‘โฆษกเพื่อไทย’ จี้รัฐเร่งขอสิทธิผลิตยา ‘โมนูลพิราเวียร์’ หลังต่างประเทศเริ่มขาย เตือน อย่าตกขบวน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2972825
‘โฆษกเพื่อไทย’ จี้รัฐเร่งขอสิทธิผลิตยา ‘โมนูลพิราเวียร์’ หลังต่างประเทศเริ่มขาย เตือน อย่าตกขบวน
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคพท. แถลงว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลยังคงบริหารจัดการล้มเหลวเสมอต้นเสมอปลาย โดยเฉพาะการจัดการวัคซีนทุกรูปแบบ ทั้งวัคซีนจากภาษีประชาชน หรือวัคซีนจากเงินในกระเป๋าของประชาชน เพราะจนถึงขณะนี้ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้ฉีดแม้วัคซีนเข็มแรก ขณะที่ทั่วโลกก้าวข้ามเรื่องวัคซีน ไปที่การผลิตคิดค้นยาเม็ดสำหรับกินป้องกันโควิดแล้ว อย่างยาโมลนูพิราเวียร์ที่สหรัฐอยู่ในช่วงของการทดลองประสิทธิภาพในขั้นสุดท้าย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ และหากผ่าน อย.ของสหรัฐ ก็เตรียมผลิตออกจำหน่ายภายในเดือนนี้ จึงอยากให้รัฐบาลเตรียมการให้พร้อม ทั้งในเรื่องการเร่งสั่งจองซื้อยาทันทีก่อนที่การทดลองจะแล้วเสร็จ เพื่อป้องกันราคาที่จะเพิ่มสูงขึ้นหลังผ่านการรับรอง ขณะเดียวกันองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็ควรวางแผนเจรจากับผู้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ในการซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตในประเทศ อย่าปล่อยให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ตกขบวนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีพอ
น.ส.อรุณี กล่าวอีกว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนที่ประชาชนควักเงินจ่ายเองอย่างโมเดอร์นานั้น ยังพบความผิดปกติ เพราะการสั่งซื้อผ่าน 2 หน่วยงานมีราคาที่แตกต่างกันมาก โดย อภ. ซึ่งเป็นตัวแทนซื้อโมเดอร์นาให้โรงพยาบาลเอกชนรวม 9 ล้านโดส ราคาอยู่ที่โดสละ 1,100 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าขนส่ง และค่าประกันภัยรายบุคคล ขณะที่การจัดซื้อโมเดอร์นาของสภากาชาดไทย 1 ล้านโดส ราคาอยู่ที่โดสละ 966.75 บาท รวมค่าขนส่งอย่างเดียว ราคาต่างกันถึงโดสละ 133 บาท คิดเป็นเงินส่วนต่างเกือบ 1,200 ล้านบาท เหตุใดการจัดซื้อผ่านตัวแทนหน่วยงานของรัฐจึงมีการบวกค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ เป็นการกระทำที่บีบให้ประชาชนจนมุมไม่มีทางเลือก มีหน้าที่อย่างเดียวคือจ่ายเงินเพื่อแลกกับวัคซีนที่ดีให้กับตัวเองหรือ อภ.ควรออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย
“ในความเป็นจริง ประชาชนไม่ควรเสียเงินค่าวัคซีนเองด้วยซ้ำ แต่เพราะวัคซีนบางตัวถูกตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพ จึงต้องเจียดเงินที่มีน้อยนิดมาจ่ายเพื่อแลกกับความปลอดภัยกับโรคระบาด อย่าให้ประชาชนออกมาพูดว่าหน่วยงานของรัฐค้ากำไรกับประชาชน ทั้งที่เป็นผู้รับใช้ประชาชน ระวังนะคะ บวกเยอะกรรมจะตามไปเคาะประตูบ้านท่าน” น.ส.อรุณี กล่าว
ยูเอ็น จี้ไทยยึดคำมั่น เร่งคลอดกม.อุ้มหายตามสัตยาบัน ย้ำต้องมีเนื้อหาสอดรับสากล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2972508
“ยูเอ็น” จี้ไทยยึดคำมั่น เร่งคลอดกม.อุ้มหายตามสัตยาบัน ย้ำต้องมีเนื้อหาสอดรับสากล
กรุงเทพมหานคร (4 ต.ค.) – สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยินดีที่ประเทศไทยรับหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยบังคับใช้กฎหมายที่มีเนื้อหาสอดคล้องตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างครบถ้วนโดยเร็ว
สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้เพื่อนำมาพิจารณาเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา โดยคาดว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญซึ่งได้รับการแต่งตั้งเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวจะประชุมครั้งแรกในวันที่ 5 ตุลาคมนี้
ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ CAT) เมื่อปี 2550 และลงนามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance หรือ ICPPED) เมื่อปี 2555 ทั้งนี้ ประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันต่อ ICPPED และพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Optional Protocol to the Convention against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ OPCAT)
เมื่อปี 2559 ระหว่างที่มีการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน (Universal Periodic Review หรือ UPR) ของประเทศไทย รอบที่ 2 นั้น ประเทศไทยได้ให้คำมั่นโดยสมัครใจว่าจะเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับต่างๆ รวมถึง ICPPED และ OPCAT อีกทั้ง ในรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามกระบวนการ UPR รอบที่ 2 ฉบับกลางรอบ เมื่อปี 2562 นั้น ประเทศไทยกล่าวว่าจะภาคยานุวัติ ICPPED ต่อเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกำหนดความผิดทางอาญาการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดย UPR เป็นกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของรัฐสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศ
แม้ร่างพ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้จะมีเนื้อหาครอบคลุมหลักการระหว่างประเทศที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการที่จะไม่ถูกทรมานเป็นสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจระงับชั่วคราวได้ (non-derogability of torture) และหลักการไม่ส่งใครกลับไปเผชิญอันตราย (non-refoulement) แต่นิยามหลักของอาชญากรรมการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายนั้นไม่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้ง ร่าง พ.ร.บ.ฯ ยังขาดบทกำหนดความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (cruel, inhuman and degrading treatment or punishment) และไม่ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องการยอมรับไม่ได้ของคำให้การ หรือข้อมูลอื่นที่ได้จากการทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีเพื่อเป็นหลักฐานในกระบวนการทางกฎหมาย
“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยบังคับใช้พ.ร.บ.ที่มีองค์ประกอบที่จำเป็นและเกี่ยวข้องทุกประการโดยไม่รีรออีกต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน และเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นโดยสมัครใจที่ให้ไว้ในกระบวนการ UPR เมื่อปี 2559 ที่จะให้สัตยาบันต่อ ICPPED และ OPCAT”
ซินเทีย เวลิโก้ ผู้แทนประจำภูมิภาค สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
กรมอุตุฯ เตือน 5–9 ต.ค. จับตาร่องมรสุม อีสาน-ภาคกลาง-กทม. ระวังอันตรายจากฝนหนัก
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6656444
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 5–9 ต.ค. จับตาร่องมรสุม อีสาน-ภาคกลาง-กทม. ระวังอันตรายจากฝนหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.64 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 3-9 ต.ค.64 คาดหมายช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก
ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค.64 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไหหลำ
ข้อควรระวัง ช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค.64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย
ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ในวันที่ วันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
JJNY : พท.จี้เร่งขอสิทธิผลิตยา‘โมนูลพิราเวียร์’│ยูเอ็นจี้เร่งคลอดกม.อุ้มหาย│อุตุฯจับตาร่องมรสุม│กองทุนน้ำมันถังแตกจ่อกู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_2972825
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคพท. แถลงว่า นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลยังคงบริหารจัดการล้มเหลวเสมอต้นเสมอปลาย โดยเฉพาะการจัดการวัคซีนทุกรูปแบบ ทั้งวัคซีนจากภาษีประชาชน หรือวัคซีนจากเงินในกระเป๋าของประชาชน เพราะจนถึงขณะนี้ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้ฉีดแม้วัคซีนเข็มแรก ขณะที่ทั่วโลกก้าวข้ามเรื่องวัคซีน ไปที่การผลิตคิดค้นยาเม็ดสำหรับกินป้องกันโควิดแล้ว อย่างยาโมลนูพิราเวียร์ที่สหรัฐอยู่ในช่วงของการทดลองประสิทธิภาพในขั้นสุดท้าย ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้ และหากผ่าน อย.ของสหรัฐ ก็เตรียมผลิตออกจำหน่ายภายในเดือนนี้ จึงอยากให้รัฐบาลเตรียมการให้พร้อม ทั้งในเรื่องการเร่งสั่งจองซื้อยาทันทีก่อนที่การทดลองจะแล้วเสร็จ เพื่อป้องกันราคาที่จะเพิ่มสูงขึ้นหลังผ่านการรับรอง ขณะเดียวกันองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็ควรวางแผนเจรจากับผู้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ในการซื้อลิขสิทธิ์มาผลิตในประเทศ อย่าปล่อยให้ไทยกลายเป็นประเทศที่ตกขบวนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะไม่มีการเตรียมความพร้อมที่ดีพอ
น.ส.อรุณี กล่าวอีกว่า ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนที่ประชาชนควักเงินจ่ายเองอย่างโมเดอร์นานั้น ยังพบความผิดปกติ เพราะการสั่งซื้อผ่าน 2 หน่วยงานมีราคาที่แตกต่างกันมาก โดย อภ. ซึ่งเป็นตัวแทนซื้อโมเดอร์นาให้โรงพยาบาลเอกชนรวม 9 ล้านโดส ราคาอยู่ที่โดสละ 1,100 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าขนส่ง และค่าประกันภัยรายบุคคล ขณะที่การจัดซื้อโมเดอร์นาของสภากาชาดไทย 1 ล้านโดส ราคาอยู่ที่โดสละ 966.75 บาท รวมค่าขนส่งอย่างเดียว ราคาต่างกันถึงโดสละ 133 บาท คิดเป็นเงินส่วนต่างเกือบ 1,200 ล้านบาท เหตุใดการจัดซื้อผ่านตัวแทนหน่วยงานของรัฐจึงมีการบวกค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ เป็นการกระทำที่บีบให้ประชาชนจนมุมไม่มีทางเลือก มีหน้าที่อย่างเดียวคือจ่ายเงินเพื่อแลกกับวัคซีนที่ดีให้กับตัวเองหรือ อภ.ควรออกมาชี้แจงในเรื่องนี้ด้วย
“ในความเป็นจริง ประชาชนไม่ควรเสียเงินค่าวัคซีนเองด้วยซ้ำ แต่เพราะวัคซีนบางตัวถูกตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพ จึงต้องเจียดเงินที่มีน้อยนิดมาจ่ายเพื่อแลกกับความปลอดภัยกับโรคระบาด อย่าให้ประชาชนออกมาพูดว่าหน่วยงานของรัฐค้ากำไรกับประชาชน ทั้งที่เป็นผู้รับใช้ประชาชน ระวังนะคะ บวกเยอะกรรมจะตามไปเคาะประตูบ้านท่าน” น.ส.อรุณี กล่าว
ยูเอ็น จี้ไทยยึดคำมั่น เร่งคลอดกม.อุ้มหายตามสัตยาบัน ย้ำต้องมีเนื้อหาสอดรับสากล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2972508
“ยูเอ็น” จี้ไทยยึดคำมั่น เร่งคลอดกม.อุ้มหายตามสัตยาบัน ย้ำต้องมีเนื้อหาสอดรับสากล
กรุงเทพมหานคร (4 ต.ค.) – สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยินดีที่ประเทศไทยรับหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยบังคับใช้กฎหมายที่มีเนื้อหาสอดคล้องตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างครบถ้วนโดยเร็ว
สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการร่างพ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้เพื่อนำมาพิจารณาเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา โดยคาดว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญซึ่งได้รับการแต่งตั้งเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวจะประชุมครั้งแรกในวันที่ 5 ตุลาคมนี้
ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ CAT) เมื่อปี 2550 และลงนามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance หรือ ICPPED) เมื่อปี 2555 ทั้งนี้ ประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันต่อ ICPPED และพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Optional Protocol to the Convention against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ OPCAT)
เมื่อปี 2559 ระหว่างที่มีการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน (Universal Periodic Review หรือ UPR) ของประเทศไทย รอบที่ 2 นั้น ประเทศไทยได้ให้คำมั่นโดยสมัครใจว่าจะเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาระหว่างประเทศฉบับต่างๆ รวมถึง ICPPED และ OPCAT อีกทั้ง ในรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนตามกระบวนการ UPR รอบที่ 2 ฉบับกลางรอบ เมื่อปี 2562 นั้น ประเทศไทยกล่าวว่าจะภาคยานุวัติ ICPPED ต่อเมื่อมีการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกำหนดความผิดทางอาญาการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดย UPR เป็นกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของรัฐสมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศ
แม้ร่างพ.ร.บ.ฯ ฉบับนี้จะมีเนื้อหาครอบคลุมหลักการระหว่างประเทศที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการที่จะไม่ถูกทรมานเป็นสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจระงับชั่วคราวได้ (non-derogability of torture) และหลักการไม่ส่งใครกลับไปเผชิญอันตราย (non-refoulement) แต่นิยามหลักของอาชญากรรมการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายนั้นไม่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้ง ร่าง พ.ร.บ.ฯ ยังขาดบทกำหนดความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (cruel, inhuman and degrading treatment or punishment) และไม่ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องการยอมรับไม่ได้ของคำให้การ หรือข้อมูลอื่นที่ได้จากการทรมาน การกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรีเพื่อเป็นหลักฐานในกระบวนการทางกฎหมาย
“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยบังคับใช้พ.ร.บ.ที่มีองค์ประกอบที่จำเป็นและเกี่ยวข้องทุกประการโดยไม่รีรออีกต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน และเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นโดยสมัครใจที่ให้ไว้ในกระบวนการ UPR เมื่อปี 2559 ที่จะให้สัตยาบันต่อ ICPPED และ OPCAT”
ซินเทีย เวลิโก้ ผู้แทนประจำภูมิภาค สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว
กรมอุตุฯ เตือน 5–9 ต.ค. จับตาร่องมรสุม อีสาน-ภาคกลาง-กทม. ระวังอันตรายจากฝนหนัก
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_6656444
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 5–9 ต.ค. จับตาร่องมรสุม อีสาน-ภาคกลาง-กทม. ระวังอันตรายจากฝนหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.64 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 3-9 ต.ค.64 คาดหมายช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทย ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก
ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค.64 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะไหหลำ
ข้อควรระวัง ช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค.64 ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย
ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-35 องศาเซลเซียส
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-20 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ในวันที่ วันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 3 – 4 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 5 – 9 ต.ค. 64 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.