เล่าต่อ : แวะเที่ยว NARA KYOTO OSAKA

ตอนที่แล้ว เราได้ชมวิว พระอาทิตย์ขึ้นจากสุดขอบฟ้าทอแสงอาทิตย์อุทัยจากทะเลขึ้นมา โดยเรามองดูลอดผ่านซุ้มประตู ของ อิเสะ ชิม่า ออกไป
แล้วก็ เก็บไว้ในความทรงจำถึงปัจจุบัน ที่ยังประทับใจอยู่   ขอเล่าย้อนหลัง ถึงก่อนถึงเวลานัดกิน อาหารเย็น เราพักโรงแรมสไตล์พื้นเมืองญี่ปุ่น ก็ต้องอาบน้ำ สไตล์ญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน  ว่ากันไปแล้ว เราอยู่ญี่ปุ่นกันมากว่าครึ่งปี แต่ก็ใช้ชีวิตประจำวันแบบของนักเรียนต่างชาติทั่วๆไป ห้องอาหารก็แบบกึ่งตะวันตก อาบนั้ำ กินอยู่ หลับนอน ก็นอนเตียงแบบตะวันตก เป็นเช่นนั้นมาตลอด
ฮ่า โอกาสนี้ อะไรๆ ก็ได้ลองใช้ชีวิตแบบคนญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกดูบ้าง (ภายหลัง ผมได้ใช้ชีวิตอยู่แบบยาวๆ ทั้งที่เมือง คุรึเมะ Kurume ที่เกาะกิวชิว กับต้องย้อนกลับขึ้นไปอยู่ตอนเหนือของเกาะ ฮอนชิว ที่เมือง นาซึ Nasu ซึ่งทั้ง 2 เมืองชนบทที่ผมไปอยู่ ได้ใช้ life style แบบ ญี่ปุ่นมากกว่าตอนอยู่ในเมืองใหญ่ที่เจริญ)  เอ้ากลับมาอาบน้ำ โอฟูโร่ Ofuro ญี่ปุ่นแท้ดูบ้าง  โดยทั่วไปชาวญี่ปุ่น อาบน้ำแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น  ยกเว้นผู้ประกอบอาชีพเลอะเปรอะเปื้อน ก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง  สำหรับผมเวลาอยู่เมืองชนบทญี่ปุ่นในกาลต่อมา ต้องอาบและแช่น้ำร้อน แบบ โอฟูโร่ ตลอดมากระทั่งถึงตอนกลับมาเมืองไทย กลายเป็นคนผิวขาว แก้ม อมสีชมพู อยู่เกินครึ่งปี กว่าจะเริ่มคมขำแบบเดิมโน้น
Hi Ofuro Shimasho ka " เอ้า มาเริ่มอาบน้ำร้อนโอฟูโร่กัน "  เต็มยศก็สวม ยูกะตะ เจ้ากิโมโนบางลำลอง ถือกะละมังเล็กๆ(แทนขันน้ำ) ในนั้นมีผ้าขนหนูผืนเล็ก สบู่ แปรงสีฟัน  โรงอาบน้ำ(สาธารณะ) แยก 2 ฝั่ง โรงอาบน้ำชาย กับโรงอาบน้ำหญิงและเด็กเล็ก  ต่างเพศต่างก็แยกย้ายเข้าโรงอาบน้ำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีของชาวญี่ปุ่น  กลุ่มเราชายล้วน ก็เข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าฝั่งชาย แขวน ยูกะตะ เรียบร้อย ก็ถือขันสาระพัดนึก เอาผ้าขนหนูเดินปิดของดี เจี๋ยมเจี้ยมเข้าห้อง โอฟูโร่ (บรรดาชายญี่ปุ่น เล่นเปลือยกาย ถือกะละมัง ล่อนจ้อนไม่มีการปิดการบัง อะไรกัน คือชีเปลือยดีๆนั่นละครับ) ก็เหล่ๆทำตามชายญี่ปุ่นเขาละ นั่งบนเก้าอี้เตี้ย นั่งชันเข่า ริมบ่อน้ำร้อน ใช้กาละมังตักน้ำร้อนจากบ่อค่อยๆราดจากขา มันร้อนจัดทีเดียวโดยเฉพาะพวกเราผู้ไม่คุ้นเคยกับราดน้ำร้อนจัด  รดร่างกาย !  เมื่อล้างเนื้อล้างตัวสะอาดดีแล้ว ก็ตามพี่ยุ่นด้วยขั้นตอนต่อไปก้าวลงบ่อน้ำร้อน โอฟูโร่ แป๊บนึง แล้วค่อยจุ่มตัวเรื่อยลงไป ใครทนร้อนจัดที่ควันลอยอยู่เหนือน้ำไม่ได้ก็ยืนหย่อนตัวกว่าจะมิดถึงคอก็นานหน่อย  พอร่างกายเริ่มปรับตัวได้ ก็จะเริ่มสบายตัวมาก เหงื่อออกบนศีรษะแทนร่างกายส่วนอื่นไปแล้ว ครับตานี้ก็แช่ตามอัธยาศัยของตนเองไปเลย ญี่ปุ่นแท้แต่ละคนก็แช่เกือบๆชั่วโมงกันทั้งนั้  เพื่อนเราชื่อเล่นว่า หอย รอ โผล่หน้าเข้ามาในห้อง โอฟูโร่ ดูอยู่หลายรอบว่าเมื่อไหร่คนจะน้อยซะที   ท้ายที่สุด หอย ก็ไม่มีทางเลือก ทำนองแก้ผ้าก็แก้วะ เพราะโรงแรมนี้ไม่มีทางเลือกให้อาบน้ำแบบอื่น  หอย ล่อนจ้อนเรียบร้อยก็ ผ้าขนหนูปิดของดี ถือกะละมัง กึ่งวิ่งมาเล๊ย โดดข้ามขอบลงบ่อน้ำร้อน จัด โอฟูโร่เลย (เขาเป็นชายที่ขี้อายที่สุดในหมู่พวกเรา) "ตูม" เบ้อเริ่ม พี่ยุ่นในบ่อ อุทานกันเอะอะ   ผลปรากฏว่า เจ้า หอย เพื่อนรักของพวกเราก็ร้องโวยวายเพราะทั้งร้อน ลวก ทั้งตกใจ  หอย กระโจนลงบ่อน้ำร้อนแล้วก็วิ่งโหย่งๆตัวหนีร้อนปีนขึ้นจากบ่อน้ำร้อน ภายใย 2-3 วินาทีนั้นเลย  ทิ้งกะละมังทิ้งผ้าขนหนู พวกเราเลยได้ชมของดีของเจ้า หอย โดยบังเอิญและเก็บเอาไปล้อเลียนในภายหลัง ได้หลายสิบปีจนแก่ตามๆกัน จึงเลิกล้อเลียนแบบวัยหนุ่ม  ไหนๆก็ติดลมอาบน้ำ โอฟูโร่ ซะแล้ว อย่าเพิ่งไป นารา เกียวโต เลย ขอต่อโอฟูโร่อีกนิด เพราะภายหลังลงไปอยู่ที่เกาะกิวชิวแล้ว มีโอกาสไปเที่ยว พักที่บ้านของ เซนเซ (ครู)  กับบ้านเพื่อนๆญี่ปุ่น ปรากฏว่า ทุกบ้านชนชั้นกลางในชนบท (ยุคนั้น) แต่ละบ้าน ไม่มีห้องอาบน้ำ มีแต่ห้อง ถ่ายทุกข์ กว้างแค่คนตัวโตนั่งได้เท่านั้น  ส่วนเวลาอาบน้ำ ต้องไปตาม สามแยก สี่แยก มุมถนนของทุกหมู่บ้าน เวลาที่ผมไปพักที่บ้านเพื่อนหรือครู เราก็จะถือกะละมังสาระพัดนึก สวม ยูกะตะ เดินไปโรงโอฟูโร่ ตามหัวถนน เช่นเดียวกันกับชาวชนบทของยุคนั้น  ผมว่าเราจบกันที่โรงอาบน้ำร้อน โอฟูโร่ ตรงนี้ก่อน ตอนหน้าคงออกจากเมือง นาโงย่า ไปเมืองอื่นกันต่อนะครับ สวัสดีครับ  Sayonara
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่