สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
“ เรามีความคิดที่จะบอกเค้าไปตรงๆ ว่าเราอึดอัด เงินของเราเราหามาได้ จะใช้อะไรก็เรื่องของเรา!! ดีไหมคะ”
คบกันมาตั้งสิบปี คุณน่าจะทราบว่าพูดแบบนี้ จะยิ่งทะเลาะกัน ... ใช่ไหมคะ ?
(เราเดาเอาน่ะ ว่าหากเขาได้ยินคำนี้ เขาคงจะโกรธน่าดู)
คุณมีสิทธิ์เลือกค่ะ
หากพูดไปแบบนั้น ตรงๆไปเลย ทะเลาะใหญ่ๆ ครั้งเดียวไปเลย แล้วจบ
ทำข้อตกลงไม่ยุ่งเกี่ยวเงินในกระเป๋าซึ่งกันและกันอีก แบบนี้ก็คุ้มค่ะ ได้ความสบายใจกลับมาเต็มๆ
ต่อไปใช้อะไรก็ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ
แต่ในเมื่อคุณยังไม่พูด ... มาตั้งกระทู้ถามความเห็นคนทั่วไป
แปลว่า ลึกๆแล้ว ใจคุณอยากไตร่ตรอง หาวิธีที่ดีที่สุด และรอมชอมกันให้มากที่สุด ใช่ไหมคะ ?
มันไม่ง่ายนะ ในชีวิต ที่จะได้เจอคนที่เพอร์เฟค
ส่วนใหญ่ จะขาดๆ เกินๆ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกัน ส่วนเกินส่วนขาดนั้นจะเข้ากันได้พอดี แบบภาพจิ๊กชอว์
มองในมุมของเขา ...
กับผู้หญิงที่เขาจะใช้ชีวิตด้วย เขาก็อยากได้คนที่ประหยัดเหมือนตัวเอง
คนประหยัดส่วนใหญ่ จะใจหายค่ะ แม้คนอื่นจะจ่ายเงินของคนอื่นนั่นแหละ
(ถ้าไม่มีอะไร ข้องเกี่ยวกันทเขาจะแค่เสียดายเงียบๆ แต่ไม่เข้าไปก้าวก่าย)
แต่กรณี แฟน ที่คบกันมา สิบปี และคิดจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เขาจำเป็นต้องยุ่ง ต้องเบรค
เพราะอนาคตของคุณและเขา มันเกี่ยวพันกันชนิดแยกกันไม่ออก
ต่อให้ใส่เข้ากองกลาง คนละหมื่นห้าไปแล้ว
ต่อให้คุณหาเงินได้มากกว่าเขา .... เขาก็เข้าใจได้ค่ะ
แต่เขามองว่า หากคุณมีทัศนคติการใช้เงินเหมือนเขา ครอบครัวเราก็จะมั่งคั่ง / มั่นคงมากขึ้น
เขามองตรงจุดนี้ และคิดว่า เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว เขาจึงคอย “ตักเตือน”
ให้คุณตระหนักเรื่องนี้ให้ได้
สำหรับคนประหยัด เขามองว่า การเที่ยว คือการเอาเงินมากมาย ละลายหายไปในพริบตา
กระเป๋าแบรนด์เนม / เสริมความงาม เขายิ่งไม่มีวันเข้าใจ
เพราะฉะนั้น หากอยากรอมชอม ตัองเข้าใจความคิดตรงนี้ของเขาด้วยค่ะ
อยากจะไปโบท็อกซ์ / ไป ทำผม / ไปขัดผิว ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องบอกเขานี่คะ
ตัวไม่ได้ติดกันตลอด 24 ชม.
ผู้ชายทุกคน ชอบให้แฟนตนสวย แต่ไม่ใช่ทุกคน จะทราบว่า ความสวยมีค่าใช้จ่ายนะคะ
แนะนำว่า ...
พูดกับเขาดีๆ เปิดประเด็นเพื่อถามเขาว่า การหาเงินได้ การเก็บเงิน _ กับการใช้เงินเพื่อความสุข มันควรจะบาลานซ์กันใช่ไหม
หากคุณอยากได้งบประมาณเพื่อความสุขของตัวคุณเอง มันควรจะเป็นเงินเท่าไหร่
หากเขากำหนดงบมาให้ (จะเท่าไหร่ก็ตาม)
ก็ให้เขาสัญญาว่า ถ้าคุณอยากได้อะไร จะเก็บหอมรอมริบจากงบตรงนี้เพื่อซื้อ ขอให้เขาอย่าบ่นคุณอีก
แต่ในความเป็นจริง มันจะไม่พอหรอกค่ะ
อะไรที่เกินงบไป ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเขา
ทั้งนี้ คำแนะนำข้างต้น สำหรับใช้กับผู้ชายที่ดี มีดี เพียงแค่ติดนิสัยประหยัดไม่อยากใช้เงิน และเตือนเรื่องที่คุณฟุ่มเฟือย
เพราะเป็นห่วงกันด้วยใจจริงเท่านั้นนะคะ
หากเขามีข้อเสียอื่นๆอีก หรือมีนิสัยแบบจอมบงการ เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
หรือหากคุณเองก็แหนงหน่าย จะเลิก หรือไม่เลิก ก็ไม่เสียใจ
แบบนี้
ก็ไม่จำเป็นต้อง เสียเวลาพูดอ้อมไปอ้อมมาเพื่อถนอมน้ำใจกันค่ะ
ใช้ประโยคที่คุณอยากใช้แต่ต้นไปได้เลย
คบกันมาตั้งสิบปี คุณน่าจะทราบว่าพูดแบบนี้ จะยิ่งทะเลาะกัน ... ใช่ไหมคะ ?
(เราเดาเอาน่ะ ว่าหากเขาได้ยินคำนี้ เขาคงจะโกรธน่าดู)
คุณมีสิทธิ์เลือกค่ะ
หากพูดไปแบบนั้น ตรงๆไปเลย ทะเลาะใหญ่ๆ ครั้งเดียวไปเลย แล้วจบ
ทำข้อตกลงไม่ยุ่งเกี่ยวเงินในกระเป๋าซึ่งกันและกันอีก แบบนี้ก็คุ้มค่ะ ได้ความสบายใจกลับมาเต็มๆ
ต่อไปใช้อะไรก็ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ
แต่ในเมื่อคุณยังไม่พูด ... มาตั้งกระทู้ถามความเห็นคนทั่วไป
แปลว่า ลึกๆแล้ว ใจคุณอยากไตร่ตรอง หาวิธีที่ดีที่สุด และรอมชอมกันให้มากที่สุด ใช่ไหมคะ ?
มันไม่ง่ายนะ ในชีวิต ที่จะได้เจอคนที่เพอร์เฟค
ส่วนใหญ่ จะขาดๆ เกินๆ แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกัน ส่วนเกินส่วนขาดนั้นจะเข้ากันได้พอดี แบบภาพจิ๊กชอว์
มองในมุมของเขา ...
กับผู้หญิงที่เขาจะใช้ชีวิตด้วย เขาก็อยากได้คนที่ประหยัดเหมือนตัวเอง
คนประหยัดส่วนใหญ่ จะใจหายค่ะ แม้คนอื่นจะจ่ายเงินของคนอื่นนั่นแหละ
(ถ้าไม่มีอะไร ข้องเกี่ยวกันทเขาจะแค่เสียดายเงียบๆ แต่ไม่เข้าไปก้าวก่าย)
แต่กรณี แฟน ที่คบกันมา สิบปี และคิดจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เขาจำเป็นต้องยุ่ง ต้องเบรค
เพราะอนาคตของคุณและเขา มันเกี่ยวพันกันชนิดแยกกันไม่ออก
ต่อให้ใส่เข้ากองกลาง คนละหมื่นห้าไปแล้ว
ต่อให้คุณหาเงินได้มากกว่าเขา .... เขาก็เข้าใจได้ค่ะ
แต่เขามองว่า หากคุณมีทัศนคติการใช้เงินเหมือนเขา ครอบครัวเราก็จะมั่งคั่ง / มั่นคงมากขึ้น
เขามองตรงจุดนี้ และคิดว่า เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว เขาจึงคอย “ตักเตือน”
ให้คุณตระหนักเรื่องนี้ให้ได้
สำหรับคนประหยัด เขามองว่า การเที่ยว คือการเอาเงินมากมาย ละลายหายไปในพริบตา
กระเป๋าแบรนด์เนม / เสริมความงาม เขายิ่งไม่มีวันเข้าใจ
เพราะฉะนั้น หากอยากรอมชอม ตัองเข้าใจความคิดตรงนี้ของเขาด้วยค่ะ
อยากจะไปโบท็อกซ์ / ไป ทำผม / ไปขัดผิว ตรงนี้ไม่จำเป็นต้องบอกเขานี่คะ
ตัวไม่ได้ติดกันตลอด 24 ชม.
ผู้ชายทุกคน ชอบให้แฟนตนสวย แต่ไม่ใช่ทุกคน จะทราบว่า ความสวยมีค่าใช้จ่ายนะคะ
แนะนำว่า ...
พูดกับเขาดีๆ เปิดประเด็นเพื่อถามเขาว่า การหาเงินได้ การเก็บเงิน _ กับการใช้เงินเพื่อความสุข มันควรจะบาลานซ์กันใช่ไหม
หากคุณอยากได้งบประมาณเพื่อความสุขของตัวคุณเอง มันควรจะเป็นเงินเท่าไหร่
หากเขากำหนดงบมาให้ (จะเท่าไหร่ก็ตาม)
ก็ให้เขาสัญญาว่า ถ้าคุณอยากได้อะไร จะเก็บหอมรอมริบจากงบตรงนี้เพื่อซื้อ ขอให้เขาอย่าบ่นคุณอีก
แต่ในความเป็นจริง มันจะไม่พอหรอกค่ะ
อะไรที่เกินงบไป ก็ไม่จำเป็นต้องบอกเขา
ทั้งนี้ คำแนะนำข้างต้น สำหรับใช้กับผู้ชายที่ดี มีดี เพียงแค่ติดนิสัยประหยัดไม่อยากใช้เงิน และเตือนเรื่องที่คุณฟุ่มเฟือย
เพราะเป็นห่วงกันด้วยใจจริงเท่านั้นนะคะ
หากเขามีข้อเสียอื่นๆอีก หรือมีนิสัยแบบจอมบงการ เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
หรือหากคุณเองก็แหนงหน่าย จะเลิก หรือไม่เลิก ก็ไม่เสียใจ
แบบนี้
ก็ไม่จำเป็นต้อง เสียเวลาพูดอ้อมไปอ้อมมาเพื่อถนอมน้ำใจกันค่ะ
ใช้ประโยคที่คุณอยากใช้แต่ต้นไปได้เลย

ความคิดเห็นที่ 5
มันไม่ใช่อย่างแรง
จะงกก็งกไป แต่อย่ามางกเงินในกระเป๋าคนอื่น
เราว่าเรื่องนี้ควรคุยกันให้เคลียร์ ถ้าคิดจะคบกันอย่างจริง คิดจะสร้างครอบครัว บอกเงินเดือนคุณกับแฟนไปเลย แล้วบอกว่าเดือนหนึ่งคุณเก็บเงินกี่เปอร์เซ็น แฟนคุณจะได้เข้าใจว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงล้างผลาญ
ซึ่งหากคุยกันจบแล้ว ยังบ่นเรื่องเงินคุณอีก ก็ควรด่าแล้ว
เราทำงานเหนื่อย ความสุขเราอย่างหนึ่งคือการใช้เงินกิน ใช้เงินเที่ยว ใช้เงินดูแลตัวเอง ถ้าคบแล้วใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการไม่ได้ก็ไม่ไหว
ส่วนคุณก็เพลาๆ การฟังแฟนพูดบ้าง หาจุดกึ่งกลางระหว่างกัน แฟนบอก 2 ปี เที่ยวครั้งหนึ่ง ก็โอเค คุณก็ไปกับแฟน ส่วนอีกครั้งคุณไปกับเพื่อน
เอาจริงๆ คือแฟนคุณไม่มีมารยาท ล้ำเส้น ถ้าคุณขอเงินแฟน แล้วเขาบ่น เราก็เข้าใจ แต่นี่ เงินตัวเองก็ไม่ใช่ น่ารังเกียจจริงๆ
จะงกก็งกไป แต่อย่ามางกเงินในกระเป๋าคนอื่น
เราว่าเรื่องนี้ควรคุยกันให้เคลียร์ ถ้าคิดจะคบกันอย่างจริง คิดจะสร้างครอบครัว บอกเงินเดือนคุณกับแฟนไปเลย แล้วบอกว่าเดือนหนึ่งคุณเก็บเงินกี่เปอร์เซ็น แฟนคุณจะได้เข้าใจว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงล้างผลาญ
ซึ่งหากคุยกันจบแล้ว ยังบ่นเรื่องเงินคุณอีก ก็ควรด่าแล้ว
เราทำงานเหนื่อย ความสุขเราอย่างหนึ่งคือการใช้เงินกิน ใช้เงินเที่ยว ใช้เงินดูแลตัวเอง ถ้าคบแล้วใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการไม่ได้ก็ไม่ไหว
ส่วนคุณก็เพลาๆ การฟังแฟนพูดบ้าง หาจุดกึ่งกลางระหว่างกัน แฟนบอก 2 ปี เที่ยวครั้งหนึ่ง ก็โอเค คุณก็ไปกับแฟน ส่วนอีกครั้งคุณไปกับเพื่อน
เอาจริงๆ คือแฟนคุณไม่มีมารยาท ล้ำเส้น ถ้าคุณขอเงินแฟน แล้วเขาบ่น เราก็เข้าใจ แต่นี่ เงินตัวเองก็ไม่ใช่ น่ารังเกียจจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 12
คนเราทำงาน เพื่อหาเงิน มาหล่อเลี้ยงชีวิตให้มีความสุข
ทำงานเก็บเงินเพื่อหวังอนาคตข้างหน้า ว่าจะมีความสุข แต่ตอนนี้ลำบากไปก่อนผมไม่เคยเห็นด้วย
เราต้องสร้างดุลภาพของชีวิตให้เป็น ไม่ใช่ว่าทำงานๆๆๆๆๆ แล้ว หวังไปใช้ชีวิตตอนเกษียณแล้ว
ไม่ต้องมองไกลขนาดนั้น แค่ สี่ห้าสิบ การเปิดรับรู้ต่อสิ่งภายนอกก็ไม่เต็มที่เหมือนกับตอนที่เรายังอ่อนเยาว์อยู่
ทำงานเก็บเงินไปมาก ๆ จะติดนิสัยไม่กล้าใช้เงิน เหมือนแฟนคุณ
ทำไปจนแก่ วันหนึ่งเป็น อัลไซเมอร์ ก็จะพบว่าที่ทำมาทั้งหมดตัวเองไม่เคยได้ชื่นชมกันมันเลย
ดุลภาพ เรื่องชีวิต และ การสร้างรายได้ เป็นเรื่องสำคัญมากๆ
คุณมีมุมมองที่เปิดกว้างกว่า ก็ดีแล้ว แต่ แฟนคุณคงปรับตัวยาก เพราะเขาเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก
และมีความสุขกับการเห็นตัวเลขที่เพิ่มพูน มีความสุขกับความรู้สึกมั่นคงที่มีเงินเก็บ
บางทีก็เก็บจนไม่รู้ว่า เก็บไปเพื่ออะไร แค่สร้างความรู้สึกมั่นคง หล่อเลี้ยงชีวิตไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง
ผมว่าจับเข่าคุยเถอะ ว่าคุณอึดอัด กับการล็อคชีวิตแบบนี้ คุยกันให้รู้เรื่อง อย่าเสียดายเวลา
ถ้าไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้จะทะเลาะไปจนแก่ไปด้วยกัน
ทำงานเก็บเงินเพื่อหวังอนาคตข้างหน้า ว่าจะมีความสุข แต่ตอนนี้ลำบากไปก่อนผมไม่เคยเห็นด้วย
เราต้องสร้างดุลภาพของชีวิตให้เป็น ไม่ใช่ว่าทำงานๆๆๆๆๆ แล้ว หวังไปใช้ชีวิตตอนเกษียณแล้ว
ไม่ต้องมองไกลขนาดนั้น แค่ สี่ห้าสิบ การเปิดรับรู้ต่อสิ่งภายนอกก็ไม่เต็มที่เหมือนกับตอนที่เรายังอ่อนเยาว์อยู่
ทำงานเก็บเงินไปมาก ๆ จะติดนิสัยไม่กล้าใช้เงิน เหมือนแฟนคุณ
ทำไปจนแก่ วันหนึ่งเป็น อัลไซเมอร์ ก็จะพบว่าที่ทำมาทั้งหมดตัวเองไม่เคยได้ชื่นชมกันมันเลย
ดุลภาพ เรื่องชีวิต และ การสร้างรายได้ เป็นเรื่องสำคัญมากๆ
คุณมีมุมมองที่เปิดกว้างกว่า ก็ดีแล้ว แต่ แฟนคุณคงปรับตัวยาก เพราะเขาเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก
และมีความสุขกับการเห็นตัวเลขที่เพิ่มพูน มีความสุขกับความรู้สึกมั่นคงที่มีเงินเก็บ
บางทีก็เก็บจนไม่รู้ว่า เก็บไปเพื่ออะไร แค่สร้างความรู้สึกมั่นคง หล่อเลี้ยงชีวิตไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง
ผมว่าจับเข่าคุยเถอะ ว่าคุณอึดอัด กับการล็อคชีวิตแบบนี้ คุยกันให้รู้เรื่อง อย่าเสียดายเวลา
ถ้าไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้จะทะเลาะไปจนแก่ไปด้วยกัน
ความคิดเห็นที่ 16
เห็นด้วยกับคอมเม้นคุณใยบัวครับ
มันเรื่องทัศนคติล้วนๆครับ
บางทีไม่เกี่ยวรายได้มากหรือรายได้น้อย แต่เป็นการใช้เงิน...
คุณพ่อผม ท่านเคยยากจนระดับต้องเดินขายผงชูรสในตลาดมาก่อน เก็บขวดขายมาก่อน.... ปัจจุบัน มีเงินหลายๆล้าน เสื้อผ้าตัวละพันสองพันยังไม่ซื้อเลยครับ...
ท่านใช้เงินก็ต่อเมื่อเงินต่อเงินเท่านั้น คนในบ้านอึดอัดมาก บางทียังขำ ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกน้อง ปีละชุด... ลูกเจ้านายชุดเดียวยันเรียนจบ..
มันก็มีดีตรงที่ทำให้ผมไม่ฟุ่มเฟือยไม่ถูกสปอยจนเกินไป...
ที่แน่ๆ ต้องจับเข่าคุยกันครับ ถ้าคุยกันด้วยเหตุและผลไม่ได้ เช่นว่าทำไมคุณอยากใช้ และทำไมเค้าไม่อยากให้ใช้ แล้วยอมกันไม่ได้จริงๆ อาจต้องห่างกันซักพักแหละครับ หลายคนเรียกว่า ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน การใช้ชีวิตไม่ตรงกัน...
ผมก็เคยมี เดือนๆหนึ่งผลาญเงินหลายแสน ผมก็ตามไม่ไหวและก็ห่างๆกันไป...
(ในกรณีคนดีด้วยกันทั้งคู่)
ถ้าอีกฝ่ายไม่ดี ก็ห่างๆไป จบครับ
มันเรื่องทัศนคติล้วนๆครับ
บางทีไม่เกี่ยวรายได้มากหรือรายได้น้อย แต่เป็นการใช้เงิน...
คุณพ่อผม ท่านเคยยากจนระดับต้องเดินขายผงชูรสในตลาดมาก่อน เก็บขวดขายมาก่อน.... ปัจจุบัน มีเงินหลายๆล้าน เสื้อผ้าตัวละพันสองพันยังไม่ซื้อเลยครับ...
ท่านใช้เงินก็ต่อเมื่อเงินต่อเงินเท่านั้น คนในบ้านอึดอัดมาก บางทียังขำ ซื้อเสื้อผ้าให้ลูกน้อง ปีละชุด... ลูกเจ้านายชุดเดียวยันเรียนจบ..
มันก็มีดีตรงที่ทำให้ผมไม่ฟุ่มเฟือยไม่ถูกสปอยจนเกินไป...
ที่แน่ๆ ต้องจับเข่าคุยกันครับ ถ้าคุยกันด้วยเหตุและผลไม่ได้ เช่นว่าทำไมคุณอยากใช้ และทำไมเค้าไม่อยากให้ใช้ แล้วยอมกันไม่ได้จริงๆ อาจต้องห่างกันซักพักแหละครับ หลายคนเรียกว่า ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน การใช้ชีวิตไม่ตรงกัน...
ผมก็เคยมี เดือนๆหนึ่งผลาญเงินหลายแสน ผมก็ตามไม่ไหวและก็ห่างๆกันไป...
(ในกรณีคนดีด้วยกันทั้งคู่)
ถ้าอีกฝ่ายไม่ดี ก็ห่างๆไป จบครับ
แสดงความคิดเห็น
จะใช้จ่ายอะไรสนองความสุขตัวเอง ต้องคอยแอบแฟน อึดอัดใจมากๆค่ะ
เสื้อผ้าไม่เคยซื้อสักตัว ใส่เสื้อยืด เสื้อโปโลเก่าๆ เข็มขัดอันละร้อย รองเท้าสองร้อย รองเท้าแตะเก่าๆขาดๆ จะมีแค่เสียเงินหน่อยก็ซื้อโทรศัพท์ เพราะจำเป็นต้องใช้ นอกนั้นสิ่งของฟุ่มเฟือยไม่ซื้อเลย ทางบ้านแฟนค่อนข้างฐานะดีกว่าเรา
เราทำงานบริษัทเอกชนต่างชาติ เงินเดือนมากกว่าเค้าหลายเท่า เค้าทำบริษัทรัฐวิสาหะกิจชื่อดัง แต่รับงานนอกด้วย ปกติเราเป็นคนใช้เงินน้อยอยู่แล้ว ไม่เกิน 10K ต่อเดือนรวมทุกอย่าง
จนปีนี้เราได้เลื่อนตำแหน่ง รายได้เยอะขึ้นมากเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างเป็นหน้าเป็นตาบริษัท ดูแลลูกค้ารายใหญ่ ออกไปทำงานเราค่อนข้างจะต้องทำบุคลิกเราให้ดูดี เราจะแต่งตัวดี เพราะต้องพบเจอลูกค้า อีกอย่างเราดูเด็กมากก อายุ 29 บางทียังโดนทักเป็นเด็กมหาลัย เพราะตัวเล็กสูง150กว่าๆ และหน้ากลมเป็นเด็ก
เราเลยคิดว่าบุคลิกภาพในการทำงานนั้นสำคัญ เลยพยายามดูแลตัวเอง ซื้อเสื้อผ้าดีๆใส่ ดูแลเรื่องความสวยงามของร่างกาย เข้าคอร์สเสริมความงาม มีซื้อกระเป๋าแบรนแนมหลักหมื่นบ้าง มีอยู่สองสามใบและคงไม่ซื้ออีก โดยที่เราก็ใช้แค่พอประมาณ เรารู้ลิมิตตัวเองดี และยังเก็บเงินเก่งเหมือนเดิม ทุกอย่างที่ว่ามานี้ ไม่เคยเกิน 15% ของเงินเดือนในแต่ละเดือน
แต่คุณแฟนไม่เข้าใจ บอกว่าเราใช้เงินเปลือง ตอนนี้แค่จะเข้าคอร์สเลเซอร์กำจัดขนขาหมื่นกว่าบาท ยังต้องแอบทำ โบท็อกซ์นิดหน่อยก็ต้องแอบทำ ไม่ให้รู้ ไม่งั้นเค้าจะว่าทันที หรือถ้ากระเป๋าก็ต้องบอกว่าซื้อมือสองมา ไม่กี่พัน ก็จะบ่นหน่อย แต่ถ้ารู้ว่าซื้อราคาหลักหมื่นมา โดนบ่นหูชาไปอีก
เรื่องเงินเค้าจะคุมเราหนักมาก เพราะเค้าคิดว่าเราเป็นคนใช้เงินเก่ง (เมื่อเทียบกับเค้า) แต่สำหรับเพื่อนๆเรา จะบอกว่าเราเก็บเงินเก่ง
ขนาดบัตรเครดิตเขายังบอกเลยว่า ไม่ให้เราทำ กลัวเราจะเอาไปรูดหมด - -
อย่างเรื่องเที่ยวต่างประเทศ หลังจากโควิดเราแพลนไว้ว่าเราอยากไปปีละครั้ง แต่เค้าก็บอกว่าปีละครั้ง เว่อร์เกินไปไหม สองปีครั้งก็เยอะแล้วนะ เค้าไม่อยากให้เราเป็นคนเที่ยวเยอะ ใช้เงินเยอะ แต่เอาจริงๆ แต่ในประเทศเรายังไม่ค่อยได้ไปกับเค้าเลยค่ะ TT สาเหตุคือเปลืองเงินนั่นแหละ
เรามีความคิดที่จะบอกเค้าไปตรงๆ ว่าเราอึดอัด เงินของเราเราหามาได้ จะใช้อะไรก็เรื่องของเรา!! ดีไหมคะ ปกติเรายอมเค้ามาตลอด เพราะเค้าเป็นผู้ชายที่ดีทีเดียว วางแผนเก็บเงินเพื่อครอบครัวในอนาคต แต่บางทีมันตึงไปจนเราเครียดค่ะ TT