สวัสดีค่ะเพื่อนๆ จะขอเล่าความให้ฟังก่อนตั้งคำถามนะคะ
แฟนเราทำกิจการบ้านน็อคดาวน์ และเริ่มจากไม่มีต้นทุนเลย มีเพียงความรู้และประสบการณ์10กว่าปี และเคยทำร่วมกับอีกบริษัท มีลูกค้าของตัวเองอยู่แล้ว เลยเลือกที่จะออกมาและมาเปิดเอง วันที่ออกมาวันแรกไม่มีที่ทาง มาหาเช่าที่และขอเช่าก่อนโดยไม่มีเงินวางมัดจำและขอผ่อนมัดจำที่ซึ่งเจ้าของที่ก็ให้ เค้าน่ารักมากค่ะ แล้วก็มีแบรนด์ชานมไข่มุก 1 แบรนด์เป็นผู้อุดหนุน สั่งทำตู้กาแฟ โอนเงินให้20,000กว่าบาท แฟนเรามีแค่มอไซ1คัน เช่าเต้นมา1หลัง เต้นงานบวช นอนใต้เต้น ไปซื้อของเอง เชื่อมเอง ประกอบเอง ไปส่งตู้เอง ทำแบบนี้มาเรื่อยๆและงานก็ส่งตรงเวลามาโดยตลอด จนเริ่มที่ตะรับงานตู้ใบใหญ่ขึ้น จนวันนึงก็พบกับผู้อุปการะใจดี 1ท่าน ที่มาซื้อตู้1ใบ เค้าเห็นถึงความตั้งใจของแฟนเรา และก็เริ่มสนิทกันไปมาหาสูาบ่อยขึ้น สอนเรื่องการรูดบัตร และเค้าก็เอารถขนขยะของเค้ามาให้ ผู้อุปการะใจดีคนนั้นบอกว่า ให้ผ่อนกับเค้าก็ได้ ผ่อนหมดค่อยโอน ให้เอ็งเอารถไปใช้ทำมาหากินให้คล่องตัว พี่จะช่วยเอ็งต่อแขนต่อขา และหลังจากนั้น ที่พี่เค้าหยิบยื่นให้พี่คนนั้นก็เริ่มหายไป เหมือนเค้าได้ทำหน้าที่ของเค้าเสร็จแล้ว เค้าก็เลยจะหายไปเอง แต่ทางเราก็พยายามติดต่อไปตลอดแม้จะไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลยก็ตาม คนแบบนี้ก็มีด้วยนะคะ 😊 และการทำงานก็เริ่มโตขึ้น เริ่มทำงานส่งบริษัท เริ่มทำงานบ้านหลังใหญ่ จนวันที่ชีวิตเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงก็มาถึงมีลูกค้าสั่งพร้อมกัน 6 ใบ แฟนเราก็ทำให้ และถึงวันส่งมอบ ในความที่ตั้งแต่ทำกิจการของตัวเองมา ยังไม่เคยเจอลูกค้าหลายๆแบบ ก็เจอครั้งแรก คือลูกค้าไม่ยอมจ่ายงวดสุดท้าย โดนโกงไปหลายแสนบาท ไปนอนเฝ้าถึงที่ก็ไม่จ่ายเวลาล่วงเลยไปเป็นหลายอาทิตย์ เงินจะให้ลูกน้องก็ไม่มี เงินซื้อข้างก็ไม่มี บางวันแอบเนียนไปปั้นข้าวเหนียวลูกน้องโดรยเกลือกิน จนในที่สุด ก็มีลูกค้าคนใหม่เข้ามา และสั่งตู้ โอนให้งวดแรก สวรรค์ก็เปิดและเห็นใจแฟนของเรา วันนั้นคือวันที่มีความสุขมาก จากวันนั้นจนวันนี้ลูกค้าท่านนั้นก็ไม่จ่ายเงินเราเลย แต่ในช่วงที่เงินเข้านั้น มันคือจุดเปลี่ยน เพราะกำไรที่ได้จากงาน ต้องเอาไปจ่ายค่าที่ ค่าแรง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะ ก็ต้องเอาเงินงวดแรกที่ลูกค้าสั่งบ้าน เข้ามาหมุน จากนั้นเป็นต้นมา ก็เริ่มหมุนเรื่อยๆ เพราะด้วยความที่ไม่มีทุน การที่เราเอาเงินของงานอื่นมาหมุน ก็จะยิ่งทำงานเริ่มช้าเริ่มค้าและเริ่มชน คนงานเคยจ่ายเงินตรงก็เริ่มไม่ตรง และหนักไปยิ่งกว่านั้นคือ เจ้าของที่เช่าเค้าต้องการที่คืน เราจึงต้องหาที่ใหม่ และเมื่อหาที่ใหม่ เงินก็จะต้องใช้เยอะมากขึ้น ไม่ต่ำกว่า3แสน สำหรับการย้ายที่ ย้ายโครงสร้าง ปรับที่ ฯ เงินก็ยิ่งเริ่มถูกหมุนมากยิ่งขึ้น ขายงานดีมาก ลูกค้าเราเยอะมาก เราเริ่มเจอปัญหา คนงานน้อย คนงานเยอะแต่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำงานแล้วต้องตามแก้ไข เสียแล้วเสียอีก คนงานเริ่มวนไป เก่าไป ใหม่มา กว่าจะหาคนดีๆเจอ ก็นาน เจอก็น้อย ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ ค่าของแพงมากๆ ลูกค้า40ท่าน ซื้อบ้านตอนราคาเหล็กถูก แต่อยู่ดีๆ ราคาเหล็กจากเส้นละ400ก็กระโดดมา800 ราคาบ้านเท่าตัว แต่ก็ไม่สามารถไปคิดเงินกับลูกค้าเพิ่มได้ แถมบางคน ส่งบ้านช้าก็ไม่จ่ายเลย5-6หมื่นบาท ต่อหลัง เจอแบบนี้บ่อยเข้าๆ ขาที่เคยแข็งก็เริ่มจะไม่แข็ง เริ่มมีทะเลาะกัน ลูกค้าเริ่มขอเงินคืนโดยไม่ฟังเหตุผล ด้วยความที่เราอยู่มานานหน้าเพจคือที่เดียวที่เราทำมาหากินและใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัวเรา มันคือธุรกิจเดียวที่เราทำได้และทำเป็น และเลี้ยงปากท้องเรามาจนถึงวันนี้ เราจึงต้องยอม เพื่อให้เรายังสามารถหากินได้ต่อไป เราไม่มีทรัพย์สิน มีแต่หนี้สิน แฟนเราก็เช่นกัน ต่างคนต่างตัวปล่าวเล่าเปลือย ไม่มีอะไรให้ขายเพื่อประทังงานเราให้เดินต่อ แต่ละวันต้องมีขั้นต่ำถึง50,000บาท เราถึงจะใช้ชีวิตอยู่แบบเคลียดนิดนึง แต่ถ้าวันไหนไม่มีเงินเข้าเลย เราจะเคลียดจนหัวแทบระเบิดต้องกินยาทุกวัน ถ้าอยากสบายใจก็ต้องมีหลัก200,000บาท ต่อวัน นับตอนนี้ที่เราทำบัญชีหนี้สิน เราเป็นหนี้2ล้านบาท และเราต้องมีเงินอย่างต่ำ1ล้านบาท เราถึงจะประคองกิจการเราให้ขาแข็งได้อย่างเดิม แต่วันนี้เราไม่มีที่ปรึกษาด้านนี้เลย ไม่รู้จะหาเงินมามากมายจากไหน จะเทลูกค้าทิ้งก็ไม่ได้ จะหนีไปก็ไม่อยากเป็นคนชั่ว ควรทำอย่างไรดีคะเพื่อนๆ ช่วยแนะนำเราหน่อย เราควรจะไปปรึกษาใคร
ประกอบกิจผู้รับเหมา โดยไม่มีทุน เริ่มจาก0สู่การเป็นหนี้หลักล้าน ทำอย่างไรดี
แฟนเราทำกิจการบ้านน็อคดาวน์ และเริ่มจากไม่มีต้นทุนเลย มีเพียงความรู้และประสบการณ์10กว่าปี และเคยทำร่วมกับอีกบริษัท มีลูกค้าของตัวเองอยู่แล้ว เลยเลือกที่จะออกมาและมาเปิดเอง วันที่ออกมาวันแรกไม่มีที่ทาง มาหาเช่าที่และขอเช่าก่อนโดยไม่มีเงินวางมัดจำและขอผ่อนมัดจำที่ซึ่งเจ้าของที่ก็ให้ เค้าน่ารักมากค่ะ แล้วก็มีแบรนด์ชานมไข่มุก 1 แบรนด์เป็นผู้อุดหนุน สั่งทำตู้กาแฟ โอนเงินให้20,000กว่าบาท แฟนเรามีแค่มอไซ1คัน เช่าเต้นมา1หลัง เต้นงานบวช นอนใต้เต้น ไปซื้อของเอง เชื่อมเอง ประกอบเอง ไปส่งตู้เอง ทำแบบนี้มาเรื่อยๆและงานก็ส่งตรงเวลามาโดยตลอด จนเริ่มที่ตะรับงานตู้ใบใหญ่ขึ้น จนวันนึงก็พบกับผู้อุปการะใจดี 1ท่าน ที่มาซื้อตู้1ใบ เค้าเห็นถึงความตั้งใจของแฟนเรา และก็เริ่มสนิทกันไปมาหาสูาบ่อยขึ้น สอนเรื่องการรูดบัตร และเค้าก็เอารถขนขยะของเค้ามาให้ ผู้อุปการะใจดีคนนั้นบอกว่า ให้ผ่อนกับเค้าก็ได้ ผ่อนหมดค่อยโอน ให้เอ็งเอารถไปใช้ทำมาหากินให้คล่องตัว พี่จะช่วยเอ็งต่อแขนต่อขา และหลังจากนั้น ที่พี่เค้าหยิบยื่นให้พี่คนนั้นก็เริ่มหายไป เหมือนเค้าได้ทำหน้าที่ของเค้าเสร็จแล้ว เค้าก็เลยจะหายไปเอง แต่ทางเราก็พยายามติดต่อไปตลอดแม้จะไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเลยก็ตาม คนแบบนี้ก็มีด้วยนะคะ 😊 และการทำงานก็เริ่มโตขึ้น เริ่มทำงานส่งบริษัท เริ่มทำงานบ้านหลังใหญ่ จนวันที่ชีวิตเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงก็มาถึงมีลูกค้าสั่งพร้อมกัน 6 ใบ แฟนเราก็ทำให้ และถึงวันส่งมอบ ในความที่ตั้งแต่ทำกิจการของตัวเองมา ยังไม่เคยเจอลูกค้าหลายๆแบบ ก็เจอครั้งแรก คือลูกค้าไม่ยอมจ่ายงวดสุดท้าย โดนโกงไปหลายแสนบาท ไปนอนเฝ้าถึงที่ก็ไม่จ่ายเวลาล่วงเลยไปเป็นหลายอาทิตย์ เงินจะให้ลูกน้องก็ไม่มี เงินซื้อข้างก็ไม่มี บางวันแอบเนียนไปปั้นข้าวเหนียวลูกน้องโดรยเกลือกิน จนในที่สุด ก็มีลูกค้าคนใหม่เข้ามา และสั่งตู้ โอนให้งวดแรก สวรรค์ก็เปิดและเห็นใจแฟนของเรา วันนั้นคือวันที่มีความสุขมาก จากวันนั้นจนวันนี้ลูกค้าท่านนั้นก็ไม่จ่ายเงินเราเลย แต่ในช่วงที่เงินเข้านั้น มันคือจุดเปลี่ยน เพราะกำไรที่ได้จากงาน ต้องเอาไปจ่ายค่าที่ ค่าแรง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะ ก็ต้องเอาเงินงวดแรกที่ลูกค้าสั่งบ้าน เข้ามาหมุน จากนั้นเป็นต้นมา ก็เริ่มหมุนเรื่อยๆ เพราะด้วยความที่ไม่มีทุน การที่เราเอาเงินของงานอื่นมาหมุน ก็จะยิ่งทำงานเริ่มช้าเริ่มค้าและเริ่มชน คนงานเคยจ่ายเงินตรงก็เริ่มไม่ตรง และหนักไปยิ่งกว่านั้นคือ เจ้าของที่เช่าเค้าต้องการที่คืน เราจึงต้องหาที่ใหม่ และเมื่อหาที่ใหม่ เงินก็จะต้องใช้เยอะมากขึ้น ไม่ต่ำกว่า3แสน สำหรับการย้ายที่ ย้ายโครงสร้าง ปรับที่ ฯ เงินก็ยิ่งเริ่มถูกหมุนมากยิ่งขึ้น ขายงานดีมาก ลูกค้าเราเยอะมาก เราเริ่มเจอปัญหา คนงานน้อย คนงานเยอะแต่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำงานแล้วต้องตามแก้ไข เสียแล้วเสียอีก คนงานเริ่มวนไป เก่าไป ใหม่มา กว่าจะหาคนดีๆเจอ ก็นาน เจอก็น้อย ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ ค่าของแพงมากๆ ลูกค้า40ท่าน ซื้อบ้านตอนราคาเหล็กถูก แต่อยู่ดีๆ ราคาเหล็กจากเส้นละ400ก็กระโดดมา800 ราคาบ้านเท่าตัว แต่ก็ไม่สามารถไปคิดเงินกับลูกค้าเพิ่มได้ แถมบางคน ส่งบ้านช้าก็ไม่จ่ายเลย5-6หมื่นบาท ต่อหลัง เจอแบบนี้บ่อยเข้าๆ ขาที่เคยแข็งก็เริ่มจะไม่แข็ง เริ่มมีทะเลาะกัน ลูกค้าเริ่มขอเงินคืนโดยไม่ฟังเหตุผล ด้วยความที่เราอยู่มานานหน้าเพจคือที่เดียวที่เราทำมาหากินและใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัวเรา มันคือธุรกิจเดียวที่เราทำได้และทำเป็น และเลี้ยงปากท้องเรามาจนถึงวันนี้ เราจึงต้องยอม เพื่อให้เรายังสามารถหากินได้ต่อไป เราไม่มีทรัพย์สิน มีแต่หนี้สิน แฟนเราก็เช่นกัน ต่างคนต่างตัวปล่าวเล่าเปลือย ไม่มีอะไรให้ขายเพื่อประทังงานเราให้เดินต่อ แต่ละวันต้องมีขั้นต่ำถึง50,000บาท เราถึงจะใช้ชีวิตอยู่แบบเคลียดนิดนึง แต่ถ้าวันไหนไม่มีเงินเข้าเลย เราจะเคลียดจนหัวแทบระเบิดต้องกินยาทุกวัน ถ้าอยากสบายใจก็ต้องมีหลัก200,000บาท ต่อวัน นับตอนนี้ที่เราทำบัญชีหนี้สิน เราเป็นหนี้2ล้านบาท และเราต้องมีเงินอย่างต่ำ1ล้านบาท เราถึงจะประคองกิจการเราให้ขาแข็งได้อย่างเดิม แต่วันนี้เราไม่มีที่ปรึกษาด้านนี้เลย ไม่รู้จะหาเงินมามากมายจากไหน จะเทลูกค้าทิ้งก็ไม่ได้ จะหนีไปก็ไม่อยากเป็นคนชั่ว ควรทำอย่างไรดีคะเพื่อนๆ ช่วยแนะนำเราหน่อย เราควรจะไปปรึกษาใคร