สวัสดีครับ อยากมาระบายถึงสถานณการณ์ที่เป็นอยู่จนทำให้รู้สึกเหนื่อยและท้อมากจากการที่คนที่รักรอบตัวป่วยเป็นซึมเศร้ากันหมด
เริ่มจากคุณแม่
ป่วยเป็นโรค SLE ก่อนจนทำงานไม่ได้จากนั้นก็มีอาการเครียดจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า เพราะรู้สึกตัวเองไร้ค่าเป็นภาระ
(ที่บ้านไม่ได้ลำบากเรื่องเงินและผมก็ให้เงินคุณแม่ทุกเดือน) บางครั้งก็นอนร้องไห้บ่นว่าอยากตายไม่อยากอยู่เป็นภาระลูกชอบทำร้ายตัวเอง
ปัจจุบันรักษาซึมเศร้ามาได้ 3ปีแล้วอาการดีขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ยังอ่อนไหว ร้องไห้ง่ายคิดมาก แต่อาการทำร้ายตัวเองน้อยลง
ถัดมาเป็นน้องชาย
น้องชายผมอายุ 21 ปี เป็นซึมเศร้า+ไบโพลาร์ (และน่าจะมีอาการออทิสติกแฝง) ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากการที่พ่อกับแม่ผมหย่ากันตั้งแต่น้องยังเล็ก
แล้วถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน บวกกับช่วงที่คุณแม่เป็นซึมเศร้าในช่วงแรก(ที่ยังไม่ได้รักษา) แม่กับน้องชายจะทะเลาะกันบ่อยมาก ด่ากันรุนแรงมาก
น้องทำอะไรก็ขัดใจแม่ไปหมด แล้วแม่ก็ด่าต่อว่าจนหลังๆน้องไม่กลัวคำด่าแม่เลย ยิ่งแม่พูดอะไรมาก็เถียงกลับหมด (จริงๆถ้ามองจากบุคคลที่สามคือน้องเลียนแบบนิสัยแม่นั่นแหละ)
ช่วงแรกๆที่ยังไม่รู้ว่าน้องเป็นซึมเศร้า ก็มีอาการติดเหล้าจนเกือบจะโดดสะพานลอยฆ่าตัวตาย พาไปรักษาช่วงแรกก็ไม่ยอมกินยา
ติดเหล้าติดบุหรี่หนักกว่าเดิมจนเริ่มมีอาการหลงผิด พูดเพ้อเจ้อชนิดว่าที่บ้านไม่รู้จะรับมือยังไง (เช่นอยู่ๆก็บอกว่าเคยฆ่าคนมาแล้วบ้าง)
จนคืนนึงมีการไลฟ์สดจะเชือดคอตัวเอง(เมาด้วยตอนนั้น) โชคดีที่ผมลงมาทัน เกิดการใช้กำลังเข้าแย่งมีด+ชุลมุนบ้าง แต่โชคดีที่หลังจากนั้น
น้องชายก็กินยาตลอดทุกวันไม่ขาด และเลิกเหล้ากับบุหรี่เด็ดขาด
ปัจจุบันรักษาซึมเศร้า+ไบโพลาร์มาได้ 3 ปี(พร้อมคุณแม่) แต่เริ่มมากินยาจริงๆจังๆแค่ปีเดียว เริ่มเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น ทะเลาะกับแม่น้อยลง
แต่สมองเหมือนเด็กราวๆ 12-13 ขวบ
และล่าสุดก็แฟน
ผมกับแฟนอายุห่างกันมากเรารู้จักกันมาเกือบสองปีและพึ่งเริ่มคบกันในปีนี้ ปกติแฟนผมเป็นคนสดใสร่าเริงค่อนข้างพลังเหลือล้น
แต่ความเครียดสะสมในช่วงที่ทำธีสิส + กับช่วงโควิดที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย ทำให้น้องเค้ามีความเครียดสะสมแล้วค่อยๆเปลี่ยนไป
แรกๆก็ไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นซึมเศร้า คิดว่าอาจจะเพราะฮอร์โมนเปลี่ยนหรือเพราะเบื่อที่อยู่แต่บ้านเฉยๆ จนวันนึงน้องเค้ามาปรึกษา
ว่าอยากตาย ผมก็พยายามชวนไปหาหมอแต่เธอก็ปฏิเสธ พร้อมกับบ่นว่าผมไม่ยอมรับฟัง(มีการไปบ่นให้เพื่อนฟังว่าเสียใจและรู้สึกว่าผมไม่ใช่เซฟโซน)
จากนั้นผมก็ถูกเมินข้อความไปร่วมสองเดือน (ไม่ได้บล๊อค แต่ไม่อ่านและไม่ตอบ)
จนเมื่อไม่นานมานี้ก็พึ่งได้กลับมาคุยกัน น้องเค้าอัพเดทอาการให้ฟังว่าอาการตอนนี้คือแย่มากเริ่มมีการทำร้ายตัวเองแต่วันรุ่งขึ้นก็จะไปหาหมอแล้ว
วันนั้นผมพยายามตั้งใจฟังไม่ออกความเห็นอะไรเพราะเรียนรู้จากความผิดพลาดก่อนหน้า และการสนทนาก็จบไปด้วยดีไม่น่าจะมีอะไร
แต่วันรุ่งขึ้นผมตื่นมาจะทักไปถามว่าได้ไปหาหมอรึยัง ก็พบว่าน้องเค้าบล๊อค Facebook ผมไปแล้ว (แต่อื่นๆไม่ได้บล๊อค)
ผมพยายามคิดว่าน้องเค้าคงอยากอยู่กับตัวเองก่อนในเวลานี้ ก็ไม่อยากเซ้าซี้ไม่อยากฝืนส่งข้อความอะไรไป ได้แต่รอว่าเค้าอาการดีขึ้นจะกลับมาคุย
ในตอนนี้แต่ละวันผมต้องประคับประคองความรู้สึกตัวเองไม่ให้มันดิ่งลงไปด้วย เพราะมีภาระเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบ
ต้องไปพบจิตแพทย์ ต้องทานยาคลายกังวลเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นซึมเศร้าไปอีกคน ซึ่งหวังว่าทุกคนรอบตัวที่กำลังป่วยตอนนี้จะดีขึ้น
ท่านใดอ่านมาจนถึงตรงนี้ต้องกราบขอบพระคุณมากครับ
คนที่รักรอบตัวมีแต่คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
เริ่มจากคุณแม่
ป่วยเป็นโรค SLE ก่อนจนทำงานไม่ได้จากนั้นก็มีอาการเครียดจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า เพราะรู้สึกตัวเองไร้ค่าเป็นภาระ
(ที่บ้านไม่ได้ลำบากเรื่องเงินและผมก็ให้เงินคุณแม่ทุกเดือน) บางครั้งก็นอนร้องไห้บ่นว่าอยากตายไม่อยากอยู่เป็นภาระลูกชอบทำร้ายตัวเอง
ปัจจุบันรักษาซึมเศร้ามาได้ 3ปีแล้วอาการดีขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ยังอ่อนไหว ร้องไห้ง่ายคิดมาก แต่อาการทำร้ายตัวเองน้อยลง
ถัดมาเป็นน้องชาย
น้องชายผมอายุ 21 ปี เป็นซึมเศร้า+ไบโพลาร์ (และน่าจะมีอาการออทิสติกแฝง) ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากการที่พ่อกับแม่ผมหย่ากันตั้งแต่น้องยังเล็ก
แล้วถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน บวกกับช่วงที่คุณแม่เป็นซึมเศร้าในช่วงแรก(ที่ยังไม่ได้รักษา) แม่กับน้องชายจะทะเลาะกันบ่อยมาก ด่ากันรุนแรงมาก
น้องทำอะไรก็ขัดใจแม่ไปหมด แล้วแม่ก็ด่าต่อว่าจนหลังๆน้องไม่กลัวคำด่าแม่เลย ยิ่งแม่พูดอะไรมาก็เถียงกลับหมด (จริงๆถ้ามองจากบุคคลที่สามคือน้องเลียนแบบนิสัยแม่นั่นแหละ)
ช่วงแรกๆที่ยังไม่รู้ว่าน้องเป็นซึมเศร้า ก็มีอาการติดเหล้าจนเกือบจะโดดสะพานลอยฆ่าตัวตาย พาไปรักษาช่วงแรกก็ไม่ยอมกินยา
ติดเหล้าติดบุหรี่หนักกว่าเดิมจนเริ่มมีอาการหลงผิด พูดเพ้อเจ้อชนิดว่าที่บ้านไม่รู้จะรับมือยังไง (เช่นอยู่ๆก็บอกว่าเคยฆ่าคนมาแล้วบ้าง)
จนคืนนึงมีการไลฟ์สดจะเชือดคอตัวเอง(เมาด้วยตอนนั้น) โชคดีที่ผมลงมาทัน เกิดการใช้กำลังเข้าแย่งมีด+ชุลมุนบ้าง แต่โชคดีที่หลังจากนั้น
น้องชายก็กินยาตลอดทุกวันไม่ขาด และเลิกเหล้ากับบุหรี่เด็ดขาด
ปัจจุบันรักษาซึมเศร้า+ไบโพลาร์มาได้ 3 ปี(พร้อมคุณแม่) แต่เริ่มมากินยาจริงๆจังๆแค่ปีเดียว เริ่มเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น ทะเลาะกับแม่น้อยลง
แต่สมองเหมือนเด็กราวๆ 12-13 ขวบ
และล่าสุดก็แฟน
ผมกับแฟนอายุห่างกันมากเรารู้จักกันมาเกือบสองปีและพึ่งเริ่มคบกันในปีนี้ ปกติแฟนผมเป็นคนสดใสร่าเริงค่อนข้างพลังเหลือล้น
แต่ความเครียดสะสมในช่วงที่ทำธีสิส + กับช่วงโควิดที่ไม่ได้ออกไปไหนเลย ทำให้น้องเค้ามีความเครียดสะสมแล้วค่อยๆเปลี่ยนไป
แรกๆก็ไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นซึมเศร้า คิดว่าอาจจะเพราะฮอร์โมนเปลี่ยนหรือเพราะเบื่อที่อยู่แต่บ้านเฉยๆ จนวันนึงน้องเค้ามาปรึกษา
ว่าอยากตาย ผมก็พยายามชวนไปหาหมอแต่เธอก็ปฏิเสธ พร้อมกับบ่นว่าผมไม่ยอมรับฟัง(มีการไปบ่นให้เพื่อนฟังว่าเสียใจและรู้สึกว่าผมไม่ใช่เซฟโซน)
จากนั้นผมก็ถูกเมินข้อความไปร่วมสองเดือน (ไม่ได้บล๊อค แต่ไม่อ่านและไม่ตอบ)
จนเมื่อไม่นานมานี้ก็พึ่งได้กลับมาคุยกัน น้องเค้าอัพเดทอาการให้ฟังว่าอาการตอนนี้คือแย่มากเริ่มมีการทำร้ายตัวเองแต่วันรุ่งขึ้นก็จะไปหาหมอแล้ว
วันนั้นผมพยายามตั้งใจฟังไม่ออกความเห็นอะไรเพราะเรียนรู้จากความผิดพลาดก่อนหน้า และการสนทนาก็จบไปด้วยดีไม่น่าจะมีอะไร
แต่วันรุ่งขึ้นผมตื่นมาจะทักไปถามว่าได้ไปหาหมอรึยัง ก็พบว่าน้องเค้าบล๊อค Facebook ผมไปแล้ว (แต่อื่นๆไม่ได้บล๊อค)
ผมพยายามคิดว่าน้องเค้าคงอยากอยู่กับตัวเองก่อนในเวลานี้ ก็ไม่อยากเซ้าซี้ไม่อยากฝืนส่งข้อความอะไรไป ได้แต่รอว่าเค้าอาการดีขึ้นจะกลับมาคุย
ในตอนนี้แต่ละวันผมต้องประคับประคองความรู้สึกตัวเองไม่ให้มันดิ่งลงไปด้วย เพราะมีภาระเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบ
ต้องไปพบจิตแพทย์ ต้องทานยาคลายกังวลเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นซึมเศร้าไปอีกคน ซึ่งหวังว่าทุกคนรอบตัวที่กำลังป่วยตอนนี้จะดีขึ้น
ท่านใดอ่านมาจนถึงตรงนี้ต้องกราบขอบพระคุณมากครับ