที
ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวทำให้มีผู้คนมานากันมากมาย ด้วยความที่นาของเธอติดกับถนน มีรถของคนที่นาอยู่โซนทางนี้วิ่งผ่านไม่ขาดสาย ทำให้ยายเที่ยวเอ่ยทักทายคนที่รู้จักไม่ขาดระยะ ๆ บางทียายไม่ทักคนที่ขับรถวิ่งผ่านก็ร้องทักอยู่อย่างนั้น ทำให้ทานข้าวไปด้วยตะโกนทักทายผู้คนไปด้วย ทำเอาพวกเธอนึกตลกหัวเราะยายเช่นกัน
“เฮือนติดถนนมันเป็นจังสิบ่ว่ะ เฮ้อเฮอ“ ยายพูดประชดปนหัวเราะ ด้วยความที่คร้านจะตะโกนทักทายคนรู้จักแล้ว เถียงนาอยู่ติดกับถนนหลักเลย ส่วนบ้านของเธออยู่ในซอย เป็นบ้านหลังสุดท้ายอยู่ก้นซอยทว่าที่นาดันติดถนนเสียนี่
พอทานข้าวเช้าเสร็จทุกคนก็เตรียมตัวลงไปเกี่ยวข้าว ตากับยายปลูกไว้ที่ปลายนาติดกับลำห้วยนู่น น้องบีมกับพวกเธอสวมหมวกคนละใบ สวมถุงเท้าถุงมือเสื้อแขนยาวเสร็จสรรพ น้องบีมก็เกี่ยวข้าวเป็นแล้ว ยายก็ให้ช่วยทำไม่ห้ามและไม่บังคับ ส่วนพวกเธอที่เหลือยายบังขับให้ทำ ช่วย ๆ กันจะได้เสร็จเร็ว ๆ
ในการเกี่ยวข้าวดอเกี่ยวเสร็จยายจะใช้วิธีการนวดด้วยมือ ที่บ้านของเธอมีอุปกรณ์นวดข้าวด้วยมือตาทำเอาไว้ ส่วนข้าวใหญ่ตาถึงจะใช้รถนวด เพราะมันเยอะมาก นวดมือใช้เวลานานกว่าจะเสร็จ อีกอย่างไม่มีคนมาช่วยนวดด้วย เพราะทุกวันนี้นิยมใช้รถนวดข้าวทั้งนั้น
“บีมเอาหนิเอาเกี่ยวตัวหนิ เอาตัวนั่นมาให้ยาย มันคมคักมันสิบาดมือ เอาตัวหนิมันจังบ่ค่อยคม” ยายขอแลกเคียวเกี่ยวข้าวกับน้องบีม เนื่องจากเคียวที่น้องบีมเลือกมันเป็นเคียวของตา ซึ่งมันเงาวับมาก ยายจึงขอเปลี่ยน เอาเคียวตัวที่มีสนิมนิดหน่อยให้กับน้องบีมไป เพราะไม่คาดหวังกับน้องบีมอยู่แล้ว แค่ช่วยทำเล่น ๆ ไปเท่านั้น
“เอ๋าอี่ยาย! น้องบีมคือได้อันบ่เข้าหั่น น้องบีมกะเกี่ยวข้าวบ่ได้” น้องบีมค่อนขอดให้ยาย หาว่ายายนำเคียวไม่คมมาให้ตนเอง บอสแอบหัวเราะให้น้องสาวกับยาย ใครว่าน้องบีมไม่รู้เรื่องผู้ใหญ่
“ผู้ใดว่ามันบ่เข้า! ลองเอาไปเกี่ยวหญ้าเบิ่งขั้นบ่ปาดขาดซะล่ะ” ยายพูดเป็นจริงเป็นจังด้วยไม่อยากให้น้องบีมใช้เคียวของตา “เกี่ยวตามันคม มันสิบาดมือ บาดนิ้วขาดล่ะบ่ได้ผัวนำเขาใหญ่มา” ยายพูดกับหลานสาวคนเล็ก ทำเอาพวกเธอหัวเราะลั่นทุ่งนากันเลย ทว่าเจ้าตัวก็เชื่อยายไปอีกตามประสาเด็ก
“หือฟ้าวไป! คาตะเว้าเล่นกันอยู่ฮั่น สิได้เกี่ยวบ่ข้าว” ตาเอ็ดยายกับพวกเธอ จากนั้นยายก็นำพวกเธอเดินไปยังปลายนา ส่วนตาจะตามมาช่วยทีหลังเพราะต้องดูวัว งานเกี่ยวข้าวเป็นงานของยาย ส่วนตาว่างจากดูวัวถึงจะมาช่วยเกี่ยว และ พอเกี่ยวเสร็จตาถึงจะเป็นคนมามัดข้าวและนำข้าวไปนวดเอง
“คนละไฮ่กับยายเด้อ บีมเกี่ยวซอยยาย เอาให้มันแล้วมื้ออื่นเฮา ข้าวสิขอบก่อนได้ตี” ยายกำชับ มาถึงยายก็จัดแจงแบ่งงานให้พวกเธอเลย งานเกี่ยวข้าวสบาย ๆ อยู่แล้ว ยกเว้นดำนา! เธอไม่อยากทำและไม่ทำด้วย กลัวไส้เดือนเป็นที่สุด
“บ่! อี่ยายบีมสิเกี่ยวนำพี่ปาวกับพี่บอส”
“แล้วแต่สั่น ยายเกี่ยวคนเดียวกะได้ เอาให้มันแล้ว” ยายเล่นกับน้องบีม ส่วนพวกเธอห้าคนพี่น้องก็ลงลุยเกี่ยวข้าวก่อนยายเลย
โชคดีที่ตากับยายทำนาดำ และ ดูแลหญ้าอะไรต่าง ๆ นานาอยู่เป็นประจำ ทำให้เกี่ยวง่าย ไม่ค่อยมีหญ้าปน ปัญหาในการเกี่ยวข้าวเห็นจะเป็นตรงข้าวล้มระเนระนาดเท่านั้น
พอเจอข้าวล้มเธอปวดใจที่สุด มันเป็นจุดสะกัดดาวรุ่งเลยก็ว่าได้ ปวดหลังด้วยเพราะต้องค่อย ๆ ทำ เนื่องจากข้าวมันล้มทับกันนั่นแหละ ล้มไปทางเดียวกันยังพอทำเนา ตรงไหนที่ล้มไขว้กันนั่นแหละตัวปัญหา
พี่บอมกับพี่บอลช่วยกันสองคนอีกไร่ ยายเกี่ยวคนเดียวอีกไร่ ส่วนเธอกับพี่แป้งพี่ปาวและน้องบีมช่วยกันอีกไร่ เกี่ยวฟรีสไตล์แค่ขอให้เสร็จทันพรุ่งนี้ก็พอ ส่วนน้องบีมนั้นวิ่งไปวิ่งมา เดี่ยวก็ไปหาพี่ชายสองคน เดี๋ยวก็ไปช่วยยายอยู่อย่างนั้น ยายก็ไม่ว่าอะไร
สาย ๆ มาแดดเริ่มออกทำให้อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ยังมีลมพัดมาให้ความเย็น บรรยากาศท้องทุ่งนาเงียบสงบ มีลมพัดแห้ง ๆ ให้ความรู้สึกว่ากำลังคืบคลานเข้าสู่หน้าหนาว มองไปไกล ๆ เห็นผู้คนกำลังเกี่ยวข้าวอยู่เหมือนกัน สำหรับคนที่ปลูกข้าวดอเหมือนตา
เสียงเพลงจากวิทยุของยายดังมาพอให้ได้ยิน แต่มันก็เป็นช่องขัดใจเธอนัก ยายชอบฟังโฆษณาขายยาบำรุงอะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะฟังเพลงก็ไม่ฟัง พอฟังโฆษณามาก ๆ ก็ขอเงินแม่ซื้อเป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ บอกว่าอย่าเชื่อโฆษณาชวนเชื่อมากก็ไม่ยอมฟัง
“พี่ปาวอี่ยายฟังพ่อใหญ่อันหนิขายยาอีกล่ะ ฮา “ บอสเอ่ยกับพี่สาว ชวนพี่ ๆ พูดคุยบ้าง มัวแต่ตั้งหน้าตาเกี่ยวข้าวเหนื่อยจะตายชัก
“แม่ใหญ่อันหนิฟังไปฟังมากะอยากกินเด้บาดหนิถ่าเบิ่งเด้อ “ พี่แป้งแซวยายเบา ๆ เกรงว่ายายจะได้ยินที่พวกเธอนินทา เสียงวิทยุก็ยังดังก้องอยู่อย่างนั้น พวกเธอคุยกันไปหัวเราะให้กันไป
“อี่ยายเปลี่ยนช่องแน่ มาฟังเขาขายยาอีหยัง คนอยากฟังเพลงกะดาย” บอสตะโกนพูดกับยาย เกี่ยวข้าวคนละไร่ก็จริงแต่ก็อยู่ติดกันนั่นแหละ จึงทำให้ได้ยินเสียงวิทยุกับยายด้วย
“เขาสิเปิดหมอลำอยู่! เขากะขายยาซะก่อน” ยายเถียง ไม่ยอมเปลี่ยนช่องให้พวกเธอ เนื่องจากช่องที่ยายฟังมันมีหมอลำ หากแต่มีการโฆษณาขายยาด้วย เพราะเป็นช่องของเจ้าของยานั่นแหละ “ยายถ่าฟังยายทองแปน จักนอยเรากะสิลำ”
“พุ่น! ฮา ถ่าฟังยายทองแปนว่าสั่นพี่ปาว” บอสล้อเลียนยายตัวเอง จากนั้นพวกเธอก็เลิกสนใจ ตั้งหน้าตั้งตาเกี่ยวข้าวไป พี่ปาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเพลงเอ็มพีสามฟัง แบบนี้ค่อยหายเหนื่อยหน่อย
บอสค่อย ๆ เกี่ยวข้าวไปเงียบ ๆ ฟังเพลงกับพี่ปาวด้วย ค่อย ๆ กำข้าวกอน้อย ๆ แล้วใช้เคียวตัด เหนื่อยก็เหนื่อย ปวดมือก็ปวดมือ ทว่าคัดค้านไม่ได้ ยายพาทำก็ต้องทำ เกี่ยวไปด้วยนึกอะไรเพลิน ๆ ไปด้วย เปิดเทอมก็เป็นเทอมสองแล้ว เรียน ๆ ไปอีกก็ขึ้น ม.3 เรียน ๆ ไปอีกสองเทอมก็ขึ้น ม.4 พอนึกไปช่วง ม.ปลายก็มีความสุข จะได้ย้ายโรงเรียนสักที รอคอยมานานแสนนานเหลือเกิน นึกไปยิ้มไปอยู่คนเดียว
“ระวังแตนตอดเด้อเด็กน้อย!” ลุงจานดำเดินมาดูพวกเธอเกี่ยวข้าว ลุงจานดำกับป้าดาวมานาอยู่เป็นประจำ พอเห็นพวกเธอมาเกี่ยวข้าวจึงเดินมาคุยเล่นด้วย “แตนอยู่ฮวงข้าวระวังแน่ล่ะครู… ต้วย!” ลุงจานดำชอบเล่นมุกแบบนี้กับพวกเธอตลอด
“ฮา รับเอาเด้อไผเป็นครูต้วย “ พี่ปาวพูดกลั้วหัวเราะกับลุงจานดำกับพวกเธอ
“ไค้อยู่ข้าวยายบ่ค่อยล้ม ข้าวลุงล้มพาดกันอยู่” ลุงจานดำบ่นพร้อมยืนดูพวกเธอบนคันนา “ป๊าดน้อย ๆ น่ะกะเกี่ยวข้าวเป็นบาดหนิ เอามันเมิด ๆ เด้อฮวงข้าว ซื้อเพิ่นกินแพงคือหยังหนิเด้” ลุงหันไปแซวน้องบีม ตอนนี้กำลังเกี่ยวข้าวอยู่ในไร่กับพี่บอมพี่บอล
“เอาเมิดอยู่ลุงจาน เบิ่งน้องบีมเกี่ยว ฮา ” น้องบีมพูดพร้อมชูข้าวในมือให้ลุงดูไปด้วย พวกเธอหันไปมองน้องสาวพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันมาเกี่ยวข้าวกันต่อ “น้องบีมบ่เห็นแตนจักโตเลย แตนอยู่ไสลุงจาน” น้องบีมถาม จากนั้นก็วิ่งมาหาพวกเธอสามคน เพราะลุงจานดำยืนอยู่บนคันนาไร่ที่พวกเธอเกี่ยวข้าวอยู่
“อย่าแล่นแหมะล่ะมันสิล้มใส่เกี่ยว ล้มใส่เกี่ยวมาหนิเพิ่นล่ะหน่ายตาย” ลุงจานเอ็ดน้องบีมที่ถือเคียววิ่ง “เกี่ยวเก่งแถะวะ เกี่ยวแล้วไปเกี่ยวซอยลุงนำเด้อ ลุงจังแล้วเร็ว”
“บ่อ! น้องบีมเมือย” น้องสาวของเธอตอบพร้อมทำหน้าทำตาด้วย ลุงจานดำยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
“ฮ่วย! บ่อจังใดคนบอกไปเกี่ยวข้าวซอย ลุงเลยสิบ่อแล้วง่ายบาดหนิบ่มีคนซอย” ลุงตบมุกกับน้องบีม สองคนลุงหลานยืนคุยกันเจื้อยแจ้ว น้องบีมเลิกเกี่ยวข้าวมัวแต่ยืนคุยกับผู้เป็นลุง ลุงเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินจากไปง่าย ๆ ดูพวกเธอเกี่ยวข้าวอยู่อย่างนั้น
“กำใหญ่ ๆ แน่เกี่ยวข้าวนั่นน่ะ กำน้อยปานนี่มันมาสิแล้ว” ลุงจานหันมาแซวเธออีก ทำเอาเธอหัวเราะลั่นออกมา ยิ่งเหนื่อยยิ่งมาพูดให้หัวเราะอยู่ได้ เธอแอบค่อนขอดผู้เป็นลุงเขย
“แล้วคือเก่า! หน่อย ๆ นึง” บอสตอบไป พร้อมยืนหัวเราะ อุตส่าห์เหลี่ยมกับพี่ ๆ แล้วลุงยังมาแซวอีก “ตรงข้าวล้มพี่ปาวไปเกี่ยวโลดเด้อ บอสเมื่อย” บอสหันมาคุยกับพี่ปาวเพราะไร่นี่เกี่ยวจวนจะเสร็จแล้ว เหลือเพียงส่วนที่กอข้าวล้มระเนระนาดนั้น
“เกี่ยวซอยกัน!” นี่คือคำประกาศิตของพี่สาวคนโตของเธอ
“อี่ยายมาเกี่ยวเอาเด้อ! ข้าวอี่ยายล้มหนิ บอสคร้าน บอสเมื่อย” บอสตะโกนคุยกับยาย ลุงจานดำก็ยืนหัวเราะพวกเธอบนคันนา ยืนเล่นกับน้องบีม
“มันล้มกะค่อย ๆ เกี่ยวเอานั่นตั้ว สิถิ่มข้าวอยู่บ่อ “ ยายพูดด้วยท่าทางสบายอารมณ์ปนบังคับ “อี่ดาวมานานำอยู่บ่อจาน” ยายถามลูกเขยของตน