"พระเอก"

ดึกสงัดมีเพียงเสียงกบเขียดร้องระงม ใต้แสงนวลสลัวของหลอดไฟแอลอีดีจากยอดเสาประติมากรรมลายไทยวิจิตรบนสะพานข้ามแม่น้ำ
ที่ทางเท้าปรากฏร่างของชายหนุ่มที่กำลังสาละวนกับกล่องอุปกรณ์ "ราคาดวงจันทร์ประโยชน์ใช้สอยเท่าหิ่งห้อยจริงๆนะเอ็งมองอะไรไม่เห็นเลย"
เขาบ่นพึมพำกับเสาไฟที่อยู่เหนือหัวพลางเหวี่ยงลูกตะกั่วลอยละลิ่ว เสียงเอ็นจากรอกผ่านสายลมปนละอองฝนของเดือนตุลาคมดังหวีดหวิว 
เป้าหมายคือบริเวณท่าน้ำของวัดที่อยู่เบื้องล่าง เขายืนมองอยู่ครู่นึงก่อนวางคันเบ็ดในมือพิงไว้กับราวสะพาน คืนนี้อากาศเย็นเป็นพิเศษเขารูด
ซิปเสื้อกันลมตัวเก่งที่แถมจากร้านขายมอเตอร์ไซค์ขี้นจนสุด ก่อนล้วงเอามือถือในกระเป๋าคาดเอวออกมาดู "ห้าทุ่มครึ่ง " เบ็ดยังคงเงียบอยู่เขา
ลากเก้าอี้เล็กๆที่เตรียมมาแล้วนั่งดูมือถือเป็นเรื่องเป็นราว
       
    ครึ่งคืนแล้วมีเพียงแสงสว่างจากหน้าจอมือถือกับเสาไฟต้นละแสนที่ไม่รู้ว่าอันไหนสว่างกว่ากัน ที่หน้าจอมือถือแสดงให้เห็นว่าพลังงานของมัน
ลดลงจากเดิมกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้ว แก๊ก! เสียงรอกดังขี้น เขาวางโทรศัพท์ลงก่อนหันไปคว้าเบ็ดหมุนรอกขี้นอย่างเร็วพบว่าเหยื่อตกปลาหายไป
"ว่าวอีกตามเคย" ชายหนุ่มพูดกับตัวเองก่อนหันไปหยิบถุงขนมปัง นำชิ้นที่เหลืออยู่ครึ่งนึงมาเกี่ยวแล้วพันขนมปังไปรอบๆจนมองไม่เห็นตัวเบ็ด
ก่อนจุ่มมันลงไปในขวดหัวเชื้อเพื่อเพิ่มกลิ่นล่อปลา เขายกคันเบ็ดแล้วเหวี่ยงมันเต็มแรงด้วยความชำนาญ เบ็ดถูกส่งลงไปยังตำแหน่งเดียวกับจุดเดิม 
ยังไม่ทันจะได้วางของในมือ ที่กลางสะพานเขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนราวกั้น สองมือจับราวไว้แน่นก้มหน้ามองลงไปยังด้านล่าง
      
   ไวเท่าความคิดเขาวางเบ็ดหันไปคว้าถือเปิดกล้องเตรียมไลฟ์สดทันที มันไม่ปกติที่ใครสักคนจะขี้นไปนั่งบนนั้นด้วยความสูงกว่ายี่สิบเมตรจากพื้นน้ำ 
ตกลงไปถึงขั้นกลับบ้านเก่าได้เลยทีเดียว เขาหันกล้องแล้วซูมที่ผู้หญิงคนนั้นเธอดูครุ่นคิดเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง สติกลับมาเขาเก็บมือถือ
แล้วยัดมันลงกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ถึงแม้ว่าเขาจะติดโชเซียลแต่ในยามนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาทำตัวเป็นมนุษย์กล้อง ชีวิตคนสำคัญกว่าคอนเทนต์
เขาเดินตรงไปยังหญิงสาวทันที "น้องๆเดี๋ยวก่อน"เธอชะงักเงยหน้าขี้นมองตรงไปด้านหน้า เป็นสัญญาณที่ดีเขาขยับใกล้แต่ก็ยังทิ้งระยะห่างพอสมควร
เพื่อไม่เป็นการกดดันเธอเกินไป ประสบการณ์จากงาน รปภ. ทำให้เขาพอจะรู้ถึงขั้นตอนวิธีการปฏิบัติตัวต่อผู้ที่กำลังจะทำร้ายตัวเองอยู่บ้าง 
"เกิดอะไรขี้นเล่าให้พี่ฟังได้ไหม" เธอนิ่งไม่ตอบ นาทีนั้นดังต้องมนต์เดรสสีแดงยาวของเธอพริ้วไหว ผมประบ่าสีควันบุหรี่ลู่ลมอาบแก้ม เผยต้นคอขาว
ยาวระหงใสกระจ่างมีออร่า กลิ่นน้ำหอมรัญจวนคล้ายดอกไม้บางอย่าง จำไม่ได้ว่าเคยได้กลิ่นนี้จากที่ใหน "ขาวโอโม่ คนอะไรขาวเฟร่อ" เขาคิดในใจ

"พี่อยากฟังเรื่องของหนูหรอ" ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากภวังค์ "ขะครับ" พลันติดอ่างจะบ้าตาย 
"พี่ชื่อรัยอ่ะ" เอ่อ...ตู่ครับ พี่ชื่อตู่น่ะ เขาตอบ
"ตู่ ประยุทธ ?" เธอถาม "ไม่ใช่ครับนั่นนายก"
"ตู่ จตุพร ?" ไม่ใช่นั่นแกนนำ นปช.
"ตู่ ภพธร ?" นั่นนักร้อง
"แล้วตู่ไหน" ตู่เฉยๆครับ แต่เพื่อนๆมันเรียกชอบเรียกผมว่า...
"ว่าอะไรคะ" เอ่อ..ช่างมันเถอะครับ
"อ๋อตู่เฉยๆ" เธอทวนชื่อเขาขณะก้มหน้ามองลงไปยังผืนน้ำดำมืดด้านล่าง
"ตกปลาวัดบาปนะพี่" อ้าวรู้ทันอีก อ๋อเบ็ดมันไหลตามน้ำไปเอง ตู่แก้ตัว

เธอเป็นคนตลกและท่าทางก็ไม่เหมือนคนที่กำลังเครียดหรือจะคิดสั้นอย่างที่เขาคิดในตอนแรก เป็นทีของเขาชวนเธอสนทนาบ้าง

"แล้วน้องล่ะชื่ออะไร" เอ๋ค่ะ
"ที่บ้านทำฟาร์มไก่" ค่ะ
"ฟาร์มจระเข้" ค่ะ
"เอ๋ ปารีณา" ค่ะ
"จริงดิ" เขาแปลกใจ" ไม่จริงค่ะ หลอก" เธอตอบ

เพียงไม่นานด้วยมนตราหรือบรรยากาศที่แสนเปลี่ยวเหงายามค่ำคืน ชายหนุ่มเริ่มหลงเสนห์หญิงสาวตรงหน้า เธอดูเป็นคนคุยสนุกช่างต่อปากต่อคำ 
จากชุดที่ใส่เธอเป็นคนรูปร่างดีมาก ดูแล้วทำให้เขานึกถึงพวกเน็ตไอดอลหรือไม่ก็พริตตี้ ตู่แอบสำรวจเธอเป็นรอบที่สอง

"พรุ่งนี้ไม่มีเรียนหรือต้องทำงานเหรอ?"   เขาถามเพื่อเป็นการปูทางให้สิ้นสงสัย
"พรุ่งนี้วันอาทิตย์ค่ะ" เอ๊า ปล่อยไก่อีก"น้องเอ๋เรียนหรือทำงานอะไรครับ" เขาถือวิสาสะเนียนเรียกน้องตีสนิทถามเอาดื้อๆ
"หนูเรียนอยู่ค่าาา ทำงานไปด้วย" งานอะไรครับ?
"พี่ตู่นี่ขี้สงสัยนะคะจะจ้างหนูไปช่วยงานหรอออ" ครับ ผมเพิ่งไล่แม่บ้านคนเก่าออกพอดี เขารับมุก
"พี่ไล่หรือเค้าลาออกเองคะ" ผมไล่ออกสิ ปั๊ดโธ่!  ผมไม่ไล่แล้วใครจะไล่ล่ะจ๊ะ
"ดุจังเล้ยยย มีลูกขอตัวนะคะ " แฮ่ะๆ หยอก สรุปน้องเอ๋ทำงานอะไรครับ? เขารุกต่อ
"งานฟรีแลนซ์"  ฟรีแลนซ์?  เขาสงสัย
"งานเอนเตอร์เทน"  เอนเตอร์เทน?
"ก็ชงเหล้า กินข้าวเป็นเพื่อน เอ็มซี พริตตี้ รับทำหมดค่าาา ภาระเยอะ"  นั่นไงว่าแล้วเขาหายสงสัย แล้ววันนี้ไม่มีงานเหรอครับ
"ไม่มีค่าาา ไม่ได้ทำแล้ววว" เธอก้มหน้าอีกครั้ง ทำไมล่ะครับ?

ก่อนที่คำถามจะถูกตอบลมเย็นวูบใหญ่ทำให้ตู่นึกขี้นได้ "ผมว่าลงมาจากราวสะพานก่อนดีกว่าครับเดี๋ยวจะตกลงไปอากาศเย็นด้วยจะเดี๋ยวไม่สบายเอา" 
"ค่าาา" เธอรับปากพลางลุกขี้นบนราวสะพานแล้วกางแขนเคลื่อนที่ขยับเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม "กลิ่นดอกซ่อนชู้นี่เอง" เขารำพีง 
"ลงมาเถอะครับอย่าเล่นแบบนี้มันอันตราย" ชายหนุ่มหน้าเสียร้องเตือนด้วยความเป็นห่วง แตกต่างกับเธอที่ดูร่าเริงหัวเราะคิกคักแล้วเคลื่อนตัว
ห่างออกไป ตู่ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง ทันใดนั้นเอง คุณพระช่วย!มันเป็นไปไม่ได้  เขาเพิ่งสังเกต ภายใต้ชายกระโปรงที่ปลิวไสวอยู่นั้นมันว่างเปล่าปราศจากซี่งขาหรือเท้าหรือสิ่งอื่นใดที่มนุษย์ทั่วไปพึงมี สมองน้อยๆของตู่ทำงานอย่างหนักตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมา เธอลอยไปมาอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร เหตุการณ์ตรงหน้าเกินกว่าจะรับไหว สติของเขาเริ่มหลุดลอยไปพร้อมๆกับคำตอบของเธอ

"ทำไม่ได้แล้วค่าาา ลูกค้ามันเมามันจะข่มขืนหนู หนูไม่ยอม มันบีบคอหนูจนขาดใจตาย แล้วเอาหนูใส่รถมาทิ้งตรงนี้ก่อนที่พี่จะมาไม่นาน 
ศพหนูยังอยู่ข้างล่างตรงหน้าวัดโน่น บอกใครมาเอาหนูขี้นไปที หนูหนาววว"  

ก่อนสติดับมืดลง ตู่ยังได้ยินประโยคสุดท้ายของเอ๋ 

"สวดมนต์ให้หนูด้วยนะคะพี่ตู่..."

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่