จับตาราคาน้ำมันดิบพุ่งไม่หยุด กังวลวิกฤตพลังงานขาดแคลน-ต้องการใช้เพิ่มต่อเนื่อง
https://www.matichon.co.th/economy/news_2984963
จับตาราคาน้ำมันดิบพุ่งไม่หยุด กังวลวิกฤตพลังงานขาดแคลน-ต้องการใช้เพิ่มต่อเนื่อง
รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ได้วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน พบว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี สำหรับน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และในรอบ 3 ปี สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ หลังตลาดกังวลวิกฤตพลังงานขาดแคลนทั่วโลกจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จากการใช้น้ำมันทดแทนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินอยู่ในระดับสูง ขณะที่อุปทานจากกลุ่มโอเปคพลัสเพิ่มขึ้นในระดับจำกัดที่เพียง 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น
นอกจากนี้ สหรัฐยังคงไม่มีการออกมาตรการเพื่อสกัดราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันเบนซินล่าสุดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ปัจจุบันสหรัฐอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้มาตรการต่างๆ อาทิเช่น การปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) และการระงับการส่งออกน้ำมันดิบในการควบคุมราคาที่สูงขึ้น แต่ยังไม่มีการประกาศบังคับใช้
โดยการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตเพิ่มการขุดเจาะขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ต.ค. ปรับตัว
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดียและอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ ที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจากจีน นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์
“หมอธีระ” หวั่นปลายปีระบาดซ้ำ เป็น Blue or Black New Year แนะขยายระบบตรวจคัดกรอง RT-PCR ให้คลุมทุกพื้นที่
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2985221
“หมอธีระ” หวั่นปลายปีระบาดหนักซ้ำ เป็น Blue or Black New Year แนะขยายระบบตรวจคัดกรอง RT-PCR ให้คลุมทุกพื้นที่ลดรุนแรง
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 รศ.นพ.
ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
เมื่อวาน (10 ตุลาคม) ทั่วโลกติดเพิ่ม 296,474 คน ตายเพิ่ม 4,467 คน รวมแล้วติดไปรวม 238,627,145 คน เสียชีวิตรวม 4,866,882 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ สหราชอาณาจักร รัสเซีย ตุรกี อเมริกา และอินเดีย
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 93.8 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 90.64
…สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 10,817 คน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก
แต่หากรวม ATK อีก 10,055 คน จะสูงเป็น”อันดับ 5″ ของโลกเช่นเดียวกับเมื่อวาน แต่เขยิบเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย เป็นรองเพียงตุรกีประเทศเดียวเท่านั้น
ที่น่าวิตกคือ ปัจจุบันสถานการณ์ระบาดของทั่วโลกลดลงชัดเจน แต่ของไทยเรายังรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จำนวนติดเชื้อใหม่เมื่อวานของเราแค่ประเทศเดียว หากรวม ATK จะคิดเป็นร้อยละ 7 ของการติดเชื้อใหม่ทั้งโลก ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
…บทเรียนที่ควรตระหนัก
1. ผลกระทบจากนโยบายกล่องทรายทำให้เห็นการระบาดที่รุนแรงขึ้นในภาคใต้ดังที่กำลังเผชิญอยู่
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการมาจากต่างประเทศ แต่ส่วนสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การทำให้จำนวนประชากรที่หมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้น เกิดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการพบปะติดต่อสังสรรค์มากขึ้น จึงทำให้ระบาดหนักขึ้น
ตราบใดที่ไม่กดการระบาดให้ดีพอ แล้วไปเปิดเมือง เปิดท่องเที่ยว เปิดประเทศ ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องโอกาสที่จะระบาดหนักกลับซ้ำขึ้นมา
ถามว่าต้องกดการระบาดไปถึงแค่ไหน ถึงจะลองเปิดดูได้
คำตอบมาจากงานวิจัยฝั่งยุโรป ชี้ให้เห็นว่า อาจมีโอกาสสร้างสมดุลเศรษฐกิจกับการระบาดได้ หากติดเชื้อใหม่ต่อวัน ไม่เกิน 10 คนต่อประชากร 1,000,000 คน
ดังนั้นหากคิดย้อนกลับไป เราจึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดแต่ละพื้นที่ข้างต้น จึงเป็นดังเช่นปัจจุบัน เหตุผลตรงไปตรงมาที่สุดคือ ไปเปิดในขณะที่สถานการณ์ระบาดยังไม่ดีพอนั่นเอง
2. ผลลบปลอมจากการใช้ชุดตรวจไว ATK
หากค่าความไวของชุดตรวจไม่มาก จะทำให้เกิดผลลบปลอมได้สูง นั่นคือคนที่ติดเชื้อแต่ตรวจแล้วกลับได้ผลลบ
จำนวนคนที่ตรวจแล้วได้ผลลบเหล่านั้นย่อมนำไปสู่โอกาสที่จะนำเชื้อไปแพร่ต่อเนื่องในชุมชนที่อยู่อาศัยนั่นเอง
สิ่งที่ควรทำคือ การขยายระบบการตรวจคัดกรองมาตรฐาน RT-PCR และกลไกการประสานงานส่งต่อสิ่งส่งตรวจให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ใช้วิธีตรวจนี้เป็นมาตรฐาน ให้คนเข้าถึงได้โดยอิสระ ไม่คิดค่าใช้จ่าย
เพราะหากระบบนี้ไม่เกิดขึ้นมา หรือไม่มีศักยภาพที่จะทำได้มากเพียงพอ การประกาศนโยบายเปิดเมือง เปิดท่องเที่ยว และเปิดประเทศท่ามกลางสถานการณ์ระบาดรุนแรงต่อเนื่อง จะมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เราเข้าสู่การระบาดหนักซ้ำปลายปี เป็น Blue or Black New Year และเกิดผลกระทบมากมายและยาวนานได้
ณ จุดนี้ ย้ำอีกครั้งว่า ขอให้ใส่หน้ากากเสมอ สำคัญมาก
ด้วยรักและห่วงใย
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223245201910828
น.ศ.สาวถูกตัดขา 1 ข้าง เหตุเส้นเลือดอุดตันฉับพลัน ญาติปักใจเพราะฉีดวัคซีนไขว้
https://www.matichon.co.th/region/news_2985089
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นาย
จำรัส ขนาดผล ผอ.วิทยาลัยชุมชนพังงา พร้อมด้วยอาจารย์ในวิทยาลัยลงพื้นที่พบกับนาง
ห้าเหลี้ย กองแก้ว อายุ 85 ปี ชาว ต.เกาะปันหยี อ.เมืองพังงา หลังจากพบว่า นส.
เกตน์สิรี กองแก้ว อายุ 20 ปี นักศึกษาสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นของวิทยาลัยชุมชนพังงา ซึ่งเป็นหลานสาว ประสบปัญหาเจ็บป่วยหลังจากไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 แบบไขว้ จากหน่วยฉีดวัคซีนอำเภอเมืองพังงา จนโรงพยาบาลพังงาต้องส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
และล่าสุด ทางคณะแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคเลือดเลือดแดง 2 ข้างอุดตันฉับพลับ จนต้องตัดขาข้างซ้ายเหนือหัวเข่าไป 1 ข้าง ทำให้ญาติๆ และหลายคน ต่างเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนเข็ม 2 แอสตร้าเซนเนก้า แบบไขว้ อย่างแน่นอน และอยากร้องขอให้ทางราชการเข้าช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวเป็นการด่วน เนื่องจาก น.ส.เกตน์สิรี เป็นลูกกำพร้า พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ แล้วแม่ก็ทิ้งไป อาศัยอยู่กับย่าเพียง 2 คน มีฐานะยากจนเปิดร้านขายของเล็กๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งทางย่าก็ไม่เรียกร้องอะไรบอกว่าแล้วแต่ทางราชการจะช่วยเหลือ
นาย
อนุพงษ์ ธรรมรงค์ อายุ 25 ปี เพื่อนนักศึกษา ที่บ้านอยู่ใกล้เคียงกัน เล่าว่า หลังจาก น.ส.
เกตน์สิรี ไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 แอสตร้าเซนเนก้า แบบไขว้ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา จากหน่วยฉีดวัคซีนอำเภอเมืองพังงา หลังจากนั้น 3 วันก็มีอาการไข้ แน่นหน้าอก ผ่านไปอีก 2 วันจึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพังงา แพทย์บอกว่าไม่มีอะไร มีอาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และนัดอีกเจ็ดวันเพื่อตรวจซ้ำ
“แต่ไม่ทันถึงวันนัด ก็เกิดอาการปวดขาข้างซ้ายปวดมากแบบจับขาไม่ได้เลย จึงรีบไปโรงพยาบาลพังงา ทางโรงพยาบาลพังงาส่งตัวไปเอกซเรย์เส้นเลือดที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี แพทย์แจ้งว่ามีเส้นเลือดอุดตัน และผ่าตัดด่วนและพบว่ามีเนื้อตายต้องส่งตัวไปที่ผ่าตัดอีกครั้งที่โรงพยาบาลกระบี่ เมื่อกลับมาอาการไม่ดีขึ้น จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และล่าสุดก็ถูกตัดขาข้างซ้ายเหนือเข่าไป 1 ข้าง ซึ่งทางญาติๆต่างก็เชื่อว่าเป็นผลจากการฉีดวัคซีนแน่นอน เพราะเขาไม่เคยมีโรคประจำตัวมาก่อน”
น.ส.
ณัฐรดา ธรรมรักษ์ อาจารย์ที่ปรึกษา เปิดเผยว่า วันแรกที่ทราบข่าวว่านักศึกษาจะถูกตัดขา ก็ได้คุยกับคณะแพทย์ว่าถ้าไม่ตัดได้ไหม ทางแพทย์บอกว่าขาได้ตายไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไงก็ต้องตัด จึงให้เขาตัดสินใจซึ่งน้องก็ตัดสินใจให้ตัดขาตั้งแต่เหนือเข่าลงไป ตอนนี้ก็โทรคุยกับเขาทุกวันแผลที่ขาเริ่มแห้ง ต้องเข้าห้องผ่าตัดเล็กล้างแผลดูดเลือดที่คั่งอยู่ออกทุกวัน น้องเขาจะเจ็บทุกวัน
“โดยแพทย์ได้ให้ยาสลายลิ่มเลือดทุกวัน เพราะเกรงว่าขาอีกข้างหนึ่งจะมีปัญหาด้วย ด้านสภาพจิตใจของน้องเกตน์สิรีเข้มแข็งมาก เพราะเขาคิดถึงย่า อยากกลับมาดูแลย่า ก็ได้ให้กำลังใจให้เขาสู้ เพราะยังไงเรามีคนที่จะต้องกลับมาดูแลก็คือย่า ซึ่งเขาก็สู้มาก บอกว่าอยากจะกลับมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลพังงา จากการที่ได้คุยกับคณะแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ก่อนจะผ่าตัดขา ทางแพทย์ก็บอกว่าอาจจะผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าทำไมทางโรงพยาบาลพังงาได้วิเคราะห์ว่าลิ่มเลือดเกิดจากโรคประจำตัว สำหรับน้องเกตน์สิรีนั้น เป็นนักศึกษาที่มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียน มีความมุ่งมั่นเข้าเรียนตลอด ส่งงานครบทุกครั้ง นับเป็นเรื่องเศร้าอย่างมากที่น้องต้องมาเสียขาในอายุ 20 ปี”
นาย
จำรัส ขนาดผล กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่า นส.เกตน์สิรี กองแก้ว เป็นกำลังหลักของครอบครัว ทางอาจารย์วิทยาลัยและเพื่อนนักศึกษาได้ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือได้ก้อนหนึ่ง ให้การช่วยเหลือในค่าใช้จ่าย และซื้อโทรศัพท์ส่งไปให้ จะได้ติดต่อกับย่าและอาจารย์ที่ปรึกษาทุกวัน เนื่องจากเขาต้องไปรักษาตัวอยู่คนเดียวในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์ของพยาบาล หากเงินก้อนนี้หมดลงก็จะใช้เงินกองทุนสวนปาล์มของวิทยาลัยฯเข้ามาช่วยได้อีกระดับหนึ่ง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องขาเทียม และเยียวยาในการสูญเสีย จะเป็นพระคุณอย่างมากเลย
JJNY : จับตาราคาน้ำมันดิบพุ่ง│“หมอธีระ”หวั่นปลายปีระบาดซ้ำ│น.ศ.สาวถูกตัดขา ญาติปักใจฉีดไขว้│ชาวบ้านนอกคันกั้นน้ำปทุมโอด
https://www.matichon.co.th/economy/news_2984963
จับตาราคาน้ำมันดิบพุ่งไม่หยุด กังวลวิกฤตพลังงานขาดแคลน-ต้องการใช้เพิ่มต่อเนื่อง
รายงานข่าวจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ได้วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน พบว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี สำหรับน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส และในรอบ 3 ปี สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ หลังตลาดกังวลวิกฤตพลังงานขาดแคลนทั่วโลกจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบเพิ่มขึ้น จากการใช้น้ำมันทดแทนก๊าซธรรมชาติและถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินอยู่ในระดับสูง ขณะที่อุปทานจากกลุ่มโอเปคพลัสเพิ่มขึ้นในระดับจำกัดที่เพียง 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่านั้น
นอกจากนี้ สหรัฐยังคงไม่มีการออกมาตรการเพื่อสกัดราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันเบนซินล่าสุดเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ปัจจุบันสหรัฐอยู่ระหว่างการพิจารณาใช้มาตรการต่างๆ อาทิเช่น การปล่อยน้ำมันดิบออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) และการระงับการส่งออกน้ำมันดิบในการควบคุมราคาที่สูงขึ้น แต่ยังไม่มีการประกาศบังคับใช้
โดยการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตเพิ่มการขุดเจาะขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 8 ต.ค. ปรับตัว
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอินเดียและอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังที่สิงคโปร์ ที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปทานในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะจากจีน นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงคโปร์ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์
“หมอธีระ” หวั่นปลายปีระบาดซ้ำ เป็น Blue or Black New Year แนะขยายระบบตรวจคัดกรอง RT-PCR ให้คลุมทุกพื้นที่
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2985221
“หมอธีระ” หวั่นปลายปีระบาดหนักซ้ำ เป็น Blue or Black New Year แนะขยายระบบตรวจคัดกรอง RT-PCR ให้คลุมทุกพื้นที่ลดรุนแรง
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
เมื่อวาน (10 ตุลาคม) ทั่วโลกติดเพิ่ม 296,474 คน ตายเพิ่ม 4,467 คน รวมแล้วติดไปรวม 238,627,145 คน เสียชีวิตรวม 4,866,882 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ สหราชอาณาจักร รัสเซีย ตุรกี อเมริกา และอินเดีย
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 93.8 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 90.64
…สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 10,817 คน สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก
แต่หากรวม ATK อีก 10,055 คน จะสูงเป็น”อันดับ 5″ ของโลกเช่นเดียวกับเมื่อวาน แต่เขยิบเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย เป็นรองเพียงตุรกีประเทศเดียวเท่านั้น
ที่น่าวิตกคือ ปัจจุบันสถานการณ์ระบาดของทั่วโลกลดลงชัดเจน แต่ของไทยเรายังรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จำนวนติดเชื้อใหม่เมื่อวานของเราแค่ประเทศเดียว หากรวม ATK จะคิดเป็นร้อยละ 7 ของการติดเชื้อใหม่ทั้งโลก ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก
…บทเรียนที่ควรตระหนัก
1. ผลกระทบจากนโยบายกล่องทรายทำให้เห็นการระบาดที่รุนแรงขึ้นในภาคใต้ดังที่กำลังเผชิญอยู่
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการมาจากต่างประเทศ แต่ส่วนสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การทำให้จำนวนประชากรที่หมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้น เกิดกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการพบปะติดต่อสังสรรค์มากขึ้น จึงทำให้ระบาดหนักขึ้น
ตราบใดที่ไม่กดการระบาดให้ดีพอ แล้วไปเปิดเมือง เปิดท่องเที่ยว เปิดประเทศ ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องโอกาสที่จะระบาดหนักกลับซ้ำขึ้นมา
ถามว่าต้องกดการระบาดไปถึงแค่ไหน ถึงจะลองเปิดดูได้
คำตอบมาจากงานวิจัยฝั่งยุโรป ชี้ให้เห็นว่า อาจมีโอกาสสร้างสมดุลเศรษฐกิจกับการระบาดได้ หากติดเชื้อใหม่ต่อวัน ไม่เกิน 10 คนต่อประชากร 1,000,000 คน
ดังนั้นหากคิดย้อนกลับไป เราจึงไม่แปลกใจว่าเหตุใดแต่ละพื้นที่ข้างต้น จึงเป็นดังเช่นปัจจุบัน เหตุผลตรงไปตรงมาที่สุดคือ ไปเปิดในขณะที่สถานการณ์ระบาดยังไม่ดีพอนั่นเอง
2. ผลลบปลอมจากการใช้ชุดตรวจไว ATK
หากค่าความไวของชุดตรวจไม่มาก จะทำให้เกิดผลลบปลอมได้สูง นั่นคือคนที่ติดเชื้อแต่ตรวจแล้วกลับได้ผลลบ
จำนวนคนที่ตรวจแล้วได้ผลลบเหล่านั้นย่อมนำไปสู่โอกาสที่จะนำเชื้อไปแพร่ต่อเนื่องในชุมชนที่อยู่อาศัยนั่นเอง
สิ่งที่ควรทำคือ การขยายระบบการตรวจคัดกรองมาตรฐาน RT-PCR และกลไกการประสานงานส่งต่อสิ่งส่งตรวจให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ใช้วิธีตรวจนี้เป็นมาตรฐาน ให้คนเข้าถึงได้โดยอิสระ ไม่คิดค่าใช้จ่าย
เพราะหากระบบนี้ไม่เกิดขึ้นมา หรือไม่มีศักยภาพที่จะทำได้มากเพียงพอ การประกาศนโยบายเปิดเมือง เปิดท่องเที่ยว และเปิดประเทศท่ามกลางสถานการณ์ระบาดรุนแรงต่อเนื่อง จะมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เราเข้าสู่การระบาดหนักซ้ำปลายปี เป็น Blue or Black New Year และเกิดผลกระทบมากมายและยาวนานได้
ณ จุดนี้ ย้ำอีกครั้งว่า ขอให้ใส่หน้ากากเสมอ สำคัญมาก
ด้วยรักและห่วงใย
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223245201910828
น.ศ.สาวถูกตัดขา 1 ข้าง เหตุเส้นเลือดอุดตันฉับพลัน ญาติปักใจเพราะฉีดวัคซีนไขว้
https://www.matichon.co.th/region/news_2985089
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นายจำรัส ขนาดผล ผอ.วิทยาลัยชุมชนพังงา พร้อมด้วยอาจารย์ในวิทยาลัยลงพื้นที่พบกับนางห้าเหลี้ย กองแก้ว อายุ 85 ปี ชาว ต.เกาะปันหยี อ.เมืองพังงา หลังจากพบว่า นส.เกตน์สิรี กองแก้ว อายุ 20 ปี นักศึกษาสาขาวิชาการปกครองท้องถิ่นของวิทยาลัยชุมชนพังงา ซึ่งเป็นหลานสาว ประสบปัญหาเจ็บป่วยหลังจากไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 แบบไขว้ จากหน่วยฉีดวัคซีนอำเภอเมืองพังงา จนโรงพยาบาลพังงาต้องส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
และล่าสุด ทางคณะแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคเลือดเลือดแดง 2 ข้างอุดตันฉับพลับ จนต้องตัดขาข้างซ้ายเหนือหัวเข่าไป 1 ข้าง ทำให้ญาติๆ และหลายคน ต่างเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนเข็ม 2 แอสตร้าเซนเนก้า แบบไขว้ อย่างแน่นอน และอยากร้องขอให้ทางราชการเข้าช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวเป็นการด่วน เนื่องจาก น.ส.เกตน์สิรี เป็นลูกกำพร้า พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ แล้วแม่ก็ทิ้งไป อาศัยอยู่กับย่าเพียง 2 คน มีฐานะยากจนเปิดร้านขายของเล็กๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งทางย่าก็ไม่เรียกร้องอะไรบอกว่าแล้วแต่ทางราชการจะช่วยเหลือ
นายอนุพงษ์ ธรรมรงค์ อายุ 25 ปี เพื่อนนักศึกษา ที่บ้านอยู่ใกล้เคียงกัน เล่าว่า หลังจาก น.ส.เกตน์สิรี ไปฉีดวัคซีนเข็ม 2 แอสตร้าเซนเนก้า แบบไขว้ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา จากหน่วยฉีดวัคซีนอำเภอเมืองพังงา หลังจากนั้น 3 วันก็มีอาการไข้ แน่นหน้าอก ผ่านไปอีก 2 วันจึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพังงา แพทย์บอกว่าไม่มีอะไร มีอาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และนัดอีกเจ็ดวันเพื่อตรวจซ้ำ
“แต่ไม่ทันถึงวันนัด ก็เกิดอาการปวดขาข้างซ้ายปวดมากแบบจับขาไม่ได้เลย จึงรีบไปโรงพยาบาลพังงา ทางโรงพยาบาลพังงาส่งตัวไปเอกซเรย์เส้นเลือดที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี แพทย์แจ้งว่ามีเส้นเลือดอุดตัน และผ่าตัดด่วนและพบว่ามีเนื้อตายต้องส่งตัวไปที่ผ่าตัดอีกครั้งที่โรงพยาบาลกระบี่ เมื่อกลับมาอาการไม่ดีขึ้น จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และล่าสุดก็ถูกตัดขาข้างซ้ายเหนือเข่าไป 1 ข้าง ซึ่งทางญาติๆต่างก็เชื่อว่าเป็นผลจากการฉีดวัคซีนแน่นอน เพราะเขาไม่เคยมีโรคประจำตัวมาก่อน”
น.ส.ณัฐรดา ธรรมรักษ์ อาจารย์ที่ปรึกษา เปิดเผยว่า วันแรกที่ทราบข่าวว่านักศึกษาจะถูกตัดขา ก็ได้คุยกับคณะแพทย์ว่าถ้าไม่ตัดได้ไหม ทางแพทย์บอกว่าขาได้ตายไปครึ่งหนึ่งแล้วยังไงก็ต้องตัด จึงให้เขาตัดสินใจซึ่งน้องก็ตัดสินใจให้ตัดขาตั้งแต่เหนือเข่าลงไป ตอนนี้ก็โทรคุยกับเขาทุกวันแผลที่ขาเริ่มแห้ง ต้องเข้าห้องผ่าตัดเล็กล้างแผลดูดเลือดที่คั่งอยู่ออกทุกวัน น้องเขาจะเจ็บทุกวัน
“โดยแพทย์ได้ให้ยาสลายลิ่มเลือดทุกวัน เพราะเกรงว่าขาอีกข้างหนึ่งจะมีปัญหาด้วย ด้านสภาพจิตใจของน้องเกตน์สิรีเข้มแข็งมาก เพราะเขาคิดถึงย่า อยากกลับมาดูแลย่า ก็ได้ให้กำลังใจให้เขาสู้ เพราะยังไงเรามีคนที่จะต้องกลับมาดูแลก็คือย่า ซึ่งเขาก็สู้มาก บอกว่าอยากจะกลับมาพักฟื้นที่โรงพยาบาลพังงา จากการที่ได้คุยกับคณะแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ก่อนจะผ่าตัดขา ทางแพทย์ก็บอกว่าอาจจะผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนได้ด้วยเช่นเดียวกัน แต่ไม่แน่ใจว่าทำไมทางโรงพยาบาลพังงาได้วิเคราะห์ว่าลิ่มเลือดเกิดจากโรคประจำตัว สำหรับน้องเกตน์สิรีนั้น เป็นนักศึกษาที่มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียน มีความมุ่งมั่นเข้าเรียนตลอด ส่งงานครบทุกครั้ง นับเป็นเรื่องเศร้าอย่างมากที่น้องต้องมาเสียขาในอายุ 20 ปี”
นายจำรัส ขนาดผล กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่า นส.เกตน์สิรี กองแก้ว เป็นกำลังหลักของครอบครัว ทางอาจารย์วิทยาลัยและเพื่อนนักศึกษาได้ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือได้ก้อนหนึ่ง ให้การช่วยเหลือในค่าใช้จ่าย และซื้อโทรศัพท์ส่งไปให้ จะได้ติดต่อกับย่าและอาจารย์ที่ปรึกษาทุกวัน เนื่องจากเขาต้องไปรักษาตัวอยู่คนเดียวในโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ไม่ต้องพึ่งโทรศัพท์ของพยาบาล หากเงินก้อนนี้หมดลงก็จะใช้เงินกองทุนสวนปาล์มของวิทยาลัยฯเข้ามาช่วยได้อีกระดับหนึ่ง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องขาเทียม และเยียวยาในการสูญเสีย จะเป็นพระคุณอย่างมากเลย